เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
postscript.cineflections
the relativity of time : Q&A with A Ghost Story (2017)'s David Lowery
  • เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เราได้ไปดู A Ghost Story (2017) รอบพิเศษ ตามด้วย Q&A กับผู้กำกับ David Lowery ที่ British Film Institute (BFI) ณ​ กรุงลอนดอน เลยนำบางส่วนมาฝากกันค่ะ




    Before the film: เกริ่นนำ

    ก่อนที่จะฉายหนัง David Lowery เกริ่นว่า ทั้งๆที่เป็นคนสร้างหนังเอง ก็ยังแอบลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในหนัง แต่ละทีที่ดูหนัง ("When I watch it -  I made it. - I still forget what happens next.") แนะนำให้คนดูปิดมือถือและตั้งใจดูหนังให้เต็มที่ เพราะตัวหนังเป็นหนังที่เนิบ และ เงียบมากๆ แต่เงียบในด้านที่ดีที่สุดจริงๆ ("Really turn off your cell phones... The film is very, very quiet, but in the best way possible.")



    The Q&A:  คุยกับ David Lowery

    เกร็ดต่างๆที่ได้จาก Q&A ตามนี้เลยค่ะ:
    • "ผมเป็นเด็กที่เงียบมาก และตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่" Lowery กล่าว "ท่าทางการกระทำและการวางตัวนั้นจึงสื่อออกมาผ่านหนัง"


    • Lowery ต้องการสื่อ "การมองคล้ายๆจากมุมมองของเด็ก" ("a childlike perspective") ผ่านหนังที่ย้อนหวลถึงอดีตด้วยความคิดถึง ("a very nostalgic film") อย่างใกล้ชิด และราวเป็นเรื่องส่วนตัว ("an intimate and personal film")


    • การวิเคราะห์ความเศร้าสร้อย บวกกับ ภาพด้านล่างที่เป็นภาพแรกในการสร้างหนัง ทำให้เขาเริ่มกระบวนการถ่ายหนัง Lowery ต้องการสร้างหนังที่มองความตายเป็นเรื่องจริงจัง และแสดงความเคารพต่อสิ่งที่ทุกคนย่อมต้องพบเจอในชีวิต


    • ผีที่สวมผ้าคลุมลายดอกในหน้าต่างบานตรงข้ามนั้นคือ Lowery เองค่ะ เขาเล่าว่า ทั้งเขาและ Casey Affleck ต่างรู้ว่าการที่ต้องคลุมผ้าคลุมแสดงนานๆ ใน Texas กลางอากาศร้อนกว่า 100 ฟาเรนไฮต์ ( 37+ องศา) ไม่เป็นเรื่องสนุกเลยสักนิด


    • ระหว่างถ่ายทำ Lowery ก็ได้แต่คิดว่า นี่จะต้องออกมาแย่แน่ๆ ไม่มีอะไรดีเลย


    • โทนของหนังมาจากตัวละคร "ผี" โดยพยายามคิดถึงอะไรที่เหมาะสมกับตัวละครมากที่สุด


    • Lowery ไม่เคยวางแผนว่าฉากที่ Rooney Mara นั่งกินพายจะยาวนานเท่าไหร่ แต่รู้ว่าจะต้องอยู่ในหนังที่เสร็จแล้ว


    • หนังต้องการสื่อถึงการเล่าเรื่องผ่านเวลา ความแตกต่างของการเคลื่อนไหวระหว่างเวลาเท่าที่รู้สึก (relative time) และเวลาจริงๆ ต้องการให้คนดูไม่ยึดติดกับเวลา เพราะเวลาเป็นอะไรที่ไม่ต้องประสบตามลำดับก็ได้


    • หลังจากเวลาหนึ่งแล้ว ตามที่หนังได้แสดงให้เห็น เวลาก็ไม่สำคัญ​ หนังให้ความสำคัญกับ เนื้อที่ ("space") ที่เกี่ยวข้องกับเวลา แทน


    • Lowery นั้นตัดต่อหนังมาก่อน จึงชอบความสัมพันธ์ของเวลากับหนัง ชอบที่เวลาสามารถให้ความหมายกับหนัง และการที่เล่นกับความคิดนั้นในหนังได้


    • เลือกใช้ 1:33 aspect ratio เพื่อที่จะให้คนดูเข้าใจความรู้สึกของ "ผี" ที่ติดอยู่ในที่ๆหนึ่งอย่างยาวนาน


    • Lowery เองไม่เคยรู้ว่า Mara เขียนอะไรใส่ในกระดาษที่เธอซ่อนในหนัง ไม่มีทีมงานคนไหนรู้เลย เพราะตัว Mara เองไม่เคยบอกใครว่าเธอเขียนอะไร Lowery กล่าวขำๆว่า Mara บอกเขาว่าเธอลืมไปแล้ว แต่เขาไม่เชื่อเธอสักนิด ("She said she forgot, and I don't believe her for a second.")




    รีวิวสั้นๆ: 

    โดยส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าหนังเนิบมาก ปกติเป็นคนชอบหนังอินดี้ แต่รู้สึก 'เข้าไม่ถึง' กับเรื่องนี้ แอบเบื่อเล็กๆตอนดู​ สิ่งแรกที่คิดหลังหนังจบเลยคือ เป็น Doctor Who ตอนนึงที่ยาวเป็นบ้า! ("One fucking long episode of Doctor Who through the fabric of space and time!") งานภาพสวย งานตัดต่อไร้ที่ติ และมุมมองแต่ละชอตของทุกฉากสดใหม่ เพลง โดยเฉพาะเพลงที่นางเอกนั่งนอนฟังนั้นเพราะมาก เกลียดฉาก monologue ยาวๆของตาคนนั้นกลางเรื่อง เกือบจะถามตัวเองว่า สุดท้ายแล้ว ยอมเสียเวลานั่งดูอะไร (ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเวลาดีๆนี่เอง) ไป?

    //
    มาคุย / ทักทายกันได้ที่ทวิต

    @cineflectionsx

    นะคะ <3


    x
    ข้าวเอง.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in