เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
ป่าสาบสูญ (3)
  • เขาผงะถอยหลังด้วยความหวาดผวาจนชนจอบพลั่วที่วางพิงอยู่ข้างหลังล้มกราวลงพื้นเสียงดังลั่นทันทีที่ซิดจ์กับฌองรีบวิ่งปรี่มาหาเขาลูคก็รีบเล่าว่าเขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากในกระท่อมร้างด้วยความอยากรู้อยากเห็นซิดจ์จึงสอดส่องสายตาลอดผ่านช่องเหล็กไปในกระท่อมเพื่อหาต้นตอของเสียงร้อง


    มีคนนอนสลบอยู่ในกระท่อม! พวกเราต้องเข้าไปช่วยเธอ” ซิดจ์ร้องอย่างตื่นๆ


    พวกเขารีบคว้าเครื่องมือขุดดินจากพื้นมาคนละไม้คนละมือก่อนจะรีบวิ่งไปยังประตูรั้วที่ถูกล่ามปิดตายด้วยแม่กุญแจและโซ่ตรวนลูคกระทุ้งหัวจอบเหล็กเต็มแรงไปบนแม่กุญแจจนมันหลุดออกแล้ววิ่งรี่ตรงไปยังกระท่อมด้วยความรีบร้อน


    กระท่อมทรุดโทรมจนน่าหวาดเสียวว่าจะถล่มพังลงมาทับเขาเห็นเด็กสาวเจ้าของผมสีส้มแดงเสื้อผ้าขาดวิ่นคนหนึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นกระท่อมที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำขังและชื้นแฉะด้วยตะไคร่น้ำสีเขียวเข้มครั้นพอเดินไปใกล้ก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อพบว่าเคยเห็นหน้าเธอคนนี้มาก่อน


    ลูคนึกย้อนไปถึงความฝันครั้งแรกเขายังจำรูปภาพคนหายในใบประกาศที่ปลิวเข้าใส่หน้าเขาได้เธอคือคนเดียวกันไม่ผิดแน่นอน ฌายา เรนาร์ด เด็กสาวผู้สาบสูญจากน็อกเทิร์นลูครู้แต่เพียงว่าตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือต้องช่วยเธอออกไปจากที่นี่ให้ได้ 


    คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเขาราวดอกเห็ดแม้จะไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงหายตัวจากน็อกเทิร์นแล้วมาโผล่อยู่ในป่าสาบสูญเขาก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่ามันต้องเป็นเพราะฝีมือของเบอมิวด์แน่นอน


    พวกเขารีบรุดออกจากกระท่อมร้างพร้อมกับร่างหมดสติของเด็กสาวปริศนาในอ้อมแขนซิดจ์ฌองเดินนำคลำหาทางออกจากป่าต่อไปโดยใช้หมู่ดาวเป็นแผนที่โชคดีที่แผนการหาทางออกของลูคประสบผลสำเร็จพวกเขากลับมาถึงยังเขตสวนนิรันดร์อีกครั้งกระนั้นสถานการณ์กลับเลวร้ายขึ้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้าเข้ากับเจ้าหน้าขนตัวร้ายอีกเป็นครั้งที่สองแต่ก็นับว่าโชคดีเจ้ามนุษย์หมาป่ายังไม่รู้ตัวมันกำลังหันหลังก้มลงดมฟุดฟิดเสียงดังอยู่ตามพุ่มไม้ที่อยู่ห่างพอสมควร


                ซิดจ์ถือโอกาสนี้ละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาสบตาลูคดูเหมือนว่าทั้งสองจะเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาควรเดินหนีไปจากตรงนั้นอย่างช้าและเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เขาหันไปคว้าแขนฌอง ยกมือขึ้นทำสัญญาณจุ๊ปาก แล้วค่อย ๆ ย่องเดินอย่างเงียบ ๆลัดเลาะผ่านคันดินขนาบด้วยทุ่งดอกไม้สีแดงหน้าตาพิลึกพิลั่นที่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด 


    ด้วยความลนลานเอาตัวรอดทำให้ทั้งสามไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแม้แต่ป้ายปักพื้นเขียนข้อความเอาไว้ว่า 


    อันตราย ห้ามเหยียบดอกไม้หลับใหล

     

                นกฮูกเจ้ากรรมดันร้องเสียงดังจากบนต้นไม้เหนือหัวเรียกสัตว์ร้ายหันขวับมาซิดจ์ลากแขนเขากับฌองวิ่งถลาไปข้างหน้าเต็มกำลังที่เหลืออยู่ลูคได้แต่ภาวนาว่าจะหนีจากเจ้าสัตว์ร้ายพ้นให้ได้ เขาหันกลับไปมองเจ้าหมาป่ามันเริ่มออกวิ่งสี่เท้าตามพวกเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆจนกระทั่งมันลุยฝ่ากอดอกไม้สีแดงหน้าตาพิลึกก่อนล้มลงหมดสติและคลาดสายตาเขาไปกลางทุ่งดอกไม้สีแดงสด

     

    ...

     

                เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังอยู่เหนือหัวท้องฟ้าสีหมึกกลายเป็นสีควันบุหรี่ประหนึ่งสัญญาณบอกว่าพระอาทิตย์กำลังจะโผล่แตะเส้นขอบฟ้าในอีกไม่ช้าในที่สุดซิดจ์ก็วิ่งอุ้มฌายาลากเขากับฌองหนีฝ่าเนินหญ้าและต้นไม้รกทึบออกมาได้สำเร็จชนิดที่ว่าหากมีงูสักตัวเลื้อยตกลงมามันก็คงจะไม่สนใจใยดีที่จะตื่นกลัวอีกต่อไปแล้ว 


    ลูคเห็นเบ็นจามินชิน และคลีโอ กำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ใต้ต้นวิลโลว์ยักษ์ต้นเดิมกับที่พวกเขาเคยใช้หลบฝนทุกคนอยู่ครบและปลอดภัย


     “พวกนายหายไปอยู่ที่ไหนมา แล้วนั่นใคร” เบ็นจามินพูดโพล่งด้วยสีหน้าเป็นห่วงสุดใจก่อนที่แววตาของเพื่อนผมรังนกจะวาวโรจน์ขึ้นด้วยความสงสัยใคร่รู้เมื่อเห็นเด็กสาวที่ซิดจ์อุ้มอยู่ในอ้อมแขน


                ไว้ค่อยเล่า ตอนนี้เรารีบไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า” ลูคพูดอย่างร้อนรนเพราะเขากลัวว่าเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นอาจฟื้นกลับมาเล่นงานพวกเขาอีก


    เป็นเวลารุ่งสางพอดิบพอดีที่เด็กๆ เดินกลับออกมาถึงยังช่องโหว่ที่ข้างกำแพงเหล็กเปรอะสนิมลูคไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขากลับรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้เห็นรูโหว่บนกำแพงที่แสนจะน่าขันนี้

     

                หากจะตัดสินจากสายตาของชาวเมืองที่หันมามองพวกเขาราวกับว่าเป็นตัวประหลาดแล้วลูคนึกภาพในหัวได้เลยว่าสภาพของพวกเขาตอนนี้คงจะไม่ต่างผีดิบที่เดินได้ตัวเป็น ๆแน่แล้วเขาก็คิดถูกเมื่อหันไปเห็นสภาพของซิดจ์ที่เปรอะเปื้อนเศษดินโคลนเต็มหน้าเต็มตาเผ้าผมของเบ็นจามินที่มีเศษใบไม้ติดอยู่เต็มไปหมดรุงรังเสียยิ่งกว่ารังนกและเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นจากการถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนเป็นรูโบ๋ของชิน ฌอง และคลีโอ


                จูเลียรีบถลามาเปิดประตูร้านต้องรับการกลับมาของเด็กๆ ด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจอย่างล้นเหลือ ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แอนก็อยู่ในร้านด้วย


                ฉันคิดว่าพวกเธอจะไม่กลับมาแล้ว ทำไมสภาพของพวกเธอกลายเป็นแบบนั้นไปได้ --”จูเลียอุทานขึ้นอย่างรวดเร็วจนลูคจับความแทบจะไม่ทันเธอรีบวิ่งเข้าไปกอดหลานชายด้วยความเป็นห่วง ครู่หนึ่งก็ผละจากฌองไปยังซิดจ์“-- โอ้พระเจ้า! เกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยคนนี้พวกเธอควรรีบพาเธอไปหาหมอนะ


                ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะรีบพาเธอไปหาพ่อเอง” เบ็นจามินกล่าว


                พวกนายหายไปไหนกันมา รู้ไหมว่าน้าจูเลียเป็นห่วงมากเสียจนโทรไปแจ้งความขอร้องให้ตำรวจวิ่งรถออกตามหาพวกนายทั่วฟอร์ทอีสต์เลยเชียว” แอนโพล่งหน้าเครียดลูคสังเกตได้ว่าน้ำเสียงของเธอแฝงความไม่สบอารมณ์เจือความกังวลอย่างหนัก


                ในมือนั่น! เธอหามันเจอแล้วหรือ” ดูเหมือนว่าแอนเพิ่งจะสังเกตเห็นศิลาที่อยู่ในมือของลูค

                ลูคพยักหน้าตอบรับแล้วแอนก็วิ่งปรี่เข้ามาดูมันใกล้ ๆ แต่แล้วเธอก็คงจะคิดได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมาสนใจเจ้าก้อนหินจอมปัญหาก้อนนี้


                พวกนายควรกลับบ้าน ฉันว่าป่านนี้ครอบครัวคงจะเป็นห่วงแย่แล้วล่ะ” แอนรีบพูด


                เด็กๆ ไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนี้พวกเขาเหนื่อยล้ามามากแล้วและควรจะแยกกันกลับไปนอนพักที่บ้านของตัวเอง หลังจากที่ทุกคนไปล้างหน้าล้างตาและจัดการกับสภาพของตัวเองให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งหนึ่งจูเลียก็รีบจัดแจงเอาขนมและเครื่องดื่มใส่ถุงให้พวกเขากลับไปบ้าน 


    เบ็นจามินเป็นคนอาสาพาฌายากลับไปที่คลินิกของครอบครัวและสัญญาว่าจะรีบโทรแจ้งข่าวทันทีหากเธอฟื้นคืนสติ 


    เมื่อกลับถึงซอยกลูมมี่ ลูคแยกกบซิดจ์ที่หน้าบ้านของตน ในมือยังคงกำศิลาเดย์ดรีมไว้แน่น เขาไม่เคยรู้สึกอิ่มเอมใจมากขนาดนี้มาก่อนในรอบหลายเดือน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in