เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลูค ไวท์ ผจญภัยห้วงนิทราKGUNTION
ป่าสาบสูญ (2)
  • ลูคพยายามเงี่ยหูฟังท่ามกลางเสียงร้องของกบและจักจั่นที่ดังระงมอยู่ทั่วทิศเขาได้ยินเสียงย่ำเดินบนเศษใบไม้แห้งดับกรอบแกรบ ดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ ๆ นี้เอง


                มันมีขนสากสีดำยาวรุงรังเปียกชื้นน้ำฝนสัตว์ร้ายจ้องข่มขวัญพวกเขาด้วยนัยน์ตาอำมหิตสีแดงก่ำ ลูคจำมันได้เป็นอย่างดีมันคือมนุษย์หมาป่าตัวเดียวกับที่เขาเจอตรงระเบียงในหอพักใบไม้ผลิเมื่อคราวนั้น 


    ราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้เสียตรงนั้นพวกเขาตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวไม่มีใครกล้าขยับตัวได้เพียงแค่มองตาค้างไปที่เจ้าสัตว์ร้าย


    ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่... มันควรจะอยู่ที่มหาลัยไม่ใช่หรือ... เราจะทำอย่างไงต่อไปดี... วิ่งหนี? มันอยู่ใกล้ขนาดนี้ต้องหนีไม่พ้นแน่ ๆ หรือเราจะต้องถูกกินทั้งเป็นอยู่ในป่าแห่งนี้... หรือเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้คือที่มาของชื่อป่าสาบสูญ...


    ความคิดรัวอยู่ในหัวเขาราวกับกระสุนปืนกลแต่ไม่ทันที่จะได้คิดต่อ เจ้าเพื่อนตัวดีที่ยืนอยู่ข้าง ๆก็ทำสิ่งเหนือความคาดหมาย ด้วยแรงอะดรีนาลีน ซิดจ์คว้าแขนเขามาบีบอย่างแรงจนปวดก่อนจะลากเขาวิ่งลุยเข้าไปในทุ่งดอกไม้อย่างไม่คิดชีวิตทันทีหลังจากซิดจ์วิ่งสติแตก เพื่อนคนอื่น ๆก็วิ่งแตกตื่นกระเจิดกระเจิงกันไปคนละทิศละทางอย่างโกลาหล


                ซิดจ์วิ่งลากเขาหน้าตั้งฝ่าไปจนถึงกึ่งกลางของทุ่งดอกไม้โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลูคหันกลับไปมองข้างหลังเห็นฌองวิ่งสีหน้าเหยเกราวกับกำลังจะร้องไห้เพราะถูกมนุษย์หมาป่าวิ่งไล่หลังมาติดๆ แต่สัตว์ร้ายก็หันความสนใจไปทางคลีโอเพราะถูกปาหินก้อนหนึ่งเข้าใส่ที่หัวอย่างแรง 


                ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนลูครู้สึกตื้อในหัวเขาเห็นมนุษย์หมาป่ากระโจนเข้าใส่คลีโอจนล้มลงไปนอนที่พื้นหญ้าเขาเห็นชินวิ่งถลาเข้าไปช่วยคลีโอพร้อมกับท่อนไม้ขนาดใหญ่ในมือฟาดเข้าที่หัวของสัตว์ร้ายอย่างแรง แปลกตรงที่ไร้ซึ่งเสียงร้องดังจากปากของมันไม่นานนักทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งหลังจากที่ซิดจ์วิ่งพาเขาเข้าไปในดงไม้ทึบลึกเข้าไปข้างในป่าลึก


                เหนื่อยชะมัด ขาฉันหมดแรงแล้ว” ซิดจ์บ่นขณะปล่อยแขนเขาก่อนจะลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นลูครู้สึกได้ว่าเลือดกลับมาไหลเวียนที่แขนตามปกติอีกครั้งส่วนฌองก็นั่งหอบแลดูอิดโรยไม่แพ้กัน


                ให้ตายสิ มืดชะมัดเลย” ซิดจ์ครางพลางเอามือบีบนวดที่ขาทั้งสองเพื่อคลายความเมื่อยล้าฌองหน้าถอดสีเพราะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังมาใกล้ ๆแต่ซิดจ์กลับทำหน้ามุ่ยแล้วลูบคลำที่ท้องตัวเองเพราะแท้จริงแล้วมันคือเสียงร้องประท้วงของกระเพาะอาหาร


                ป่ายามวิกาลชวนให้น่าพิศวงโชคดีที่ซิดจ์พาเขาวิ่งมายังจุดที่บนท้องฟ้าไร้กิ่งก้านของต้นไม้แม้ว่าแสงจันทร์เพ็ญจะส่องสว่างเพียงพอให้เห็นทางแต่มันก็ไม่อาจทำให้ความน่ากลัวของป่าลดลงได้เลยแม้แต่น้อยครู่หนึ่งพวกเขาก็เริ่มออกเดินเพื่อหาทางออกจากป่าสาบสูญอีกครั้ง


    ผมว่าได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากตรงนั้น อาจจะมีลำธารอยู่ก็ได้” ฌองพูด 


                หลายต่อหลายครั้งที่ซิดจ์เดินสะดุดเถาวัลย์และรากไม้เลื้อยลูคมักจะได้ยินเสียงของมันพูดบ่นกับตัวเองทุกครั้งว่า


                ให้ตายสิ! ถ้าหากฝนไม่ตกป่านนี้เราคงหาไม้มาจุดคบไฟได้ไปแล้ว!”


                ลูคยอมรับว่าฌองมีประสาทการรับรู้ในการได้ยินที่ดีอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะหลังจากเดินคลำทางมาได้สักพัก ในที่สุดทั้งสามก็พบเข้ากับลำธารตื้น ๆสายเล็กแห่งหนึ่ง


                นายเป็นกระต่ายหรือไง หูดีขนาดนั้น” ซิดจ์พูดชมแต่ลูคคิดว่ามันเป็นคำชมที่ฟังดูค่อนข้างแปลก


                ลูคเพ่งสายตามองไปรอบๆ ติดกับลำธารมีแนวหน้าผาสูงกว้างกินพื้นที่ยาวไปตามการทอดตัวของสายน้ำบนผาหินมีดอกไม้หน้าตาแปลกประหลาดขึ้นเป็นหย่อมอยู่ทั่ว ริมตลิ่งมีไม้ยืนต้นเตี้ยๆ ขึ้นห่างกันประปราย บรรยากาศริมลำธารสว่างมากพอที่ลูคจะมองเห็นใบหน้าอันแสนกระมอมกระแมมของซิดจ์และฌอง


                กระทั่งสายตาของลูคไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่างบนผาหินท่ามกลางแสงกระพริบสีเหลืองนวลของหิ่งห้อยนับสิบมีแสงสีขาวส่องกระพริบระยิบระยับมาจากดอกไม้ดอกหนึ่ง


                พวกนายเห็นแสงนั่นหรือเปล่า บนนั้น” ลูคเรียกเพื่อนๆ ให้มองไปยังผาหินตรงหน้า


                ทั้งสามใช้ความพยายามอย่างมากในการปีนหน้าผาที่ลาดชันและเปียกชื้นหลายครั้งที่ลูคก้าวเท้าไปบนหินที่เปื้อนโคลนจนเกือบลื่นไถลตกลงไปข้างล่างหากไม่ได้ซิดจ์คอยดึงแขนไว้ป่านนี้เขาคงคอหักตายไปแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ปีนมาถึงดอกไม้ดอกที่กระพริบแสงสีขาว


                วัตถุประหลาดผิวเรียบสีขาวส่องแสงริบหรี่อยู่บนเกสรที่กำลังแย้มบานลูคยิ้มแก้มแทบปริใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจเมื่อมั่นใจว่าในที่สุดเขาก็หาศิลาเดย์ดรีมพบแล้ว


    หลังจากกลับลงมาถึงพื้นดินได้อย่างปลอดภัยทั้งสามก็เริ่มนั่งระดมสมองคิดหาทางออกจากป่าลึกแห่งนี้อย่างจริงจังต่างคนต่างก็คิดไม่ออกว่าพวกเขาจะหาทางออกไปจากป่าแห่งนี้ยังไงดีลูคแหงนมองไปบนท้องฟ้าเปิดไร้ซึ่งก้อนเมฆคิดหวังว่าหัวสมองเขาจะโล่งได้เหมือนท้องฟ้าบ้างเขาเห็นจุดกระพริบสีขาวดวงดาวส่องแสงแพรวพราวเต็มไปหมด ในที่สุดเขาก็คิดออก


                พวกนายดูดาวเป็นหรือเปล่า ถ้าเราดูทิศจากดาวได้เราก็อาจจะออกไปจากที่นี่ได้” ลูคถามเพื่อนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ


                ยังไงล่ะ” ซิดจ์รีบถามด้วยความสงสัย


                ลองเอาแบบแปลนมากางดูสิ มันต้องเขียนบอกว่าทิศเหนือชี้ไปทางไหน ถ้าเราเดินตามนั้นก็น่าจะออกไปจากเขตป่ารอบนอกนี้กลับไปยังเขตสวนของคฤหาสน์ได้สมมติว่าแปลนเขียนบอกทิศเหนือไปทางที่ลึกเข้าไปในป่าไกลออกไปอีกแปลว่าเราก็ต้องเดินไปทางทิศใต้ที่จะพาเราออกไปยังเขตสวนยังไงล่ะแล้วเราต้องหาจุดที่เราอยู่ในตอนนี้ให้ได้ด้วย ฉันว่าเราคงหาบริเวณที่เป็นหน้าผากับลำธารได้ไม่ยากหรอก”ลูคอธิบาย


                ผมแค่ต้องหาดาวเหนือให้เจอใช่ไหมครับ” ฌองรีบหยิบแบบแปลนขึ้นมากางดูเด็ก ๆ พบว่าทิศเหนือชี้ไปทางป่าลึกพอดิบพอดีเพื่อนตัวเล็กรีบมองหากลุ่มดาวหมีใหญ่เพื่อหาดาวเหนือโดยทันทีและในไม่ช้าฌองก็หามันพบได้อย่างไม่ยากเย็น


                ทิศเหนือคือทางนั้นครับ” ฌองชี้นิ้วไปทางซ้ายมือของลำธารแปลว่าเราต้องเดินไปทางขวาสินะครับ” 


                ลูคได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่เดินไปเจอเข้ากับมนุษย์หมาป่าสุดสยองตัวนั้นอีกเขามองเพื่อนทั้งสองที่เดินขนาบข้างเขาอยู่ต้อย ๆ ในใจก็นึกสงสารปนขอบคุณทั้งคู่ไปตลอดทางถ้าไม่ได้ซิดจ์ ก็คงจะไม่เจอกับศิลาเดย์ดรีมแน่ ๆเพราะไอ้เจ้าตัวดีมันเล่นพาเขาวิ่งมั่วซั่วมาเจอเข้า 


    ทั้งสามพบกระท่อมเหล็กสีสนิมเก่าร้างและปิดตายแห่งหนึ่งตั้งอยู่สุดปลายสายลำธารรั้วเหล็กซี่ล้อมรอบกระท่อมตั้งแต่พื้นดินจรดหลังคาแลดูคล้ายกับกรงนกขนาดยักษ์อย่างน่าขันประตูทางเข้าถูกโซ่ล่ามปิดตายอย่างแน่นหนาประหนึ่งว่ามันคือกรงขังสัตว์ร้าย


    ฉันไม่ยักรู้ว่าก่อนหน้านี้เราผ่านที่แบบนี้มาด้วย” ซิดจ์พูดกระหืดกระหอบหายใจไม่ทั่วท้อง


    เด็กๆ เริ่มเดินสำรวจรอบกระท่อมเหล็กร้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลูคพบว่าข้างกระท่อมมีเรือนเพราะชำร้างขนาดเล็กซึ่งสร้างขึ้นจากกระจกทว่ามันกลับไร้ซึ่งพันธนาการของรั้วเหล็ก ในเรือนเพาะชำมีเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตรตกระเนระนาดอยู่ทั่วพื้นในขณะที่เขากำลังจ้องมองกบตัวใหญ่สีเขียวซึ่งหลบอาศัยอยู่ข้างในบัวรดน้ำเก่า ๆวางไว้ติดกับฝาผนังกระจกของเรือนเพาะชำที่กั้นกลางระหว่างกระท่อมร้างกับเรือนเพาะชำลูคก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนชวนขนหัวลุกดังเล็ดลอดมาจากช่องเหล็กเล็ก ๆ บนฝาผนัง


    ช่วยฉันด้วย...” เสียงเล็กแหบพร่าดังขึ้นตามมาทีหลัง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in