เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่าเรี่ยราดam_vv
เมื่อพบก้อนเนื้อในเต้านมขวาขนาด 2 cm. และหมอให้เอาออก ASAP!
  • เจอได้ยังไง?


    เริ่มต้นจากที่แอ๋มคลำเจอก้อนอะไรซักอย่างในเต้านมขวามาประมาณ 5-6 เดือน+ แล้วค่ะ แต่ตอนที่คลำเจอมันไม่เจ็บ กลิ้งได้ มีจี๊ดๆ เล็กน้อยในช่วง PMS ก่อนประจำเดือนมา ตอนนั้นเลยไม่ได้คิดอะไร บวกกับช่วงต้นปีโควิดที่ระบาดอยู่เลยไม่อยากไปรพ.รบกวนคุณหมอ กะว่ารอโควิดซาค่อยไปรักษา แต่มันไม่ซาไง … แล้วก้อนนี้มันก็เจ็บขึ้นๆ ในทุกเดือน รอบสามเดือนที่ผ่านมาคือจี๊ดมากกกกก  (ถ้าไม่ใช่ PMS จะไม่เจ็บเลยค่ะ แต่พอช่วงนั้นมาถึงแล้วเหมือนมีคนมาบีบนมจากข้างในเต้าเลย) พอครบรอบตรวจสุขภาพประจำปีเราเลยตัดสินใจซื้อแพ็คเกจตรวจสุขภาพที่รวมค่า Ultrasound เต้านมไปด้วย  


    เลือกตรวจสุขภาพที่รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น แพ็คเกจ Lady 1 ราคา 2,990 บาท ที่ไปที่นี่เพราะมีประกันสังคมและราคาแพ็คเกจไม่แรงเกินงบที่เบิกจากสำนักงานได้ 5555555 ตอนที่ตรวจเสร็จทุกอย่างแล้วคุณหมอก็อ่านผลให้ฟัง หมอบอกว่าสุขภาพโอเคหมดทุกอย่างเลย ไขมันในเลือดก็ลดลงด้วย มีแต่ผล Ultrasound เต้านมเนี่ยแหละที่น่าเป็นห่วง … 

       


    ผล Ultrasound ว่ายังไง?


    ก่อนอื่นต้องบอกว่าผลซาวด์ไม่สามารถระบุได้ว่าก้อนที่เจอเป็นก้อนเนื้อปกติ/ถุงน้ำ/เนื้อร้าย/หรือเป็นก้อนมะเร็งนะคะ เค้าบอกได้แค่ว่าเจออะไร ขนาดเท่าไหร่ ตรงไหน ถ้าอยากจะระบุว่าสิ่งที่เจอเป็นอะไรอาจต้องใช้วิธี Digital Mammogram หรือเจาะตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อตรวจสอบร่วมด้วยค่ะ


    ผลซาวด์เต้านมขวาของเราบอกว่า เจอก้อนอะไรสักอย่างขนาด 2.2x1.6 cm โดยก้อนนี้มีเส้นเลือดไปเลี้ยงและมีหินปูนในก้อนนั้นด้วย คาดว่าเป็นได้ทั้ง fibroadenoma (ก้อนเนื้องอกเต้านมชนิดไม่ร้ายแรง) หรือ breast tumor (ก้อนเนื้อร้าย) ควรที่จะไปตรวจสอบเพิ่มเติม 


    ผลซาวด์เต้านมซ้ายบอกว่า เจอก้อนอะไรสักอย่างขนาด 0.9x0.3 cm คาดว่าเป็น fibroadenoma (ก้อนเนื้องอกเต้านมชนิดไม่ร้ายแรง) 


    เซอร์ไพรส์กว่าก้อนขวาก็ก้อนซ้ายเนี่ยแหละ … เพราะคลำไม่เจอเลย! 


    คุณหมอถามก่อนเลยว่ามีประกันไหม 555555 เรามีครบทั้งประกันสังคม+ประกันกลุ่ม+ประกันสุขภาพเหมาจ่าย หมอเลยบอกให้รีบไป OPD พบศัลยแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อ เพราะก้อนค่อนข้างใหญ่ (หมอบอกเคล็ดลับว่าให้ลงไปบอกเคาน์เตอร์ OPD ว่าคลำเจอก้อน อย่าเพิ่งรีบอ้างผลตรวจสุขภาพเพราะบางทีประกันอาจจะไม่จ่าย พบหมอศัลย์แล้วค่อยโชว์ผลให้ดู 55555555)


    ได้ยินแบบนี้ก็รีบลงไป OPD บอกว่าคลำเจอก้อนค่ะ ^^  แล้วไปคลินิกศัลยกรรมเพื่อพบหมออีกท่าน (เข้าใจผิดมาตลอดว่าเรื่องเต้านมต้องไปหาสูติ-นรีแพทย์ เพิ่งรู้ก็ตอนนี้แหละ)



    พบหมอศัลย์ ... 


    พอเข้าห้องพบคุณหมอศัลย์ แล้วหมอทักเลยว่า “คุ้นๆ เหมือนเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยว!” เล่าก่อนว่าตอนรอฟังผลตรวจสุขภาพเราไปกินก๋วยเตี๋ยวใต้รพ.แล้วนั่งข้างๆ ผู้หญิงคนนึง และผู้หญิงคนนั้นก็คือหมอศัลย์คนนี้แหละ! 


    คุณหมอศัลย์ก็ถามว่าคลำเจอมานานยัง? เจ็บไหม? เคยตรวจไหม? พอถึงช็อตนี้เราเลยรีบบอกไปว่าเพิ่งตรวจที่นี่เมื่อกี้เลยค่ะ หมอก็เข้าระบบรพ.เพื่อดูผลและรูป Ultrasound โดยหมออธิบายว่าก้อนที่เจอในเต้านมมันแบ่งเป็น 5 เลเวล (1 ไม่มีอะไร - 5 แย่แล้ว)  ซึ่งก้อนซ้ายไม่น่าเป็นห่วงและยังไม่ต้องทำไร แต่ก้อนขวาของเราอยู่ระดับ 4 แล้ว หมอเลยจัดการคลำเต้านมอันน้อยนิดทั้งสองข้างเพื่อความชัวร์ ข้างซ้ายหมอก็คลำไม่เจอเหมือนกัน แต่พอมาฝั่งขวาคือชัดเลยว่ามันกลมๆ กลิ้งๆ ได้ และเราไม่เจ็บตอนที่หมอคลำ    


    คุณหมอศัลย์บอกว่าจากลักษณะก้อนที่เจอ+อายุ+มีอาการเจ็บแค่ช่วง PMS จึงสันนิษฐานว่าก้อนนี้ไม่น่าใช่ก้อนมะเร็ง (โดยทั่วไปจะเจอก้อนมะเร็งตอนอายุ 30+) ซึ่งก้อนซ้ายไม่เป็นอะไรแต่ต้องรีบเอาก้อนขวานี้ออก! 


    หมอบอกว่าหมอจะผ่าออกโดยการฉีดยาชา > ลงมีดกรีดข้างๆ หัวนม > ตัดเอาก้อนและคว้านรอบๆ ออกไม่ให้เหลือซาก > เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ซึ่งเป็นการผ่าแบบ Day Case ไม่มีนอนรพ. (คล้ายๆ ผ่าฟันคุด) แต่จะใช้ห้องผ่าตัดใหญ่เพราะเครื่องมือและพี่พยาบาลห้องผ่าเค้าเข้ามือเข้าขากับหมอมากกว่าใช้ห้องเล็ก 


    แน่นอนว่าเนื้อนมอันน้อยนิดของเรามันก็จะหายไปอีก แต่หมอบอกว่าร่างกายก็จะค่อยๆ สร้างเนื้อมาทดแทนของเดิมอยู่แล้ว ส่วนก้อนที่เอาออกมาก็จะไปเข้าแลปแล้วโดนสไลด์เป็นชิ้นบางๆ เพื่อตรวจว่าเป็นก้อนอะไรกันแน่ ถ้าเป็นก้อนไม่ร้ายแรงก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเนื้อร้ายจริงๆ ก็ต้องมาเฝ้าระวังกันต่อในอนาคต ซึ่งถ้าผ่าเอาก้อนออกอย่างเดียวจะไม่เวิคถ้าเป็นเนื้อร้าย การคว้านรอบๆ ออกจึงเป็นการป้องกันไม่ให้เนื้อร้ายเหลือเยื่อใยทิ้งไว้ด้วย


    ไอ้เราก็ค่ะๆๆๆ รับทราบผลที่หมอบอกแบบอึ้งๆ หมอก็จัดการเขียนใบเคลมประกันและนัดผ่าตัดเลยจ้า ตรวจเจอ 17 ก.ย. > นัดตรวจโควิดก่อนผ่า 27 ก.ย. > นัดผ่า 29 ก.ย. เมื่อผ่าเสร็จหมอก็จะนัดมาฟังผลแลปตรวจก้อนอีกที 


    Post พบหมอ ...


    เอาจริงๆ ไม่คาดคิดว่ามันแย่จนถึงขั้นจะต้องผ่าออกเร็วขนาดนี้ คิดแค่ว่าน่าจะแค่เจาะเอาตัวอย่างมาดูก่อนว่าเป็นอะไรหรือนัดดูอาการต่ออีก  ตอนนั้นหน้าเหวอแบบซีดไปเลย แต่หมอก็บอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะด้วยวัยเรามันไม่น่าใช่ก้อนมะเร็งและถ้าเป็นเนื้อร้ายจริงๆ มันก็จะเอาออกหมดอยู่แล้ว จะได้จบๆ ไป 

               

    พอออกจากห้องตรวจก็เดินออกเซ็นต์เอกสารเตรียมเคลมประกันและเซ็นต์ใบเสร็จแบบงงๆ กลับมาคอนโดก็รีบโทรหาแม่ จัดการลาป่วยล่วงหน้า บอกหัวหน้าว่าลาป่วยจริงๆ นะไม่ใช่การเมือง บอกทีมงาน ทวิตแชร์ความช็อค บอกเพื่อน บอกตัวแทนประกันสุขภาพ แล้วบ่ายวันนั้นก็ mentally มึนไปเลยทั้งวัน


    วันถัดมาก็ลอง google วิธีการผ่าเอาก้อนเนื้อเต้านมออก คิดว่าจะเจอแค่แบบ patient review แต่จริงๆ แล้วเจอเป็นรูปขั้นตอนผ่าจริงจังมากเลย มันดูเจ็บมาก ภาพผ่าฟันคุดที่หมอบอกมันหายวับบบบบบ ช็อคอีกรอบสิ 55555555555555  ตอนนั้นคิดว่ายาชาของหมอหมดฤทธิ์คงทรมานมาก ลางานแค่วันผ่าคงไม่พอแล้วแหละ 


    เล่าเรื่องก่อนผ่าตัด 


    ช่วงก่อนถึงวันที่ 27 ก.ย. ฝ่ายประกันสัมพันธ์ของโรงพยาบาลโทรมาอัพเดทผลการเคลมของเราว่าเบิกประกันกลุ่มของเมืองไทยได้ชัวร์ๆ (แต่ตอนนั้นเมืองไทยไม่ได้คอนเฟิร์มมาว่าเบิกได้แค่ไหนนะ) ส่วนประกันสุขภาพส่วนตัวของ AIA ก็พิจารณานานหน่อย แต่สุดท้ายรพ.ก็มาคอนเฟิร์มหนึ่งวันก่อนผ่าว่าของ AIA ครอบคลุมนะ 


    พอถึงวันที่ 27 ก.ย. ตอนเช้าเราก็ไปพบหมอศัลย์เพื่อฟังผลอนุมัติผ่าตัดและตรวจโควิดแบบ RT-PCR วันนั้นพบหมอแปปเดียวจริงๆ แค่เซ็นต์เอกสารยินยอมก่อนผ่าตัด แล้วหมอก็บอกให้เราทำตัวปกติ สบายๆ ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารเพราะเป็นผ่าตัดเล็กใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม. แต่ขอให้งดอาหารเสริมทุกอย่างเพราะอาจจะทำให้เลือดไหลมากกว่าปกติ หลังจากพบหมอศัลย์เสร็จแล้วก็มีพยาบาลพาไปแยงจมูกตรวจโควิดซึ่งเจ็บมาก รู้สึกระคายรูจมูกอีกเกือบวัน แต่ดีอย่างนึงที่ตรวจโควิดรอบนี้ไม่โดนแยงคอ ไม่อย่างนั้นคงกินอะไรไม่ค่อยลงต่ออีก


    ก่อนออกจากจุดตรวจ พยาบาลบอกว่าให้เช็คผลตรวจโควิดในเว็บรพ. ซึ่งจะออกภายในเที่ยงวันที่ 28 แต่ถ้าผลเป็นบวก (ติดเชื้อ) จะมีเจ้าหน้าที่โทรไปหา เรากลับมาคอนโดนั่งกลิ้งลุ้นต่อว่าจะติดมั้ย แต่สุดท้ายผลก็ออกตั้งเช้า 28 ว่าไม่ติดเชื้อ  และต้องเตรียมตัวขึ้นเขียงให้หมอผ่าได้เลย  


    รู้อยู่ว่าผ่าครั้งนี้มันไม่น่ากลัว แต่พอถึงคืนก่อนที่จะไปผ่าตัดมันก็นอนไม่ค่อยอิ่มอยู่ดี … 


    วันขึ้นเตียงผ่า!


    วันที่ 29 ก็เติมพลังตัวเองด้วยข้าวมันไก่เป็นมื้อเช้า เพราะตามใบนัดผ่าตัดวันที่ 29 เขียนเวลาว่า 12.00 - 12.10 น. ไม่น่าได้กินข้าวเที่ยงแน่ๆ เลยต้องอัดพลังเยอะหน่อย ประมาณ 11.15 น. กำลังจะออกจากคอนโด รพ. โทรมาตามพอดี แต่สุดท้ายก็ไปถึงก่อนเที่ยงด้วยความรีบและตื่นเต้น 


    หลังจากยื่นใบนัดที่จุดลงทะเบียน เราก็ไปที่แผนกศัลยกรรมก่อนเพื่อให้พี่พยาบาลเตรียมเอกสารก่อนผ่าตัด วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก วัดชีพจร ซึ่งผลปกติทั้งหมด ไม่มีอาการหัวใจเต้นเร็วเพราะตื่นเต้นใดๆ 55555 จากนั้นพี่พยาบาลก็พาไปฝากของก่อนเข้าห้องผ่าตัด นาฬิกา โทรศัพท์ก็ฝากไว้ทั้งหมด ให้ไปตัวเปล่ากับเสื้อผ้าและหน้ากากอนามัย (ถ้ามีญาติไปด้วยจะฝากญาติก็ได้ แต่เราไปคนเดียวไง) แล้วก็พาไปที่ห้องผ่าตัดชั้นสาม…


    เมื่อถึงหน้าห้องผ่าตัดก็จะมีพี่พยาบาลห้องผ่าตัดมารับเราต่อ  พาไปเปลี่ยนรองเท้า เปลี่ยนชุดเป็นชุดกิโมโนสีเขียว ใส่ผ้าคลุมผม เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วก็นั่งรอที่ recovery room เพื่อรอเวลาเรียกเข้าห้องผ่า


    ประมาณ 13.10 พี่พยาบาลก็พาไปที่ห้องผ่าตัดหมายเลข 3 ที่เข้าไปแล้วหนาวชิบหาย และสว่างจ้ามาก แล้วให้เรานอนรอหมอบนเตียงผ่า ระหว่างรอพี่พยาบาลก็มาถามว่าผ่าข้างไหน ดูเต้านมเรา แล้วก็จัดแจงเตรียมอุปกรณ์รอคุณหมอ


    ประมาณ 13.15 คุณหมอก็เข้ามา ถามอีกครั้งว่าผ่าข้างไหน 55555 ให้พี่พยาบาลเปิดผล Ultrasound แล้วก็เปิดเต้านมขวา เช็ดทำความสะอาด เอาปากกามามาร์คจุดก่อนฉีดยาชาและลงมีด จากนั้นพี่พยาบาลก็เอาผ้าสีเขียวมาห่มให้หนานิดนึงเพราะห้องหนาวแช่แข็งมากๆ แล้วก็คลุมหน้า ส่วนที่เจอะกับหมอก็มีแค่ตรงเต้านมที่จะผ่า นอกนั้นเราไม่เห็นอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงและรับรู้ความรู้สึกต่างๆ แค่นั้น 


    หมอใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานก็ฉีดยาชาแล้วคลึงๆ ให้ยาชาออกฤทธิ์ ผ่านไปแปปเดียวหมอก็เทสยาชาด้วยการเอาแหนบมาหนีบตรงที่มีกับไม่มียาชา ตรงที่ไม่มีมันเจ็บนะแต่ตรงที่ฉีดคือไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ หมอหนีบตอนไหน?! หมอก็เลยจัดการลงมีดเลยจ้า … 


    ก่อนลงมีดหมอก็บอกว่าถ้าเจ็บตรงไหนให้บอกได้ หมอจะเติมยาชาให้ แต่เอาจริงๆ มันไม่เจ็บขนาดนั้น ตอนลงมีดมันไม่รู้สึกเลยจริงๆ ช่วงที่หมอเอาก้อนออกก็รู้สึกว่าโดนดึงแต่มันไม่มีความเจ็บ ตอนที่หมอพูดว่าหลุดแล้วเรายังงงเลยว่าเสร็จแล้วหรอ 55555555  มีเจ็บนิดเดียวตอนที่หมอเก็บงานก่อนเย็บปิดด้วยไหมละลาย 


    เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เอาผ้าก๊อซกับพลาสเตอร์กันน้ำมาปิดไว้เผื่อเราอาบน้ำ เป็นอันเสร็จพิธี ตอนลุกขึ้นนั่งเราก็มองเห็นน้องก้อนที่หมอเอาออก มันกลมๆ ขุ่นๆ เหมือนลูกแก้วขนาดประมาณหัวนิ้วโป้งเลย ภาวนาอย่าให้เป็นเนื้อร้ายละกัน 


    ก่อนออกจากห้องผ่า หมอบอกว่าเดี๋ยวจะจ่ายยาปฏิชีวนะกับยาแก้ปวดให้ แต่ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องกินยาแก้ปวดก็ได้ 5555 บอกให้เราระวังแผลไม่ให้โดนน้ำและจะนัดมาดูแผล/ล้างแผลในวันเสาร์ที่ 2 ตุลา แล้วจะนัดฟังผลแลปน้องก้อนอีกที เพราะเค้าใช้เวลาตรวจแลปประมาณ 7 วัน ตอนที่ลุกขึ้นมาเราไม่มีอาการวิงเวียนอะไรใดๆ พี่พยาบาลก็พาเรากลับไปเปลี่ยนชุด และรอเอกสารประกัน เอกสารจากคุณหมอ ตอนนี้นลืมดูนาฬิกาก่อนออกจากห้องผ่า แต่คิดว่าไม่เกินครึ่งชม.แน่ๆ ทุกอย่างมันผ่านไปไวมากๆ คุณหมอและพี่พยาบาลก็ชิวมากด้วย เพราะระหว่างผ่าก็คุยกันเรื่องเคสอื่นๆ และเรื่องแฮรี่พอตเตอร์ 5555555555   


    กลับมาเปลี่ยนชุดที่ recovery room เสร็จแล้วพยาบาลก็บอกว่าเคลมประกันน่าต้องจะรอนานมาก ให้เราลงไปเอาของที่ฝากไว้ได้เลย เดี๋ยวเค้าจะโทรมาตามอีกที  พอไปเอาของที่ฝากไว้ถึงเห็นนาฬิกาอีกครั้งตอนประมาณ 14.10 น. ทุกอย่างมันไวเกินคาดจริงๆ ยกเว้นเคลมประกัน … รอจนสี่โมงเย็นถึงมีโทรศัพท์เข้าว่าเคลมเรียบร้อย 


    ระหว่างรอไม่มีอาการเจ็บใดๆ น่าจะเพราะฤทธิ์ยาชา เดินไปหาของกินในรพ.ได้สบายๆ เหมือนคนปกติเลย 


    ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 24,8xx บาท โดยใช้ประกันกลุ่มของสำนักงาน Cover ทั้งหมด ไม่มีจ่ายเงินเพิ่มหรือต้องรบกวนประกันสังคม/ประกันสุขภาพส่วนตัวแต่อย่างใด ขอบคุณค่าาาาา (ลึกๆ แอบคิดว่าจะแพงกว่านี้นะ) 


    หลังจากที่เซ็นต์เอกสารการเงินและรับยาเรียบร้อย พี่พยาบาลก็เอาใบนัดกับใบรับรองแพทย์มาให้ เป็นอันเสร็จภารกิจผ่าตัดน้องก้อน แล้วก็เริ่มเจ็บแผลตอนที่กลับมาถึงคอนโดพอดี …


    Post ผ่า

    แต่มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นนะ ไม่ได้ทรมานจนทำอะไรไม่ได้ คืนนั้นก็อาบน้ำเองได้เกือบปกติแค่ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ Overall ดีกว่าผ่าฟันคุดเยอะเลย เจ็บแค่คืนวันที่ผ่าจริงๆ เช้าวันถัดมาก็ไม่ค่อยเจ็บแล้ว (ถ้าไม่เผลอนอนตะแคงหรือมีอะไรไปโดนนะ) ยาแก้ปวดที่หมอให้ก็กินแค่สองวันแรก 555555 น่าจะเพราะแผลเล็กบวกกับหมอเก็บละเอียดด้วย มันเลยไม่บวมไม่ทรมาน หลังผ่าทุกคนก็ถามไถ่เข้ามาก็ถามว่าเจ็บไหม แต่ไม่เป็นอะไรเลยจริงๆ วันถัดมาก็นั่งทำงานได้ปกติมาก แค่ขี้เกียจเพราะพักร่างมาหลายวัน 55555  คิดว่าทำลายภาพจำหลังผ่าตัดของหลายๆ คนไปพอสมควรนะ แต่ก็คงต้องงดออกกำลังกายหนัก/งดใส่บราที่กระชับแน่นๆ ไปก่อน จะกลับมาอ้วนก็ตอนนี้แหละ! 


    ผ่านไปสองวัน ด้วยความทนตัวเองอืดไม่ได้และไม่เจ็บแผล เลยลงไปเดิน 5K รอบคอนโดเลยจ้า 555555 พอเดินปุ๊ปก็เริ่มกลับมาปวดหน่อยๆ เลยต้องเดินแบบไม่ค่อยเหวี่ยงแขน พอโทรอัพเดตกับแม่ว่าลงไปเดินมาแม่ก็เอ็ดไปว่าระวังบวมนะ อ้าว …. ซวยแร้วววว 


    วันถัดมา (2 ต.ค.) ก็มีนัดไปเช็คแผล เปลี่ยนพลาสเตอร์ คุณหมอก็ถามว่าปวดมั้ย ได้กินยาแก้ปวดมั้ย 5555 ไม่ปวดค่ะ ยาก็กินยาแก้อักเสบกับ Ibuprofen ส่วนยาอีกตัวที่แก้ปวดมากก็กินแค่คืนวันผ่ากับเช้าวันถัดมา พอหมอได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่าดีแล้วที่ไม่ปวด 55555 หลังจากนั้นก็นอนให้หมอเช็คแผล หมอบอกว่าแผลดูดีมากเลย ไม่บวมไม่อักเสบด้วย แต่ยังต้องแปะพลาสเตอร์กันน้ำและรอแผลสมานต่อไป และหมอก็นัดอีกทีวันศุกร์ที่ 8 ต.ค. เพื่อฟังผลแลปและแกะพลาสเตอร์อีกครั้ง ระหว่างนั้นก็ภาวนาอย่าให้พลาสเตอร์เปียกหรือหลุดนะ   


    และใช่ค่ะ เปลี่ยนพลาสเตอร์ก็มาเดินรอบคอนโดอีก ทำแบบนี้ได้สองวันก็สังเกตได้ว่าการเดินทำให้เจ็บแผลมากขึ้น และมีเลือดซึมออกมาติดผ้าปิดแผลเพิ่ม เลยรู้ตัวแล้วว่าต้องหยุด อย่าดื้อ เดี๋ยวแผลแหก! คงต้องยอมอ้วนอืดขึ้นหน่อยแล้วแหละทีนี้ 


    เมื่อถึงวันที่ต้องฟังผลแลป 8 ต.ค.


    เอาจริงๆ หลังผ่าตัดไม่ได้คิดอะไรมากและหมอก็เชียร์อัพเราด้วย แต่พอเข้าเดือนตุลาที่เป็น Breast Cancer Awareness Month เห็นโบว์ชมพูเต็มทามไลน์ก็กลับมากังวลอีกรอบ จะเป็นมะเร็งมั้ยว้าาาาา ถ้าเป็นมะเร็งมาก็จะได้ใช้ประกันที่ทำเลยนะ แต่ะไม่อยากใช้แล้วก็ไม่อยากเป็นด้วย! 


    ถึงวันศุกร์ที่ 8 ต.ค. หมอก็อ่านผลให้ฟังก่อนเลยว่าเป็นตามที่หมอคาดไว้คือ Fibroadenoma ซึ่งเป็นก้อนไม่ร้ายแรง มีซีสต์นิดหน่อย แต่ไม่มีเนื้อร้าย ไม่มีมะเร็ง ไม่ต้องกังวลแล้วนะ


    แต่พอหมอเช็คแผลปรากฏว่า แผลหายช้าและยังไม่สมาน 100% เลยต้องแปะพลาสเตอร์กันน้ำและนัดทำแผลต่อ แถมเตือนด้วยว่างดออกกำลังกาย 2 อาทิตย์ งดพวกแอโรบิคหรือเหวี่ยงแขน เลี่ยงยกของหนักนะ (เหมือนรู้ว่าแอบไปเดินมา 55555 ไม่ทำแล้วค่าาาาา) 



    โล่งงงงงงงงงง 


    แต่หายคิดมากเรื่องนี้ก็มาคิดเยอะเรื่องงานต่ออยู่ดีแหละ ...



    สุดท้ายนี้ ขอแชร์คลิปวิธีตรวจเต้านมด้วยตนเองจากหมอมิ้นนะคะ
    ถ้าสาวๆ คนไหนคลำเจอ (และมีสิทธิการรักษาหรือประกันพร้อม cover)
    รีบไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คอัพ
    แต่ไม่ต้องกลัวหรืออายหมอนะ เพราะถ้าเป็นเนื้อร้ายขึ้นมามันน่ากลัวกว่าเยอะเลย






      




     





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in