เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทราเวลนอวอรอรอตอพอลอ
เกือหลีเหนาโฮเต็ล: EP1 เมื่อผมไปส่งอีเมล์ที่บ้านเฮียคิม
  • การผวนคำที่ชื่อเรื่องข้างต้นไม่ใช่มีวัตถุประสงค์จะกวนตีนอะไร แต่เป็นที่รู้กันว่าทางเกือหลีเหนานี้ไฮเทคยิ่งนัก ใครเขียนถึงประเทศตัวเองที่ไหนเขาจะล้วงไปเก็บรายงานให้เฮียคิม ไอ้ตัวเองคงไม่เป็นไร เพราะชาตินี้คงไม่ได้กลับไปอยู่แล้ว แต่บังเอิญที่ไปคราวนั้นมีคนเชิญมา ถ้าเฮียแกเคืองขุ่น บรรดาที่เชิญผมไปคราวนั้นอาจติดคุกขี้ไก่เป็นอย่างเบา

    หวังว่าทีมงานตี๋ๆ หมวยๆ ที่นั่งแฮ๊กข้อมูลกันอย่างแข็งขัน จะผวนคำไม่เป็นนะครับ

    เข้าเรื่องละ 


    เรื่องนี้มาจากทริปครั้งเดียวในชีวิต ที่ได้มีโอกาสไปเยือนประเทศที่ี่ระบบการปกครองยังมีความเป็นคอมมิวนิสต์เข้มข้นที่สุดในโลกปัจจุบัน

    เกือหลีเหนาโฮเต็ลเป็นวิมานสถานของเฮียคิม อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี หลายๆ คนคิดว่ามันเข้ายากเข้าเย็น แต่จริงๆ กระทู้รีวิวพันธ์ทิพย์นี่บานเลย คือไปเที่ยวได้ถ้ามีตังค์ มีบริษัททัวร์จัดการให้หมด แต่ที่ผมไปนี่คือได้รับเชิญไปทำงานเลยไม่ต้องผ่านเอเจ้นท์ที่ไหน

    เพื่อรักษาความกำกวมไว้ให้มิตรสหายที่โน่นมีที่ซุกหัวนอนสบายๆ เอาเป็นว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนแล้วกัน

    การเดินทางของทีมของผม ต้องไปต่อเครื่องที่ปักกิ่ง มีเวลาต่อเครื่องเกือบๆ สิบชั่วโมง ซึ่งแทนที่จะเอาไอ้วันนี้ไว้ทำงานหรือพักผ่อนให้ร่างกายปรับเวลา พวกเราซึ่งได้รับข้อแนะนำมาก่อนว่า อย่าเอาหนังต่างประเทศเข้ามา หลักๆ ก็หนังอเมริกันแหละครับ โดยเฉพาะยิ่งอะไรเกี่ยวกับการเมืองเขาจะยิ่งอ่อนไหวเป็นพิเศษ

    ผมและเพื่อนมีซีรีส์ต่างประเทศกันคนละมากไบท์ นับสี่สิบมือไม่หมดแน่นอนครับ ก่อนเดินทาง เราล้วนแบ็คอัพเรื่องพวกนี้ไว้ที่บ้าน ยกเว้นไอ้ที่ดูค้างไว้ ก็ตั้งใจมานั่งดูให้จบก่อนขึ้นเครื่องที่ปักกิ่ง
    ของมันน่ะ West Wing ส่วนของผมน่ะ House of Cards

    นับว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างยิ่งทั้งสองเรื่อง ...

    เราจึงต้องตาแฉะดูกันแบบมาราธอนภายในชั่วเวลาไม่ถึงห้าชั่วโมงที่มี (หลักหักช่วงที่กัปตันสั่งปิดเครื่อง ข่วงเดินทางเปลี่ยน terminal ในปักกิ่ง ช่วงเข้าคิวอิมมิเกรชั่น หรือช่วงพลิกเมนูเลือกอาหารประทังชีวิต)

    มันน่ะดูเสร็จก่อนผมสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็นั่งลบไฟล์จากฮาร์ดดิสก์และเช็คเมล์ ผมน่ะจบซีซั่นตอนสายการบินแห่งชาติเกือหลีเหนาเรียกขึ้นเครื่องพอดี นั่งลบไฟล์อย่างรวดเร็ว ปิดคอมแล้วก็เดินชิลๆ ขึ้นเครื่องไป

    เรื่องนี้สำคัญนะครับ เพราะแขกไปใครมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่โน่น ขอเปิดคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ไล่ดูไฟล์กันเลยทีเดียว

    พอคุยกับเพื่อนบนเครื่องถึงนึกออกว่า ผมลืมส่งเมล์สำคัญเรื่องงาน!

    แต่คงไม่เป็นไร เห็นคนเชิญเราเขาว่าที่โรงแรมมีไวไฟให้ในห้อง ดันปรากฏพนักงานต้อนรับบอกว่าเซิร์ฟเว่อร์เสีย ต้องซ่อมสักสองวัน

    ซึ่งเราใช้เวลาไปสองวันถึงพบว่า มันเป็นเพียงนิทานหลอกนักท่องเที่ยวครับ (เดี๋ยวเฉลยข้างล่างอีกที) ทั้งประเทศนี้ แมร่งคงจะมีไวไฟเราเตอร์รวมกันไม่เกินหลักร้อย ขนาดโรงแรมที่เราไปจัดประชุมนี่พวกยูเอ็นไปใช้ประจำ ยังไม่มีเลยครับ

    อ่อ คนทีี่เชิญผมไปน่ะ เขาส่งอีเมล์มาเชิญเชียวนะ!!! แต่ที่ทำงานเขาใช้ modem ครับ แล้วต้องต่อ vpn อีกตะหาก ซึ่งก็สามวันดีสี่วันไข้ แล้วไอ้วันที่ผมจะส่งเมล์ vpn ของมันก็ไข้ขึ้นสูงเลย

    เมล์ที่ผมต้องส่งก็ยังคงความด่วนอยู่ แม้จะผ่านมาแล้วสองวัน ...

    ถามไปถามมา ทางโรงแรมก็ใจดีชิบหาย บอกว่า คุณมาส่งที่ business center ของโรงแรมได้นะ

    เวร... คือเซอรฟเว่อร์คุณเสีย แต่ business center ใช้งานได้เนี่ยนะ?

    ยอมอ่ะ... บากหน้าขึ้นไปชั้นลอย น้องหมวยที่นั่นก็บริการอย่างดี เปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้ หน้าจอแบบไม่แบนด้วยนะครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าจอแบบนั้นเรียกว่าอะไร คือมันหายไปจากโลกมาได้หลายปีก่อนที่ผมจะเหยียบเข้าไปในเกือหลีเหนาโฮเต็ลนั่น

    ผมนั่งประจำตำแหน่ง หยิบเมาส์รอ เสียงระบบปฏิบัติการวินโวส์ xp บู๊ตขึ้นมาราวเสียงสวรรค์ หันไปถามน้องหมวย... ยูใช้ browser อะไร?

    น้องทำหน้างงๆ ไม่มีค่ะ แล้วก็ยื่นมือนุ่มๆ มา ขนอ่อนๆ ที่สองแขนของเราแทบจะสปาร์กไฟฟ้าสถิตขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเรียกสติกลับมา เมาส์ในมือผมก็ตกไปอยู่ในครอบครองหมวยเล็กคนนี้แล้ว

    น้องก็เอื้อมมือไปเปิด Outlook ให้

    สำหรับคนที่ไม่คุ้นและไม่เนิร์ด Outlook เป็นโปรแกรมของไมโครซอฟต์ ที่ใช้รับและส่งอีเมล์ มันไม่เหมือนเบราเซอร์ที่เราพิมพ์ gmail hotmail yahoo ฯลฯ และพิมพ์ล็อกอินเข้าไปอ่านเมล์เราได้ Outlook เนี่ย คุณต้องตั้งก่อนว่าเครื่องนี้จะใช้อ่านและรับเมล์อะไรบ้าง

    ผมหันไปค้อนน้องหมวยหนึ่งวง ก่อนถาม ไอส่งจากเมล์ของไอไม่ได้เหรอ?

    บ่ได้ค่า ต้องส่งจากเมล์น้อง

    กุมขมับพลางถอนหายใจ ... คนที่ออฟฟิศจะเปิดอ่านไหมวะ? อยู่ดีๆ มีเมล์ชื่อแปลกๆ เข้ามาในเครื่อง

    เอาก็เอาวะ...

    ผมเลยเริ่มพิมพ์ชื่อผู้รับและคนที่จะ cc ก็ประมาณทั้งออฟฟิศน่ะครับ น้องเขาก็รีบโวยวาย

    พี่ขา เมล์ที่ส่งนี่ให้ส่งได้ครั้งละไม่เกิน 50k นะคร้าาา ถ้าพี่ส่งให้หลายคนมันจะดับเบิ้ลไซส์ไปเรื่อยๆ พี่จะหมดตัวเอานะคระ

    ผมกุมขมับอีกข้าง ก่อนถาม แปลว่าผมแนบไฟล์ไม่ได้สินะ

    ของพี่ใหญ่มั้ยคะ (น้องเขาหมายถึงไฟล์ครับ) ถ้าไม่เกิน 15k พิมพ์สั้นๆ ส่งแค่คนเดียวก็ได้คร่าา

    ผมเริ่มอยากเป็นทศกัณฑ์... จะได้มีขมับไว้กุมเล่นสักสิบอัน ตอนนี้ผมต้องคิดกลยุทธ์ใหม่ เขียนยังไงให้ครอบคลุมสิ่งที่เราจะแนบโดยไม่ต้องส่งสิ่งที่เราจะแนบ และจะส่งหาใครที่พร้อมจะเปิดเมล์แปลกหน้า คือถ้ามีคนอ่านจริงสักคนมันก็ส่งต่อให้ได้แหละ

    เราก็ส่งหลายๆ เมล์สิ ... ว่าแต่เมล์ละเท่าไหร่ครับน้อง

    แค่ 3usd เท่านั้นค่ะ

    ผมแทบอ้วกพุ่ง... นี่คงเป็นอีเมล์ที่แพงที่สุดในชีวิต ตัดใจตอบตกลง นั่งคิดวิธีเขียนสักครู่ก็เริ่มพิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษลงไป

    ตอนนี้ต้องอวดตัวเองเล็กน้อย ถ้าผมจะมีความเก่งอยู่บ้างก็เรื่องพิมพ์ไวนี่แหละ ผมหัดเองก็เลยไม่เคยไปสอบวัดว่าเราพิมพ์ได้นาทีละกี่คำ รู้แต่ไวมาก

    นิ้วผมรัวใส่แป้นคีย์บอร์ดอย่่างเมามัน ย่อหน้าหนึ่งและสองผ่านไปราวกับกามนิตหนุ่ม ย่อหน้าสามกำลังก่อตัว....

    พี่คะ น้องหมวยมาสะกิดไหล่....

    ช่วยพิมพ์ช้าๆ ด้วยค่ะ อ่านไม่ทัน

    กรูจะบ้าตาย... แอบคิดว่า ถ้าน้องอยากหัดภาษาอังกฤษเลิกงานแล้วไปห้องพี่ก็ได้นะ (555) แต่อีกใจคิดว่า นี่ดึกแล้ว ซีรีส์ก็ไม่มีดู กรูหาที่ส่งเมล์มาทั้งวัน กรูเหนื่อย กรูจะนอน

    ผมตอบน้องหมวยด้วยการรัวนิ้วใส่แป้นราว Hiromi Uehara บนเปียโน แล้วบอกว่า เนี่ยครับเสร็จแล้ว เด๋วน้องตามอ่านตอนที่ผมส่งแล้วก็ได้นะ

    นิ้วผมกดปุ่ม Ctrl+enter เพื่อแย่งบทบาทการส่งอีเมล์โดยไม่รอให้น้องหมวยสัมผัสเมาส์เพื่อคลิกปุ่ม Send แล้วรีบควักเงินจ่ายสามเหรียญและรีบกลับห้องทันที
    ป.ล. เมื่อกลับไทย ได้ข่าวว่าไม่มีใครเปิดเมล์ผมอ่านเลย T^T

    ตีพิมพ์ครั้งแรก STL 30 ตค 16 ดัดแปลงแก้ไขสำหรับ minimore 16 ธค 16
    #travel

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in