เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มนุษย์เงินน้อยWe Hello
เงิน ซื้อ เวลา
  • "เมื่อเรา “เงินเราหาย...ตั้งแต่ต้นเดือน” เราต้องใช้เงินวันละ ร้อยแปดสิบบาทต่อวันแต่ตอนนี้เหลือร้อยหกสิบบาทต่อวันแล้วนะ"


    บันทึกก่อนหน้านี้ วันปกติของเรา แต่ไม่ใช่ของเขา มาถึงวันนี้(วันคุกร์) จะเป็นวันธรรมดาแต่รู้สึกว่า ต้องแข่งกับเวลาอยู่ตลอด ถ้าเราจะแข่งกับเวลาสิ่งที่ทำให้เวลาเร็วขึ้นคือ การซื้อเวลา ด้วยเงิน  วันศุกร์ที่ผ่านมาเราเสียเงินให้กับเรื่องที่เราทำกับตัวเอง...ว่าด้วยช่วงเช้า เราก็ออกเดินทางตามปกติ พอมารอรถที่สถานี “ทำไมกระเป๋าดูเบาๆ” เปิดกระเป๋าดู “เชี่ยลืมจับเอกสารประชุมงานวันนี้มาต้องประชุมตอนเช้าด้วย 

    #เจ็ดโมงสี่สิบนาที รถไฟฟรีเดินทางมาถึงที่สถานีพอดี "จิตใจตอนนี้บอกเลยว่ากระวนกระวายมากแล้วทำไงทีนี้(เรารู้สึกเจ็บใจตัวเองมากกทำไมเป็นคนขี้ลืมขนานนี้) เดินกลับไปเอาวันนี้ต้องสายแน่ๆแถมประชุมตอนเช้าไม่ทันด้วย ยังไงก็ต้องไปเอาอยู่ดี แต่จะทำยังไงให้ไปเอาเอกสารที่ห้อง และไปทำงานไม่สาย ทันประชุม

    สิ่งที่ทำได้คือซื้อเวลา และเพิ่มไอเท็มดวง สุดท้ายคงไม่พ้นพี่วินตามเคย (เราว่าเป็นพาหนะที่ซื้อเวลาได้คุ้มและดีที่สุดในเมืองไทยแล้วแหละ)

    เรา : พี่ไปท้ายซอย (ใช้เวลาแค่ 2 นาทีถึงที่พัก #หมดไปแล้วยี่สิบบาท ) 

    เรา : พี่รอผมแปบนะ ขึ้นไปเอาของก่อน (เราใส่ตีนเสือดาวเร็วที่สุดที่ทำได้ จับเอกสารทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะลงมาขึ้นวิน)

    เรา : เห้ยๆ พี่วินหาย บอกให้รอ (จังหวะนี้คำหยาบคายมาเต็ม) #ขณะนี้เวลาเจ็ดโมงห้าสิบนาที

    รีบวิ่งไปหาพี่วินหน้าปากซอยทันที “พี่ไปส่งสถานีรถไฟฟ้า” จังหวะนี้เหนือยมากๆ ได้โอกาสนั่งพักอยู่บนรถวินแต่หมดไปแล้วยี่สิบบาท (พึ่งมารู้ที่หลังว่าพี่วินห้ามรับข้ามเขตกัน ต่อให้เรารีบขนาดไหน พี่วินไม่ใช่เขตที่คุณยืนอยู่ ก็รับไม่ได้นอกจากลักไก่) ภาพตัดมาที่พี่วินพาซอกแซกจนมาถึงจุดหมาย

     #เจ็ดโมงห้าสิบสี่นาที รถไฟฟรีก็ไม่มี เราต้องพึ่งดวงกับรถไฟแอร์พ็อตลิ้ง เราก็ไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นตอนไหน (อันนี้เรื่องจริงมาช้า คนเยอะตั้งแต่ต้นสถานี) มีทางเดียวคือ บริการรถเสริมอันนี้แหละเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ภาพตัดมาที่เรารีบวิ่งขึ้นสถานีเสียงประกาศรถไฟกำลังเข้าสู้สถานี เราก็รีบไปซื้อตั๋ว (หมดไปอีกสิบห้าบาท และจังหวะนี้เริ่มเข้าใจแล้วมีบัตรโดยสารไว้ทำไม) คนขายก็ขยันนับเงินจัง ช่องขายตั๋วก็โครตเล็กสอดนิ้วไปเก็บเงินทอนกว่าจะได้เสียเวลาไป ห้าวินาที 

     #ขณะนี้น่าจะเวลา เจ็ดโมงห้าสิบเจ็ดนาที ภาพตัดมาที่เรารีบขึ้นบันไดเลื่อน รถไฟก็เปิดประตูพอที่ สลับมาเราค่อยเห็นคนกำลังเดินขึ้นสถานี

    คนเยอะมากๆ ถ้าไม่ทันขบวนนี้สายแน่นอน ทำไงดี พอเริ่มหมดทางออกใจเราเริ่มหาทางออก จะทำชั่วยังไง ทำไปแล้วเรารอดตาย ก็จะยอมทำ ซึ่งเราใช้วิธี จังหวะกั๊ก อันนี้เราใช้บ่อย เป็นจังหวะที่คนกำลังขึ้นรถไฟฟ้าคนข้างในอัดแน่นรวมกันอยู่ในขบวน คนข้างนอกบหมดปัญญาเข้าไป ซึ่งช่วงเวลานี้แหละ ที่คนข้างนอกไม่ยอมเข้ารถไฟ ด้วยสาเหตุ 2 ประการคือ หนึ่งคนเต็มดูแล้วเข้าไม่ได้หรอก และสองมากับเพื่อนต้องไปพร้อมกันไม่เข้าไปหรอก ใครอยากเข้าก็เขาไป

    เมื่อไม่มีใครอยากเข้าไปคุณจะมีเวลาประมาณ 5-10 วินาที ประตูจะปิด เราต้องพยายามมองถึงความน่าจะเป็น และประเมินว่า ได้ไหม ซึ่งตอนนี้เราอยู่ท้ายแถวว 

    "ตกลงข้างหน้าไม่เข้าไปใช่ไหม" (ในใจประเมิณ)

     เราดูช่องที่เข้าไปได้ ตอนทุกอย่างหยุดชะงัก จังหวะนี่แหละเราวิ่งไปเอาตัวไปยัดกับคนข้างในต้องเข้าประให้ได้ ถ้าได้ก็ดีไปแล้วเราจะดูเป็นคนหน้าหมั่นใส่ต่อคนยืนรอ (หน้าด้าน ทำได้ไงวะ แม่งเกรียน)

    แต่ถ้าไม่ได้ คุณจะอายสุดๆ แล้วเดินคอตกไปต่อแถวใหม่ แต่ว่าเราทำได้ ด้วยตัวเท่าเสาไฟด้วยแหละมั้งฮ่าๆ...ตอนนี้เราอยู่บนรถไฟที่โครตจะอัดอยู่ปากประตู กลางขบวน นอนปูเสื่อได้เลย (ไม่เข้าใจทำไมไม่เดิน) (

    จับโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลน่าจะเวลาแปดโมงแปดนาที  “ใกล้ถึงแล้วอยู่มักกะสัน” พี่แคโทรหาเหมือนจะรู้ว่าวันนี้เราจะมาสายไม่ทันประชุม ภาพตัดมาที่เรารีบวิ่งไปขึ้นวินจากมักกะสันไปสุขุมวิท และดวงดีหน่อย ที่เราไปถึงคนแรก ไม่มีใครต่อวินอยู่ 

    “พี่ไปสุขุมวิท” ตามสูตรเดิม ซิ่งโครต (หมดไปแล้วอีดหกสิบบาท) พี่วินพาเรามาถึงออฟฟิศ เราก็วิ่งสุดกำลังไปสแกนนิ้วเข้างาน #แปดโมงสิบสี่น่าที ห้าสิบเจ็ดวินาที “โอโห้ อีกสี่วินาที ก็จะสายแล้วแต่ใครจะเชื่อว่าจะทัน” #มีใครให้มากกว่านี้บ้างมาแชร์กัน

    เรารีบวิ่งเข้าห้องประชุมนำเอกสารไปให้พี่แค เตรียมพร้อมประชุม ภาพตัดมาที่ นั่งโง่อยู่ที่ประชุม กว่าจะได้ประชุม สิบโมง แต่นัดเราแปดโมง แล้วจะรีบมาทำเพื่อ (แต่ก็เอาเถอะ กันไว้ดีกว่าแก้)

    สรุปเงินที่ซื้อเวลาไปทั้งหมด ร้อยสิบห้าบาท ยอดเงินคงเหลือ หกสิบห้าบาท ซึ่งทานข้าวได้ สองมื้อ และเราต้องเฉลี่ยเงินให้ทานได้สามมือ อาหารที่เราเลือก เป็นกับข้าวราดแกงซื้อ กับข้าว (เราซื้อแกงพะแนง) สามสิบบาท และข้าวเปล่าๆ ห้าบาทสองถุง รวมทั้งหมด สี่สิบบาท ทานได้ สองมือ และเงินอีก ยี่สิบห้าบาท ทำมือพิเศษที่แนะนำจากคุณ skipmetofriday ____“ลองทำมื้อเที่ยงทานเองดูไหมคะ ซื้อไข่ลวกเซเว่น กับมาม่ามาต้มกินตอนเที่ยงในห้องครัวของออฟฟิศ” ______ซึ่งเราก็ทำจริงๆนะ ด้วยงบแค่ยี่สิบบาท แล้วนำเงินอีกห้าบาทไปซื้อข้าวเปล่าๆ

    “ต้องบอกว่ามาม่าใส่ไข่ เราทำแล้วไปแชร์กับเพื่อนๆ เป็นกับข้าวคล้ายๆ ต้มยำกุ้งเพราะมาม่าต้มยำกุ้ง ฮ่าๆ แล้วยิ่งนานๆ ทีเราได้กินมาม่า ตักทานกับข้าวเปล่าๆ ร้อนๆ อร่อยมากๆ” #เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ขอบคุณ skipmetofriday ที่มาแชร์ความคิดเห็นนะ วาร์ปมาอ่านบทความเขาได้กดเลย


    ที่มาภาพ COVER : https://www.google.co.th/search?q=%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2&safe=off&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwjoxLuarp3VAhXGMY8KHeFAAnEQ_AUIBigB&biw=1242&bih=580#imgrc=ZKXS6IQTRgd1WM:

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
fridayokaeri (@fridayokaeri)
ดีใจที่เอามาม่าไข่ไปทำกินกันแล้วคุณเพื่อนชอบค่ะ แฮ่ๆๆๆ อดทนหน่อยนะคะ จะครบหนึ่งเดือนแล้ว ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่โหดใช้ได้อยู่ อ่านไปก็เอาใจช่วยไปด้วยตลอดทั้งเดือนเลยค่ะ
We Hello (@wehello)
@fridayokaeri ต้องบอกว่า อร่อยจริงๆ ครับ ยิ่งทานกันหลายๆ คน "แซ่บนัว" มากๆ