เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเราเล่า "ความ"Suwat Posayawatanakul
ความสัมพันธ์ ไร้สัมผัส
  • ภาพคุณแม่ร่ำไห้มองดูลูกที่กำลังถูกส่งขึ้นรถโรงพยาบาล เพื่อรักษาตัว 

    อยากกอด อยากสัมผัส  อยากปลอบประโลม อยากให้กำลังใจลูกสุดหัวใจ 

    แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ลูกปลอดภัยจากโรคภัยครั้งนี้


    หลายคนมองข้ามความสัมพันธ์ใกล้ตัว 

    ละเลยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต 

    ใช้ชีวิตโดยประมาทมาตลอด

    ไม่เคยได้เหลียวมองย้อนกลับมาดูคนข้างหลัง

    ที่อาจเป็นห่วงเป็นใยเรามากกว่าตัวเราเสียอีก

    อย่างนี้ ถือเป็นการเอาเปรียบ อกตัญญู หรือ เห็นแก่ตัวเกินไป รึเปล่า

     

    ฮาร์วาร์ดได้ทำการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ใช้ระยะเวลายาวนาน 

    ในการเก็บข้อมูลติดตามผลผู้คน 724 คน ตลอด 75ปี

    เพื่อค้นหา สิ่งที่ทำให้คนเรามีความสุขมากที่สุดคือ อะไร


    ทรัพย์สินเงินทอง 

    หลายคนตอบได้ทันที  อย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

    สิ่งเหล่านี้จะดลบันดาลความสุขได้


    ใช่ นั่นคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด

    การที่เราดิ้นรนไขว่คว้าทำงาน งกๆเงิ่นๆ ทุกวัน

    ไม่ใช่เพราะทรัพย์สิน เงินทอง หรอกเหรอ


    หนังสือคู่มือ ฮาว์ทู สารพัดวางขายเกลื่อนตามร้านหนังสือ 

    ล้วนแล้วแต่อยากเปิดเผยเคล็ดลับความรวยให้คนอื่นได้รับรู้ ให้ทำตามเลียนแบบกันทั้งนั้น

    ความหวังลอยๆ ช่วยให้เรามีกำลังใจ ต่อสู้สู่หนทางรวย เพื่อนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง

    แต่หารู้ไม่ว่าจะมีสักกี่คนที่สามารถเลียนแบบชีวิตคนอื่นได้ลงตัวแล้วร่ำรวยได้จริง

     

    ความสุขเพิ่มพูน ยิ่งขึ้น หากประกอบกับชื่อเสียง เกียรติยศ และอำนาจ

    ทั้งที่รู้ว่าภาพเหล่านี้ล้วนลวงตา แต่หลายคน ก็ยังตะกายหา

    เพราะนั่น คือ สิ่งดึงดูด  เหนี่ยวนำให้เกิดผลพลอยได้

    จากทรัพย์สินเงินทองที่ไหลมาเทมา อย่างไม่ขาดสาย


    ในสังคม เราจึงเห็นพฤติกรรมหลากหลายของคน 

    ถูกบ้าง  ผิดบ้าง โกงบ้าง กักตุนบ้าง เอาเปรียบบ้าง ตามน้ำบ้าง

    กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาชิน

    อย่างมากก็แค่ถูกสังคมประณามในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    อีกซักพัก ก็จะหลงลืม ถูกทดแทนด้วยสิ่งใหม่ที่เร้าใจกว่าเดิม


    บทเฉลยงานวิจัยฮาร์วาร์ดจบลงที่ 

    สิ่งที่มีผลทำให้ชีวิตยืนยาวและมีความสุข 

    คือ ความสัมพันธ์ที่ดีจากคนรอบข้าง

    เสมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้ชีวิตสั้นๆ  ของคนหนึ่งคน  จบลงอย่างเป็นสุข 

    และผมก็เชื่อในสิ่งนั้น 

    เราอาจมีเงินทองมากมาย แต่ตายอย่างโดดเดี่ยว ย่อมทุกข์ทรมานใจกว่านัก

     

    ความสัมพันธ์ที่ดีจึงไม่ได้หมายถึง การแค่ได้สร้างสัมพันธ์ชีวิตคู่ร่วมกันกับใครคนสักคน 

    หรือ การมีเพื่อนฝูงมากมายในโซเชียล กด like กด follow มากมายมหาศาล 

    แต่กลับหาเพื่อนรักที่จริงใจไม่ได้สักคนในโลกแห่งความจริง

     

    ความสัมพันธ์ที่ดี จึงไม่ใช่ปริมาณ ที่ต้องไขว่คว้า หากแต่เป็นเรื่องของคุณภาพ ที่ต้องทะนุถนอม

    ปริมาณอาจทำให้เราเป็นสุข เมื่อเห็นยอด like follow เพิ่มมากขึ้นทุกวัน 

    เสมือนชื่อเสียง อำนาจ ได้รับการยอมรับ สังคมรู้จัก 

    แต่ คุณภาพกลับทำให้เราอิ่มเอิบ หัวใจพองโต 

    เสมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจในยามแห้งผากให้กลับมาชีวิตอีกครั้ง


    บางครั้งเราอาจต้องการเพียงคนไม่กี่คน

    แค่เดินเข้ามา สัมผัส 

    แล้วโอบกอดด้วยความเข้าใจในเวลาเราที่ไม่มีใคร

     

    หลายความสัมพันธ์ที่ไร้ค่า ไม่น่าโยงใย ก็ควรตัดทิ้ง 

    เพราะยิ่งสร้าง ยิ่งรังแต่จะนำความหายนะมาสู่ตัว 


    เพื่อนฝูงที่เอาแต่ชักชวนกินเหล้า เมายา สำเริงสำราญไปวันๆ 

    แม้ผับ บาร์จะถูกสั่งปิด ก็ยังคงแบ่งปันแจกจ่ายความเสี่ยงให้เพื่อนรักด้วยปาร์ตี้สุดสวิงที่บ้านแทนผับ

    ความสัมพันธ์ กับคนเหล่านี้จำเป็นต้องมีเก็บไว้หรือไม่


    หัวหน้าลัทธิ ปลุกระดม สร้างสัมพันธ์ด้วยการมอมเมาผ่านหลักการเน่าๆ วกวน ขาดสติสัมปชัญญะ 

    ในช่วงเวลาที่สังคมต้องการความหวัง กำลังใจ ความสามัคคี 

    ราวกับเราเป็นคนโง่เง่า ไร้ปัญญา ชักจูงจมูกได้ง่าย 

    หากพิจารณาไตร่ตรองแล้ว 

    ความสัมพันธ์ กับคนเหล่านี้ จำเป็นต้องสานต่ออีก หรือไม่


    คนรักที่ปันใจให้คนอื่น มองเราเสมือนสิ่งของไร้ค่า เบื่อก็ผลักไส ปล่อยรอยแผลที่ไม่อาจเยียวยาคืนกลับมาได้เหมือนเดิม 

    ความสัมพันธ์ กับคนแบบนี้ จำเป็นต้องเก็บไว้หรือไม่ 

    หรือเก็บไว้ก็รังแต่เปลืองทรัพยากรในการบำรุงรักษา 

    หากลบทิ้งออกไปจากชีวิตได้ น่าจะดีกว่าการยื้อสานต่อผูกสัมพันธ์กันให้ยาวนานมากไปกว่านี้


    ในขณะที่ความสัมพันธ์บางอย่าง งดงาม น่าทะนุถนอม 

    แต่กลับปล่อยให้รกร้าง ไม่เหลียวแลอย่างที่ควร


    ภาพคุณแม่โอบกอดลูกด้วยความรักความห่วงใย 

    น้ำตาอาบแก้มไหลริน น้ำตาแห่งความปิติที่ได้อยู่กับลูกที่ห่างหายไปนานแรมเดือน

    สงกรานต์ปีนี้ เราอาจไม่ได้กลับบ้านไปโอบกอด ออดอ้อนเหมือนอย่างที่เคย 

    แต่คนไกลรู้ว่า ความรัก ความคิดถึงยังไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือลดรา 


    การทิ้งระยะห่างของความสัมพันธ์  เพื่ออยู่อย่างโดดเดีี่ยว ไม่ข้องแวะ แค่ 14 วัน

    สิ่งนี้อาจไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่เรากำลังทำเพื่อครอบครัว เพื่อคนอีกหลายคนในสังคมที่จะไม่กลายเป็นเหยื่อจากความผิดพลาดของเรา


    ฝากบันทึกความจำไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกัน ยังคงดีเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 
    แค่เพียงไร้สัมผัส  ชั่วขณะ ระยะเวลาหนึ่งเวลานี้ 14 วันเท่านั้นเอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in