เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คนแปลกหน้าในบ้านฉันLOTUS
ทางเลือก
  • หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่แม่หนีออกจากบ้านไปหลายวัน
    หลังจากที่พวกเราทุกคนอดทนมากว่าครึ่งปีกว่า
    หลังจากที่พ่อต้องโดนทรมานด้วยความรุนแรงอย่างสาหัสแทบจะทุกวัน
    ตอนนี้พ่อมีแต่แผลเต็มตัว ตาพ่อมองไม่เห็นภาพข้างหนึ่ง

    ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสิ่งที่แม่ทำ

    ในที่สุดพ่อก้พูดคำๆนั้นออกมา
    คำๆนั้นที่พวกเราพยายามจะหลีกเลี่ยงมันมาตลอด

    ในวันนั้นที่ห้อง พ่อมองตรงมาที่ฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า 


    "พ่อกับแม่อาจจะเลิกกันนะ"


    ฉันมองหน้าพ่อด้วยดวงตาที่เฉยชายิ่งกว่า

    "แล้วหลังหย่าสร็จพ่อจะทำยังไง แล้วแม่ล่ะ"

    พ่อยิ้มขื่นๆ ดวงตายังคงเรียบเฉย

    "พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันแม่ก็คงต้องเข้าโรงพยาบาลและอยู่ในนั้นกว่าจะหายดีล่ะมั้ง
    แล้วเด็กๆพ่อคงต้องดูแลเอง"

    ถึงแม้พ่อจะดูนิ่งเฉยแค่ไหน แต่มันง่ายดายที่จะเห็นว่าพ่อกำลังหัวใจสลาย
    เพราะฉันรู้ดีว่าพ่อฉันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก
    บางทีอาจจะมากกว่าชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ


  • ตอนที่ฉันโตพอที่จะรู้ความแล้ว พ่อกอดฉันในอ้อมแขนพร้อมกับเล่าเรื่องสมัยหนุ่มๆให้ฟัง 
    ทุกประสบการณ์ของพ่อช่างน่าตื่นเต้น หน้าของพ่อดูมีความสุขมากระหว่างที่เล่าเรื่องเหล่านั้น
     ไม่ว่าจะเป็นตอนมัทยมที่พ่อชนะแข่งมวยไปจนถึงครั้งแรกที่พ่อได้เจอกับแม่

    ฉันถามพ่อด้วยความสงสัยว่าชีวิตพ่อตอนไหนที่มีความสุขที่สุด 

    พ่อมองหน้าฉันด้วยสายตาที่ทอแสงแห่งความรักอย่างแรงกล้า
    ด้วยรอยยิ้มที่สามารถจะส่องสว่างโลกทั้งใบได้แล้วตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

    "ตอนนี้แหละที่พ่อมีความสุขที่สุดในชีวิต 
    พ่อมีลูกๆสามคน ทุกๆคนเติบโตมาอย่างดีและยังมีชีวิตอยู่
    พ่อมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่อลูกและครอบครัวนี่แหละ"

    ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างฉันรู้ว่าพ่อไม่ได้โกหก พ่อพูดออกมาจากหัวใจจริงๆ

    ถ้อยคำเหล่านั้นทรงพลังและงดงาม
    มันแทรกซึมลงไปและส่องแสงสว่างอยู่ในจิตวิญญาณของฉัน

    และฉับพลันฉันก็รับรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่า แม่ของฉันเองก็คงรักลูกๆทั้งสามคนสุดหัวใจเหมือนที่พ่อกล่าวเพราะทุกๆการกระทำของพ่อและแม่ก็บ่งบอกเช่นนั้นอยู่แล้ว

    ฉันตระหนักได้ว่าฉันช่างโชคดีเหลือเกินที่มีพ่อและแม่ที่ให้ความรักมากมายขนาดนี้

    ความตระหนักรู้เช่นนี้ เปลี่ยนให้ฉันเป็นคนที่ศร้ทธาในความรักของครอบครัวจนถึงวันนี้
    แม้กระทั่งในวันที่ครอบครัวของเราที่พ่อกับแม่ใช้เวลาทะนุถนอมมากว่า 20ปีกำลังจะแตกสลาย



  • พ่อไปได้สักพักแล้ว ทิ้งไว้แต่ความคิดสับสนวุ่นวายในหัวฉัน
    ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในจิตใจของฉัน
    ท่ามกลางกระแสคลื่นของความรู้สึกเช่นนั้นเองฉันสัมผัสได้ว่ามีอารมณหนึ่งที่โดดเด่นออกมา 


    มันทรมานหัวใจ


    ฉันค้นพบว่าฉันรู้สึกทรมานใจมากๆ
    ซึ่งมันน่าจะเป็นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
    สำหรับเด็กที่ต้องมารับรู้ว่าครอบครัวที่รักกำลังจะพังทลาย

    แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เพราะสาเหตุนี้อย่างเดียวแต่ฉันไม่เข้าใจว่าความทรมานใจนี้มาจากไหน 

    ความรู้สีกทรมานใจมันเจ็บปวด รุนแรงและเกรี้ยวกราดราวกับจะฉีกทึ้งร่างกายเป็นเสี่ยงๆ

    เป็นเวลานานทีเดียวที่ฉันร้องไห้ในห้องคนเดียวอย่างไม่รู้จบด้วยความหวังว่าน้ำตาจะช่วยบรรเทาความปวดใจได้

    หลังจากที่หลั่งน้ำตาออกมามากโข ในที่สุดฉันก็เข้าใจ


    ฉันทรมานใจที่ค้นพบว่าเราต้องทอดทิ้งแม่


    ถ้าพ่อฟ้องหย่าแม่ด้วยเหตุทำร้ายร่างกายคู่สมรสอย่างรุนแรงทั้งทางกายและจิตใจ 
    เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าแม่ต้องสูญเสียทั้งครอบครัวที่รัก อาชีพ  
    ลูกๆสามคนก็โทษและรังเกียจแต่แม่ รวมถึงฉันด้วย ทั้งที่ความผิดแต่แรกไม่ได้เกิดจากแม่ด้วยซ้ำ

    แม่คงต้องใช้ชิวิตอยุ่ในโรงพยาบาลบ้าจนกว่าจะเลิกทำร้ายคนใกล้ตัวทั้งทางคำพูดและร่างกาย

    ชีวิตของผู้หญิงดีๆคนหนึ่งก็จะถูกทำลายอย่างย่อยยับ


    ในตอนแรกฉันเข้าใจว่าถ้าหย่าๆกันไปให้จบ ฝันร้ายของครอบครัวเราก็จะสิ้นสุดลง
    พวกเราทุกคนก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
    แต่ฉันลืมไปว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุข

    อย่างน้อยก็ไม่ใช่แม่แน่ๆที่จะมีความสุข

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in