เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่าเรี่ยราดam_vv
เพราะมาราธอนแรกมีครั้งเดียว
  • จะบอกว่าเป็นธรรมเนียมของนักวิ่งก็ว่าได้ที่เขามักจะเขียน Race Note หลังจากจบงานวิ่งแต่ละงานแปะไว้ใน Social Media สักที่ แต่สำหรับเราอันนี้คือ Race Note อันแรกที่เขียน เพราะมันคือฟูลมาราธอนแรก และครั้งแรกมันมีแค่ครั้งเดียว!!! 

    จะว่าเป็น Race Note ก็ไม่น่าใช่  ... แต่จะเล่าเรี่ยราดไปทั่วแหละ 55555555

    ระยะ Full Marathon = 42.195 กิโลเมตร ข้ามจังหวัด ข้ามอำเภอ อีกนิดเดียวก็เท่ากับขับรถจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิแล้ว คนปกติเขาก็คงใช้รถกันแหละ แต่มันก็หลายคน (รวมถึงเรา) ที่บ้าพอที่จะวิ่ง (ผสมเดิน) ในระยะนั้น และพยายามไปถึงจุดหมายให้ไวที่สุดเท่าที่ร่างกายจะไหว

    เราสมัคร BANGSAEN42 เป็นมาราธอนแรก เพราะส่วนตัวเคยวิ่งระยะ 21 กิโลกับผู้จัดงานนี้แล้วโอเค ดราม่าน้อยกว่างานในกทม. โลเคชั่นก็ท้าทาย ทางวิ่งมีขึ้นเขาด้วย มันไม่เรียบแต่ก็ไม่ง่ายเกินไป ตอนเปิดรับสมัครเมื่อปลายปี 2021 เลยลองสมัครแบบ Lotto (สุ่ม) ดู เพราะงานเขาให้โควต้านักวิ่งเก่าก่อน แถมจำกัดจำนวนนักวิ่งหน้าใหม่ด้วย มือใหม่อย่างเราเลยต้องลุ้นว่าจะได้ไปงานนี้ไหม แต่ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าได้โควต้าวิ่งที่นี่ก็ดี เผื่อได้จบฟูลก่อนอายุ 30 ก็คงไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าไม่ได้ก็ดีเหมือนกันเพราะรู้ตัวว่าซ้อมไม่ถึงแน่นอน ไว้ปีหน้าก็ได้ 5555555

    แต่ ....

    คนมันดวงดีเกินไปอะนะ คนอื่นเค้าลุ้นมาตั้งหลายปี นี่สมัครปีแรกก็ได้เลย!  


    เมื่อเดือนธ.ค.ตอนที่รู้ว่าจะได้วิ่งฟูลคือ ... เริ่มซ้อมไงดีวะ มีเวลาไม่ถึงสี่เดือนนะ?!

    ปกติไม่เคยซ้อมถึงซักงาน ขนาด 21 กิโล ที่ลงบ่อยๆ ซ้อมมากสุดแค่ 16k ที่เหลือก็เน้นสับๆ หน้างานอย่างเดียวเลย แต่นี่คูณสองเข้าไปอี๊กกก! จะไปซ้อมวิ่งยาวที่ไหน?  ถ้าซ้อมแล้วใครจะส่งข้าวส่งน้ำ? รองเท้าต้องเปลี่ยนมั้ย? เยอะแยะไปหมดเลย แต่ด้วยความที่ตาม Online Personal Trainer (@befitwithjess) ไว้นานมาก อยากเทรนกับพี่เจสเขามาสักพักแล้ว แต่ติดพี่เจสเขาเป็นสายเวท เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเริ่มดีไหม (ไม่ใช่สายวิ่งและคาร์ดิโออย่างเรา!) เลยลองทักไปถามว่ารับเทรนสายวิ่ง เตรียมฟูลมาราธอนไหมคะ ซึ่งพี่เค้าก็รับ เย่! ประกอบกับมีโปรโมชั่นปลายปี เราเลยตัดสินใจให้พี่เจสช่วยจัดตารางออกกำลังกายและทานอาหารให้ แล้วเริ่มตารางเทรนตั้งแต่ปีใหม่ 

    ถ้านับจากวันแรกที่เริ่มเทรนออนไลน์ ก็มีเวลาแค่ 11 สัปดาห์ถึงวันวิ่ง (20 มี.ค. 22) เอาจริงๆ ถือว่าเวลาน้อยมาก เพราะช่วงปี 2021 ออกกำลังกายแค่บอดี้เวท คาร์ดิโอตามคลิปยูทูป วิ่งบ้างเล็กน้อยในระยะ 5-10k ใช้เวลาแค่ครั้งละ 45 นาที ถึง 1 ชม. ต่อวัน สัปดาห์ละ 4-5 วัน แค่นั้นเลย 


    แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปวิ่งข้ามอำเภอขนาดนั้น?  นอกจากขุดความถึกที่ตัวเองมีทั้งหมดออกมา 5555555555


    แต่ด้วยความอยากจบฟูลมาราธอนให้ได้ และถือโอกาสลดหุ่น+เพิ่มกล้ามไปในตัว เลยเลือกโปรแกรมเทรนแบบใช้ดัมเบล ลงทุนซื้อเซทดัมเบล 20kg แบบปรับน้ำหนักได้มาติดห้องไว้เลย แต่เดือนมกราก็เริ่มจากเบาๆ แค่ 2-4 kg นะ มากกว่านั้นตายแน่ 555555555  และแน่นอนว่าตารางออกกำลังของพี่เจสเค้าเน้นเวทมากกว่าคาร์ดิโออยู่แล้ว ซึ่งเราเข้าใจและโอเคมากด้วย เพราะรู้ตัวว่าซ้อมวิ่งไม่ถึงก็ต้องสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากพอ บวกกับไม่ค่อยอยากวิ่งรอบคอนโดสักเท่าไหร่ เพราะนิติให้ใส่หน้ากากวิ่งตลอดเวลา! อาจจะขาดอากาศหายใจตายก่อนได้ ...  


    สรุปตารางซ้อมของเราเลยกลายเป็น เวท 4 วัน/สัปดาห์ วันละ 45 นาที  ซ้อมวิ่งสั้นๆ 5-8k วันนึง วิ่งยาวมากกว่า 10k  ในช่วงวันเสาร์หรืออาทิตย์ ส่วนเรื่องกินก็เน้นกินโปรตีนให้ถึง สารอาหารครบ ไม่ขาดไม่เกิน ไม่คลีนเกินและไม่ junk เกินไป เท่านั้นแหละ 


    คนอื่นเขาวิ่งเขาซ้อมแทบตาย   ทำไมอินี่ซ้อมแค่นี้ เอาความมั่นมาจากไหน 5555555 แต่ถ้าได้เห็นตารางเวท แล้วเห็นสภาพหลังเวทแต่ละวันคือร่างร้าวเลยนะ ปวดแขน ปวดขา ปวดตูด ปวดพุง มาครบเลย! 


    ในส่วนของการซ้อมวิ่งยาว จริงๆ เพิ่งเริ่มวิ่งเกิน 21k ตอนเดือนกุมภา ระยะมากที่สุดที่ซ้อมคือ 25.45k เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ระยะเวลา 3.12 ชม. หลังจากนั้นก็มีเวลาเหลือแค่สามสัปดาห์ ซึ่งสัปดาห์ถัดมาก็วิ่งยาวแค่ 17k 21k และสัปดาห์สุดท้ายก่อนวิ่งก็ซ้อมยาวสุดแค่ 6k เพราะร้อน ซ้อมนานกว่านั้นไม่ไหว 5555555555555555


    ใช่ค่ะ ฟูลครั้งแรกนี้อาศัยพลังเวทและพลังถึกจริงๆ 


    ไม่กี่วันก่อนวิ่ง ทางงานส่ง SMS มาบอกว่าเราจะได้อยู่จุด Start ช่วงไหน เพราะด้วยสถานการณ์โควิด เขาไม่สามารถปล่อยตัวนักวิ่งได้พร้อมกันทั้งหมด คนที่ได้เริ่มวิ่งก่อน+อยู่โซนหน้าๆ คือคนวิ่งเร็ว ถ้าช้ากว่านั้นก็ปล่อยตัวช้ากว่านิดนึงและอยู่ท้ายขบวน ซึ่งงานวิ่งเขาก็ให้กรอกเวลาที่คาดว่าจะวิ่งจบตั้งแต่ตอนสมัครแล้วแหละ  เราก็เขียนไปว่า 5.30 ชม. มันก็ไม่ช้าและไม่เร็วนะ แต่ประเด็นคือสถิติ 21k ของเราอยู่ที่ 2.06 ชม.  เค้าก็คงหวังดีเลยให้ไปอยู่บล็อค A4 ด้านหน้าๆ กับคนที่เค้าวิ่งต่ำกว่า 5.00 ชม. แหละ ......... ขนาดแม่เราที่วิ่งได้ต่ำกว่า 5 ชม. ยังได้ปล่อยตัวช้ากว่าเลยอะ ทำไมเค้ามั่นใจในฟูลแรกของเราขนาดน๊านนนนน


    ถึงวันที่ 18 มี.ค. เราต้องตรวจ ATK เพื่อยืนยันว่าปลอดโควิดก่อนไปรับเสื้อและก่อนเข้างานวิ่ง ซึ่งเราจองคิวนักเทคนิคการแพทย์ผ่านระบบ TeleMed ของ LabMove ไว้ พี่นักเทคนิคการแพทย์ที่คอนเฟิร์มผลตรวจให้เราเขาก็เป็นนักวิ่ง เคยวิ่งงานนี้และผ่านฟูลมาราธอนมาหลายงาน เค้าก็ถามว่าเราซ้อมยังไง ซ้อมถึงมั้ย ตามประสานักวิ่งด้วยกันแหละ แต่พี่เค้าก็บอกว่ายังไงเราก็วิ่งจบเพราะสถิติวิ่งฮาล์ฟโอเค บวกกับอายุยังไม่ถึง 30 ยังมีแรงเยอะ สบ๊ายยยย แค่อย่าเผลอวิ่งเร็วตอนเริ่มจนแรงหมดก่อนก็พอ


    วันที่ 19 มี.ค. = วันรับ BIB = วันรับหมายเลขติดเสื้อ รับเสื้อวิ่ง รับของที่ระลึกต่างๆ ไม่ซ้อมไม่อะไรแล้วเน้นเดินช็อปปิ้งและกินเสริมพลังก็พอแล้วววว และเป็นวันที่ต้องนอนเร็วมาก เพราะงานวิ่งปล่อยตัวตอนตีสองของวันที่ 20 ฝืนไม่กินกาแฟทั้งวันและเข้านอนตั้งแต่ 1 ทุ่ม เพื่อให้ตื่นตอนเที่ยงคืน



    FYI ชุดและอุปกรณ์ที่ใส่วิ่งเป็นแบรนด์ไทยทั้งหมด (ยกเว้นหมวดกับรองเท้า) ของดีมีคุนตะพาบทั้งนั้น!
    ในอินสตราแกรมติดแท็กร้านไว้ครบแล้ว ตามไปสนับสนุนกันได้จ้าาา 

    ตอนแรกก็กลัวว่าจะนอนไม่หลับ แต่สุดท้ายก็หลับนะ ตื่นตอนเที่ยงคืนได้โดยไม่งัวเงีย แต่ปัญหาไม่อยู่ที่การตื่นค่ะ ... มันอยู่ที่การขับถ่าย! มันไม่ออกตอนเที่ยงคืน!  ทั้งๆ ที่กินไฟเบอร์ช่วยไปตอนเย็น แต่ก็ออกไม่หมด พยายามเข้าห้องน้ำบิ๊วอารมณ์หลายรอบก็ไม่สุด ทั้งเดินจากที่พักไปจุดฝากของเพื่อกระตุ้นลำไส้ มันก็ไม่ได้อะ เลยยอมปวดหน่วงๆ นิดนึงไว้ เพราะได้เวลาตีหนึ่งเกือบครึ่งที่ต้องไปจุดสตาร์ทเพื่อวอร์มร่างแล้ว ยอมแล้ว


    เอาน่าาาา ระหว่างทางมีห้องน้ำ 5555555555


    จากจุดฝากของมาที่บล็อค A4 เราก็พยายามยืนท้ายๆ เพราะรู้ตัวว่าวิ่งไม่เร็ว และยืนต้นลม ห่างๆ จากคนอื่นหน่อย (ปลอดภัยไว้ก่อน) แล้วก็ขยับแขนขยับขาวอร์มตัวเอง แต่แปลกที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับการวิ่งขนาดนั้นนะ เพราะก็มั่นใจอยู่ว่าจบแน่ๆ แต่สถิติเท่าไหร่ค่อยว่ากันอีกที มันตื่นเต้นเรื่องห้องน้ำมากกว่า


    ตีสอง ปล่อยตัวนักวิ่งบล็อค A แต่กว่าจะถึงคนท้ายๆ อย่างเรา ก็ 02.02 ไปแล้ว  ปล่อยปุ๊บคนอื่นเค้าก็แซงปั๊บบบบบบบบบบ ไปเลยคร่าาาา หนูไม่รีบ!


    เราพยายามวิ่งด้วยความเร็วเท่ากับตอนที่ซ้อม 25k ประมานไม่เกิน 7นาที/กม. ซึ่งก็มีคนวิ่งด้วยความเร็วพอๆ กับเราเยอะเลย ตอนนั้นรู้สึกดีมากที่มีคนอยู่บล็อคหน้าๆ แล้ววิ่งความเร็วประมาณนี้ 5555  ไม่เหงาแล้ว หลังจากวิ่งไปได้ประมาณ 5k ก็มีพี่คนนึงมาชวนคุย เพราะเห็นว่าเราติดป้าย "ฟูลแรก" ไว้ด้านหลัง ถามสารทุกข์สุกดิบว่าซ้อมยังไง ซ้อมถึงมั้ย เคยวิ่งที่ไหนมาบ้าง บลาๆ ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่าถ้าวิ่งด้วยความเร็วประมาณนี้ ยังไงเราก็วิ่งไม่ถึง 5 ชม. ให้กำลังใจสุดๆ  พี่เขาถามด้วยนะว่า Lotto มาหรอ? ซื้อของใช่ไหม?  เราเลยตอบไปว่าล็อตโต้ปีแรกค่ะ แต่ซื้อแค่ผ้าบัฟเองนะคะพี่ แล้วพี่เค้าก็บอกว่าคนที่ได้โควต้าล็อตโต้ส่วนใหญ่คือคนที่ซื้อของ ถ้าไม่ซื้อของก็ไม่ได้วิ่งหรอก .... อ้าว! แต่ก็ Make Sense นะ เพราะผู้จัดเค้าก็ต้องหาตังค์จัดงานและหากำไรเข้าบริษัทอยู่แล้ว เราเลยโชคดี (?) ได้วิ่งฟูลซะเลย  


    หลังจากนั้นก็มีพี่ๆ นักวิ่งคนอื่นทักว่า ฟูลแรกสู้ๆ ตลอดระยะทาง 42k จริงๆ ไม่คิดว่าจะมีการให้กำลังใจอะไรแบบนี้ด้วย (เค้าก็มาทักคนสวยอะแหละ 555555555555555555)



    วิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึง 15k  แวะเข้าห้องน้ำรอบแรก แต่ได้แค่ฉี่อย่างเดียวก่อน เพราะทานนมโปรตีนก่อนวิ่งเยอะไปหน่อย แต่มันก็ยังหน่วงพุงอยู่ มันยังไม่สุดอะ! หลังจากเข้าห้องน้ำรอบนั้นก็อาการปวดหนักเรื่อยๆ จน 18k เริ่มไม่ไหวละ  ห้องน้ำถัดไปต้องเข้าแล้ว มันต้องมาแล้ว! และถึงจุดกลับตัวที่ 21k เห็นรถห้องน้ำไกลๆ ก็วิ่งเข้าใส่เลยค่ะ! โล่งแล้ววววววววววว เสียเวลาเข้าห้องน้ำไป 3-4 นาที แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าห้องน้ำอีก สบายของจริงละ!


    มาถึงตรงนี้คงสงสัยว่าเมื่อยหรือยัง เพราะผ่านมาครึ่งทางแล้ว เอาจริงๆ ไม่เมื่อยนะ อาจจะเพราะซ้อมระยะ 20k มาพอควร  แต่ความเมื่อยมันจะมาหลังจากนั้นแหละ หลัง 25k อาการปวดตูดและ lower back ก็เริ่มมา เพราะวันศุกร์ (วันตรวจ ATK) เวทตูดกับต้นขาหนักพอควร 55555 และกล้ามเนื้อตรงนั้นมันเชื่อมกับหลังล่าง มันเลยปวดไปด้วยกัน ถึงกิโลที่ 27 เลยแวะให้ทีมพยาบาลฉีดเปรย์ต้นขาให้ก่อน  และย้ำตรงต้นขากับเพิ่มสเปรย์หลังล่างอีกทีตอนกิโลที่ 31    


    หลังจากตรงนั้นก็ไม่ได้แวะอะไรแล้ว นอกจากซุ้มของกิน แหะๆ


    ซึ่งของกิน ของหวานงานบางแสนเขาจัดเต็มอยู่แล้ว ช่วงๆ แรก เขามีน้ำทุกระยะ 2k แต่หลังจาก 10k ก็จะจัดเต็มมากขึ้น มีเกลือแร่ น้ำอัดลม เฉาก๊วย เจลพลังงาน ทิวลี่ ขนมหวาน แตงโม กล้วย หมูปิ้ง ไก่ย่าง มาหม๊ด! แต่เราเน้นกินแต่น้ำกับของหวานแค่นั้นเพราะกลัวจุก จุดไหนที่มีทิวลี่ น้ำหวานๆ คือต้องหยิบ! ชอบมาก! ได้น้ำตาลแล้วมีแฮง! จำได้ว่ามีจุดนึงได้กินน้ำเป๊ปซี่ด้วย เหมือนขึ้นสวรรค์!


    ระยะทางก็เรียบๆ แต่มีเนินเล็กน้อยมาตลอด ไม่ได้ชันจนวิ่งไม่ได้ แต่พอถึงกิโลที่ 38 ซึ่งจะเริ่มวิ่งขึ้นเขาสามมุข ชันใช้ได้เลย แต่ไม่ไกลมาก เราก็เลยเดินเพราะมีเพื่อนเดินเยอะแยะ จุดนั้นคือไม่ซีเรียสเรื่องระยะเวลาแล้วเพราะคิดว่าพักก่อนก็ได้ จะได้ไม่เจ็บตอนจบ พอเริ่มลงเขาเราก็วิ่งต่อ แถมวิ่งเร็วกว่าตอนสตาร์ทอีกเพื่อจะได้จบให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นเหลือประมาณ 2-3 กิโล แต่อีกไม่ถึง 15 นาทีก็ห้าชั่วโมงแล้ว เลยพยายามอัดเท่าที่ไหว ตอนนั้นรู้ตัวเองแล้วว่าคงไม่ได้ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงหรอกเพราะเสียเวลาแวะเข้าห้องน้ำ แต่ก็จะอัดให้เร็วที่สุดอยู่ดี


    ยิ่งใกล้เส้นชัยยิ่งวิ่งไวขึ้น ห้าร้อยเมตรสุดท้ายคือสับๆๆๆๆๆๆๆๆ 


    เหยียบเส้นชัยที่ 5.05 ชม. (หักเวลาเข้าห้องน้ำออกไปก็คือห้าชั่วโมงพอดี)


    ออกจากเส้นชัยมาก็ไปรับเสื้อและเหรียญ finisher ได้เจอพี่ผู้หญิงอีกคนที่ลงฟูลแรกเหมือนกัน พี่เขาเข้าก่อนเราไม่กี่วิ เลยยินดีกับพี่เค้าด้วย แต่ตลกตรงที่พี่เค้าบอกว่าทำไมน้องดูเหงื่อน้อยจัง ดูไม่เหนื่อยเลย 555555


    เป็น Marathon finisher อย่างเป็นทางการแล้วนะ :) 

    ลิ้งก์ข้างล่างนี้กดเข้าไปดูสถิติ ความเร็ว heart rate แคลอรี่ที่เสียไปตลอดระยะ 42k ได้เลย
    แต่ระยะทางมันเพี้ยนๆ มากกว่าความจริงหน่อย น่าจะเพราะเดินไปเข้าห้องน้ำแหละ 5555


    เวลาห้าชั่วโมงมันนาน แต่พอวิ่งจริงๆ มันไม่ได้รู้สึกนานหรือทรมาณขนาดนั้นเลย เพราะระหว่างทางก็ไม่เหงาเพราะคอยเผือกฟังนักวิ่งคนอื่นเขาคุยกันตลอด นักวิ่งบางคนเขาก็เปิดเพลงผ่านลำโพงเผื่อแผ่คนรอบข้าง ตลอดข้างทางก็มีคนเชียร์และสต๊าฟ ได้มองวิวและได้คุยกับตัวเองในใจ ตลอดระยะทาง 42.195 km เลยผ่านไปไวสำหรับเรา 

    และจบแบบไม่เจ็บบบบบบบด้วย!  ตกใจตัวเองตรงนี้เพราะหลายคนเขาทะเลาะกับบันได ทะเลาะกับทางเดินหลังจากวิ่งเสร็จ แต่เราปกติทุกอย่างแค่เมื่อยและล้านิดหน่อย ยืดและประคบน้ำแข็งก็ดีขึ้นเยอะแล้ว เราวิ่งเสร็จวันอาทิตย์ แต่วันพุธก็กลับมาเวทขาต่อแล้ว 55555 ถ้าจะบอกว่าซ้อมมาดีก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ซ้อมวิ่งยาวขนาดนั้น ต้องบอกว่าเตรียมกล้ามเนื้อมาดีต่างหากเพราะเวทเยอะมากๆๆๆๆ ความดีนี้ยกเครดิตให้ตารางเวทของพี่เจสเลย จนจะกลายเป็นสายเวทแทนสายวิ่งไปแล้วเนี่ย! ถ้าไม่ยกเลิกนโยบายใส่หน้ากากวิ่งรอบคอนโด ก็จะเวทเยอะต่อไปแบบนี้แหละ!!!


    แต่ถ้าถามว่าจะลงฟูลอีกไหม?  ก็คงลงอีกแหละแต่ไม่บ่อย ปีละครั้งพอมั้ง? ระยะทางไกลขนาดนั้นมันทรมาณร่างกายมากกว่าเสริมสุขภาพนะ 55555 เรายังมองว่าวิ่ง 21k เป็นระยะที่สนุกที่สุด ท้าทายที่สุด และไม่ไกลเกินไป ถ้าได้ 21k ต่ำกว่า 2 ชม. เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดถึงฟูลถัดไปละกัน 


    และฟูลหน้าก็ต้องซ้อมเข้าห้องน้ำกลางดึกไว้ด้วยนะ! เตือนแล้วนะ!









Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in