เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
บันทึกปริศนา (2)
  • ทันทีที่บานประตูเปิดลูคถึงกับอึ้งเมื่อเห็นห้องนอนของเพื่อนตัวจิ๋วเหนือเตียงทรงโบราณตั้งอยู่ใจกลางห้องคือเพดานกระจกเปิดให้เห็นท้องฟ้ายามราตรีฝาผนังที่ปลายเตียงมีกระถางดอกไม้สีน้ำเงินวางอยู่ริมหน้าต่างบานเล็กมองออกไปเห็นชั้นสองของบ้านฮันเตอร์พอดิบพอดีริมหน้าต่างมีชุดเก้าอี้และโต๊ะเขียนหนังสือเก่ามอซอตั้งอยู่ชุดหนึ่งห้องนอนของฌองมีเฟอร์นิเจอร์ไม่ถึงห้าชิ้นแถมทุกอย่างอยู่ในสภาพสะอาดสะอ้านชนิดที่ว่ามดคงเดินลื่นหัวแตกตายกันยกรังผิดกับห้องรกปานรังหนูของเบ็นจามินลิบลับ


    อาจจะแคบไปหน่อยนะครับ” ฌองหัวเราะแห้งขณะเดินนำเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง


    ไม่เท่าไหร่หรอก ห้องเบ็นแคบกว่านี้อีกรกเลอะเทอะจนเดินแทบจะไม่ได้เลยเชียวแหล่ะ” ซิดจ์ปากพล่อยทำเอาเบ็นจามินหันมองขวับอย่างไม่สบอารมณ์เจ้าเพื่อนตัวแสบรีบเดินไปจับจองที่นั่งบนเตียงนอนเป็นคนแรกอย่างไม่นึกเกรงใจตามด้วยเบ็นจามิน แอน และฌองจนเตียงแน่นขนัด ลูค คลีโอและชินจึงเดินไปนั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่างแทน


    ลูคเพ่งมองออกไปนอกบานหน้าต่างผ่านท้องถนนเซนต์ฟรานซิสยามราตรีที่เงียบงันบ้านหลังคาทรงบาโรคของครอบครัวฮันเตอร์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามพอดิบพอดีเขามองเข้าไปในกระจกหน้าต่าง ไล่จากชั้นหนึ่งขึ้นไปยังชั้นสองจรดชานระเบียงอันเงียบสงัดทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของใครผู้หนึ่งกำลังยืนเอามือป้องกระจกมองมาจากหน้าต่างชั้นสองบานเดียวกับที่เขาจำได้ว่าเคยรู้สึกถูกมองเมื่อครั้งแรกที่มีโอกาสเข้าเยือนในบ้านของครอบครัวฮันเตอร์


    เสียงคลีโอเรียกเขาหันขวับมองทว่าเมื่อหันกลับไปนอกหน้าต่างอีกครั้งเงาตะคุ่มนั้นก็หายไปเสียแล้วเขาคงจะตาฝาดไปลูคคิดในใจพลางเพ่งมองดูตามบานหน้าต่างของบ้านแอนอยู่ครู่หนึ่งเพื่อความมั่นใจว่าเขาไม่ได้มองผิดขณะเดียวกันคลีโอก็คว้าเป้สีดำขึ้นมากองไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ แสงสีฟ้าเย็นส่องสว่างออกมาจากในกระเป๋าสะกดสายตาทั้งห้าคู่เอาไว้ราวกับต้องมนต์(ไม่นับรวมเขากับชินที่ยังคงไม่ละสายตาออกจากหน้าหนังสือเลยแม้แต่น้อย)


    แต่นายแน่ใจเหรอว่ามันคือผลึกเดจาวูจริง ๆฉันหมายถึงว่านายจะรู้ได้ยังไงว่ามันมีหน้าตาแบบไหนในเมื่อนายยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยสักครั้งเดียว” คลีโอเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา


    จากที่ลูคเล่ามาตอนที่มนุษย์เงือกล่อให้ลงไปในโพรงอันตรธานสิ่งที่ลูคต้องการมากที่สุดในใจคือผลึกเดจาวูใช่ไหมฉันคิดว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่ามนุษย์เงือกตัวนั้นอาจเลือกใช้ตัวล่อเป็นอะไรก็ตามที่เหยื่อของมันต้องการมากที่สุดในเวลานั้น” ชินเอ่ยแม้สายตาจะยังไม่ละจากแผ่นกระดาษ


    แล้วนายรู้เรื่องพรรณนี้ได้ยังไงอย่าบอกนะว่านายเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์เงือกมาก่อน” ทุกคนถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน


    ก็ไม่เชิง” ชินตอบพลางงับเล่มหนังสือปิดเผยให้เห็นตัวอักษรหนาสีทองสละสลวยเขียนหราไว้บนหน้าปกหนังสือว่าตำนานมนุษย์เงือก ก็ฉันเคยเขียนเรียนความในวิชาอาจารย์มาธาร์เรื่องตำนานเงือกไง” ชินอธิบายที่มาที่ไป


    ลูคนึกย้อนไปช่วงต้นภาคเรียนแล้วเขาก็จำได้ว่าตอนนั้นตัวเองเลือกตำนานเพกาซัสมาเขียนด้วยความฝังใจจากคำถามในวิชาอัญมณีดาราศาสตร์ของอาจารย์บาร์ท


    นายเริ่มอ่านหนังสือสอบกลางภาคแล้วเหรอ ไม่คิดจะบอกฉันบ้างเลยไงลูค --”ซิดจ์ตะโกนถามพลางชูหนังสือเก่า ๆที่มันแอบจิ๊กออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขา “-- ป.ส. แปลกพิลึกฉันไม่ยักจะเคยเห็นหนังสือเรียนเล่มนี้เจ้าตัวแสบเพ่งตาอ่านผ่านแสงสลัว


    ไหน เอามาให้ฉันดูก่อน” เบ็นจามินซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆยื่นมือมาหยิบหนังสือไปจากมือของซิดจ์ราวกับนกเหยี่ยวโฉบปลาในแม่น้ำเพื่อนผมยุ่งรัวพลิกหน้ากระดาษพลันสีหน้าฉายความตะลึงงัน


    นี่มัน… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย… บันทึกส่วนตัวของศาสตราจารย์ปิแยร์ สปริงเอกสารลับหายาก นายไปได้มันมาจากไหน!” เบ็นจามินตาลุกวาวด้วยความกระตือรือร้นพุ่งสูงลิบจนปรอทแตกชินรีบผละจากริมหน้าต่างไปสมทบกับเบ็นจามินและก้มหน้าก้มตาอ่านหน้ากระดาษประหนึ่งทั้งสองคิดเปิดชมรมคนรักการอ่านขึ้นมาอย่างกระทันหัน


    ลูคอ้ำอึ้งแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยตอบซิดจ์ก็แทรกขึ้นมาก่อน


                ใครสนล่ะ เอาเป็นว่าเรารีบเปิดดูกันเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว --” ซิดจ์ยื่นหน้ามาจ่อใกล้จนแทบจะติดกับหน้าปก “-- หนาขนาดนั้นฉันไม่คิดว่าชาตินี้จะอ่านจบ” 


                นายอ่านหนังสือออกด้วยเหรอ” เบ็นจามินแขวะทำเอาตัวแสบหน้าบูดแม้ว่าตัวเองจะยื่นหน้ายื่นตาจ่อแทบติดหน้ากระดาษไม่ต่างไปจากซิดจ์เสียเท่าไหร่


                งานวิจัยหมายเลข 1 การศึกษาสินแร่ในฟอร์ทอีสต์และการบันทึกผลข้อมูลแร่โลหะ แร่อโลหะ แร่เชื้อเพลิง แร่รัตนชาติ...เบ็นจามินอ่านสิ่งที่เขาเห็นด้วยความรวดเร็วนี่มันคือการบันทึกสินแร่ทุกชนิดที่พบในฟอร์ทอีสต์นี่


                แล้วมันยังไงเหรอ” ซิดจ์แทรก


                มันอาจจะมีข้อมูลอินคิวบัสเขียนเอาไว้อยู่ด้วยยังไงล่ะ” เบ็นจามินรีบมองหาชื่อศิลาอินคิวบัสบนหน้าสารบัญทันที


                นี่ไงเจอแล้วมันอยู่ที่หน้า 1,800” เบ็นจามินพูดอย่างกระตือรือร้นนิ้วของเขาจิ้มค้างอยู่บนกระดาษในหมวดสารบัญที่ยาวรวมหลายสิบหน้า


                หน้าสุดท้ายเลยนี่หว่า อะไรจะเยอะขนาดนั้น” ซิดจ์เสริมด้วยท่าทีตื่นเต้นเกินคำบรรยายไม่ต่างจากทุกคนซึ่งบัดนี้แห่กันมานั่งเบียดกันอยู่บนเตียงจนทำให้ห้องแลดูกว้างขึ้นถนัดตาแต่แล้วความตื่นเต้นของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวังเมื่อเบ็นจามินพลิกเปิดหนังสือไปจนถึงหน้าที่ควรจะเป็นการบันทึกข้อมูลของศิลาอินคิวบัสมันกลับมีเพียงรอยฉีกขาดของแผ่นกระดาษที่หลุดรุ่ยติดอยู่กับสันปก


                อะไรวะ!” เสียงสบถเล็ดออกจากปากซิดจ์ขณะที่เบ็นจามินรีบพลิกกลับไปดูที่หน้าสารบัญ เพื่อทวนดูว่าเขามองไม่ผิดเลขหน้าหนังสือทั้งเล่มกลับไร้ประโยชน์หากไม่มีข้อมูลของศิลาที่เขาตามหาแต่เบ็นจามินไม่ละเลิกความพยายาม เขาไล่นิ้วไปตามบทสารบัญเรื่อย ๆจนเจอกับข้อความน่าสนใจบางอย่าง


                บันทึกส่วนตัว หน้า 500” เบ็นจามินรีบพลิกกระดาษตามหน้าหนังสือทันทีเขาอ่านออกเสียงให้เพื่อน ๆ ฟังร่วมกัน


                เพื่อความสำเร็จในการเก็บรวบรวมข้อมูลสินแร่ในเมืองฟอร์ทอีสต์ ข้าพเจ้าปิแยร์ สปริงใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตในการสะสมสินแร่ทุกชนิดให้มาอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้แม้จะเป็นเพียงแค่ภาพวาดและตัวหนังสือเท่านั้นก็ตามหากมันจะเป็นประโยชน์ต่อใครสักคนที่กำลังตกอยู่ในความลำบาก...” เบ็นจามินเว้นช่วง


                “...มิใช่เรื่องง่ายเลยในการบรรจุก้อนศิลาและผลึกรัตนชาติลงในเครื่องแก้วด้วยกรรมวิธีที่สมบูรณ์แบบการเล่นแร่แปรธาตุคือกุญแจสำคัญที่ทำให้กรรมวิธีการบรรจุไร้ที่ติ กว่า 60 ปีในการเก็บรวบรวมกระทั่งถึงศิลาก้อนสุดท้าย ข้าพเจ้าก็จะประสบความสำเร็จในการรวบรวมข้อมูลสินแร่ทุกประเภทที่มีอยู่” 


                เบ็นจามินพลิกหน้ากระดาษต่อทันที


                “...ศิลาที่กล่าวได้ว่าหายากที่สุดในฟอร์ทอีสต์มีนักแปรธาตุเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้และเธอก็ได้นำมันไปซ่อนไว้ในสถานที่สุดแสนอันตราย ก่อนจะล่วงลับจากโลกคนเป็นทิ้งให้ข้าพเจ้าต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ขวากหนามนับไม่ถ้วนและใช้เวลาชั่วชีวิตเพียงเพื่อออกตามหาศิลาก้อนนั้นครานั้นที่มันมาอยู่ในครอบครองเพียงชั่วครู่ที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้ทุกอย่างกลับคืนมาแต่แท้ที่จริงแล้วข้าพเจ้ากำลังจะสูญเสียซึ่งทุกสิ่งต่างหาก...”


                “...กระท่อมค้นคว้ากลางป่าหายไปจากแผนที่ผู้บุกรุกได้ยึดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าค้นคว้ามาตลอดทั้งชีวิตชายผู้นั้นบ้าซึ่งอำนาจและชาวเมืองทุกคนรู้จักเขาเป็นอย่างดีเกินกว่าจะสามารถแก้ไขได้สายเสียแล้วเมื่อกระท่อมค้นคว้าซึ่งเป็นดั่งคลังข้อมูลของข้าพเจ้าถูกรื้อโค่นไม่เพียงแต่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้นมันกลับฝังกลบต้นไม้แห่งปัญญาไว้ใต้ทะเลสาบขนาดกว้าง...” จนถึงตอนนี้ทุกคนมองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นตะลึง


                กระท่อมร้างใต้ทะเลสาบใบไม้ผลิ!” ทุกคนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน


                มันต้องใช่แน่ ๆ ไม่งั้นลูคจะไปเจอเครื่องแก้วนั่นที่ถูกฝังไว้ใต้โขดหินในทะเลสาบได้ยังไงไม่มีทางที่มันจะเป็นแค่ความบังเอิญ” เบ็นจามินรีบอ่านหน้ากระดาษต่อทันที 


                “…สิ่งชั่วร้ายซ่อนอยู่ภายใต้การกระทำของนักแปรธาตุฟั่นเฟือนผู้เป็นต้นตระกูลอันโด่งดังข้าพเจ้าทราบภายหลังว่าชายผู้บุกรุกผู้นั้นต้องการสินแร่ในกลุ่มรัตนชาติชนิดหนึ่งบรรดาสินแร่ที่ข้าพเจ้าได้เก็บรวบรวมไว้ในกระท่อมคงเป็นหนทางลัดที่สุดที่ชายผู้นั้นจะทำได้ในการออกตามหามุกดาหารหรือที่เรียกกันว่าศิลาดวงจันทร์ยังไม่เคยมีนักแปรธาตุคนไหนเคยสร้างรัตนชาติชนิดนั้นขึ้นมาได้สำเร็จ เหล่านักแปรธาตุได้ตั้งสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับพลังอำนาจลึกลับของศิลาดวงจันทร์บ้างว่ามีฤทธิ์เยียวยาแผลใจ บ้างว่าสามารถใช้กระตุ้นความทรงจำที่เสื่อมสลายบ้างว่ามีอำนาจเวทมนตร์ชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนกลับมา...”


    เบ็นจามินเว้นจังหวะหายใจก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาอ่านต่อให้จบ


                “…ทว่ามุกดาหารไม่ใช่รัตนชาติของฟอร์ทอีสต์ แต่เป็นรัตนชาติแห่งรัตติกาล --มันเขียนจบไว้แค่ตรงนี้”


                ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศในห้องนอนแม้แต่เสียงของสายลมดังโหยหวนผ่านหน้าต่างบานเล็กที่เปิดโล่ไว้ก็ไม่อาจดึงความสนใจของเด็กๆ ได้ ทุกคนกำลังใช้ความคิดกันอย่างหนัก


                ผู้บุกรุกที่ว่านั่นคือใครกันฉันไม่คิดว่าเคยรู้จักใครที่ชั่วร้ายได้ถึงขนาดนั้นนะ --” ซิดจ์นั่งกอดอกทำท่าทำทางว่าตัวเองกำลังใช้สมองอย่างหนัก“-- นักแปรธาตุผู้ฟั่นเฟือน… ตระกูลที่มีชื่อเสียงในฟอร์ทอีสต์…เฮ้ยฉันรู้แล้ว! ต้องเป็นรูปปั้นตาแก่นั่นแน่!ซิดจ์ร้องฮาร์โปผู้ฟั่นเฟือน! มันนามสกุลอะไรวะ


                แกรนด์โกสต์” ชินเอ่ยเงียบ ๆ


                แต่นายแน่ใจจริง ๆใช่ไหมว่าไม่มีศิลาอินคิวบัสอยู่ในกระท่อมร้างของศาสตราจารย์ปิแยร์” ชินถามย้ำ 


      ลูคพยักหน้าตอบ


                ถ้างั้นฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าผู้บุกรุกคนนั้นอาจจะขโมยสินแร่บางชนิดกลับติดมือไปด้วยโดยเฉพาะของที่มันหายากอย่างอินคิวบัส --” ชินวิเคราะห์อย่างปราดเปรื่อง“-- และถ้าข้อสันนิษฐานของซิดจ์เป็นความจริงนั่นแปลว่าเราอาจมีโอกาสหาศิลาก้อนสุดท้ายเจอในคฤหาสน์แกรนด์โกสต์


                จริงด้วย!จำเรื่องที่ฌองเคยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าในคฤหาสน์แกรนด์โกสต์มีห้องทดลองลับของตาแก่โรคจิตนั่นซ่อนอยู่!”ซิดจ์กระซิบเสริมประหนึ่งกลัวว่าเสียงจะลอดผ่านช่องหน้าต่างออกไปข้างนอกห้อง


                รัตนชาติแห่งรัตติกาล…” ในระหว่างที่ทุกคนกำลังระดมสมองกันอยู่นั้นเบ็นจามินก็งึมงำประโยคเดิม ๆ อยู่ในลำคอวนเป็นสิบ ๆ รอบ


                อย่าบอกนะว่าคือที่นั่น!” เบ็นจามินโพล่งเสียงแหลมเรียกทุกคนจากห้วงคิด


                “น็อกเทิร์น!”

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in