เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Art first (because life can wait)jchang
[Your song is my pen] - Without you, 10 minutes 10 years, Spring Day




  • งานเขียนสั้นๆจากเพลงที่ชอบ. 




     I never save up enough to get on an airplane

    but thanks to those capitalists who sell your songs at 1.99 dollars on iTunes,

    Tonight I can fly 

    fly to the rim of the earth and dance my way up to the boundless sky. 



    your music is my wings

    and your song is my pen. 









    01 Oh wonder - without you 








    เธอตื่นขึ้นในถนนสายเปลี่ยวในนิวยอร์ค 



    เธอรู้ว่าที่นี่คือนิวยอร์คเพราะตึกอิฐที่เรียงต่อกันเป็นบล็อคๆ ถนนตรงนั้นว่างเปล่า หนังสือพิมพ์แจกฟรีหน้ารถไฟใต้ดินลอยขึ้นเหนือพื้นเมื่อลมพัดผ่าน ฝุ่นฟุ้งกระจาย เธอเบิกตากว้าง และความโดดเดี่ยวที่เคยตกตะกอนลอยกลับขึ้นมาอีกครั้ง 


    เดิน 



    เดิน 



    เดินออกไปอย่างรวดเร็ว 


    เดินไปข้างหน้า ก่อนในที่สุดเธอจะออกวิ่ง



    วิ่ง



    เธอวิ่ง 



    เงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทาหม่นของนิวยอร์ค เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะวิ่งไปที่ไหนและกำลังวิ่งหนีอะไร 



    ถนนตรงหน้าว่างเปล่า ตึกว่างเปล่า เส้นทางถอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างเหมือนฉากในหนังดิสโทเปียและเธอเป็นเหมือนมนุษย์คนสุดท้ายที่ยังหลงทางอยู่บนโลก 



    ก้มหน้า หายใจแรง เธอหยุดวิ่ง 



    มองปลายยอดของตึกสูงที่อยู่ใกล้ออกไป 



    เสียงรถไฟเคลื่อนตัวเข้าสถานีดังขึ้น เงียบลง เสียงลมดังขึ้น เงียบลง เสียงหัวใจที่เต้นแรงของเธอดังขึ้น และ เช่นกัน มันค่อยๆเงียบลง 



    ภาพตรงหน้าพร่ามัว นิวยอร์คที่ว่างเปล่าเริ่มเลือนลาง 




    ไม่เป็นไรนะ .... ไม่เป็นไร 




    เธอพูดกับตัวเองซ้ำๆ 








    บางที.. 


    บางที ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นแค่ความฝัน 








    ย้ำกับตัวเองแล้วฉีกยิ้มกว้างในนิวยอร์คที่ไร้ผู้คน 







    มีเพียงอย่างเดียวที่เธอยังไม่เข้าใจ 








    ถ้าความโดดเดี่ยวทั้งหมดนี้เป็นแค่ฝัน 







     .... ทำไม เขา ถึงไม่ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นเสียที 


















    02 Tennis - 10 Minutes 10 years






    เขา เต้นรำอยู่ที่กลางห้องโถง ไฟดิสโก้สลับสีฉายลงบนใบหน้าชวนฝัน เขาเคลื่อนตัวด้วยเวทมนต์ที่ทำให้เธอละสายตาออกไปไม่ได้ 


    ผู้คนมากมายกำลังพูดคุย ดื่ม เต้นรำ และหัวเราะ เสียงดังวุ่นวาย แสงไฟสาดไปในความมืดจนมองเห็นฝุ่นที่กระจายอยู่รอบๆ 


    เธออยู่ในชุดเดรสสีส้มอิฐลายดอกที่กำลังเป็นที่นิยมในปี 1974  สุภาพบุรุษข้างตัวกำลังพูดถึงสงครามเวียดนามและบอกว่าสันติภาพกำลังจะเกิดขึ้น 



    เธอจุดบุหรี่ สูบมันเข้าเต็มปอด ปล่อยควันออกมา ริมฝีปากทาด้วยลิปสีแดงเข้มยกยิ้ม 


    ดวงตายังคงมองไปที่เขา 








    เส้นผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า เขาไม่ต่างจากรูปสลัก 









    และความสมบูรณ์แบบนั้นทำให้เธอสงสัย 






    เขาจะเป็นของเธอแค่สัก 10 นาทีได้มั้ย ? 







    แต่ถ้ามันไม่มากเกินไป เขาจะยอมให้เธอเป็นของเขาตลอดไปได้รึเปล่า ? 






    เพลงแจ๊สเปลี่ยนเป็นทำนอง Slow dance เขาหยุดนิ่ง กวาดตามองหาคู่เต้นคนใหม่ 


    เธอมองไปที่เขาอย่างพิจารณา 





    ตลอดไปมันเนิ่นนานแค่ไหน ? 





    10 นาที ? 10 ปี ? ชั่วพริบตา ? 







    แล้วเธอก็เป็นฝ่ายเดินตรงเข้าไปหาเขาที่กลางฟลอร์ เขาโค้งตัวให้อย่างสุภาพ ปล่อยให้เธอวางมือลงบนไหล่ พร้อมหลับตา







    ชั่วนิรันด์มันอาจจะเนิ่นนานจนถึงโน๊ตสุดท้ายของเพลงนี้.















    03 BTS - Spring Day 







    พวกเราวิ่งออกมาพร้อมกันจากจุดเริ่มต้น



    ตอนที่หิมะแรกร่วงหล่น ผมหันมองรอบตัวก่อนจะเห็นพวกเราเพียงเจ็ดคนเหลืออยู่บนถนน 



    สายลมเย็นพัดผ่านใบหน้า ผมวิ่งต่อไปข้างหน้า ในขณะที่คนอื่นรอบตัวค่อยๆหายไปช้าๆทีละคน 



    พระอาทิตย์ลดลงต่ำ ช่วงเวลาทไวไลท์ที่ทั้งมืดทั้งสว่างและไม่ทั้งสองอย่าง ต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล 



    เงยหน้ามองขึ้นฟ้า ผมเห็นเกล็ดหิมะเปลี่ยนไปเป็นกลีบดอกซากุระสีชมพูที่ปลิ้วว่อน



    หยุดวิ่งทั้งๆที่เส้นชัยอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร รอบตัวว่างเปล่า ผมพบตัวเองอยู่ในพื้นดินโล่งๆที่กว้างใหญ่ออกไปไม่มีที่สิ้นสุด 



    ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ... แต่ทุกคนจากไปแล้ว 



    พวกเราที่เคยวิ่งมาด้วยบนเส้นทางเดียวกัน พวกเราเลือกที่จะเลี้ยวไปในเส้นทางใหม่ที่แยกเราให้ห่างกันออกไปเรื่อยๆ 



    ในที่สุดบนเส้นทางนี้ ก็เหลือเพียงผมแค่ตัวคนเดียว 





    ผมควรจะรอ ... หรือผมควรจะวิ่งต่อ ?





    ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องรออะไรในเมื่อทุกคนจากไปแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกขมหวานที่ยังคงลอยค้างอยู่ในอากาศ 




    กลืนน้ำลายเอือกใหญ่ 



    หัวใจบีบตัวและผมรู้สึกเจ็บปวด 



    มองไปข้างหน้าอีกครั้ง แสงอาทิตย์ที่ปลายฟ้าสาดแสงสุดท้ายอาบลงบนต้นไม้ต้นใหญ่และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสีทอง 



    ผมได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเรา 



    มุขตลกที่ไม่ชวนขำ คำพูดประชดเสียดสีที่ไม่มีพิษภัย 



    และรอยยิ้มที่ตอนนั้นมันทั้งงดงามและง่ายดาย





    ผมควรจะรอ.. หรือวิ่งต่อไป 



    ถามตัวเองซ้ำอีกครั้งแม้จะรู้ดีว่าถึงเวลาต้องปล่อยความทรงจำพวกนั้นไป 



    ก้าวเท้าไปข้างหน้า ออกวิ่งอีกครั้ง เร็วขึ้น แรงขึ้น แต่ต้นไม้แห่งเส้นชัยย่ิ่งห่างออกไป พี้นดินกว้างใหญ่ขยายตัวกว้างกว่าเดิม และผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าความโดดเดี่ยวในใจแผ่ไปไกลจนไม่มีที่สิ้นสุด 




    ยกมือขึ้นข้างแก้ม 


    ตั้งใจจะปัดเกล็ดหิมะและกลีบบอบบางของดอกไม้ออก 


    แต่สิ่งที่ติดปลายนิ้วกลับมา มีเพียง น้ำตาเย็นเฉียบของฤดูใบไม้ผลิ 










    ขอให้พวกนายโชคดี. 




    ขอให้ตัวฉันเองโชคดี. 



    ลาก่อน

















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in