เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตัวฉันในวันพรุ่งนี้ (Yesterday-Today-Tomorrow)พรี่หนอม
012 : สุขได้ เมื่อใจปล่อยวาง?
  • เวลาที่คุณมีความสุขกับการทำเรื่องเปล่าประโยชน์
    มันไม่ได้แปลว่าคุณใช้เวลาอย่างสูญเปล่าหรอก

    เบอร์ทรันต์ รัสเซลล์ นักปรัชญาชาวอังกฤษ

    ---


    สวัสดีครับ ...

    ผมชื่อ “เก่า” ครับ ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง จะว่าไปแล้วชีวิตผมก็ไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป มันเป็นอะไรที่สุดแสนจะธรรมดาเหมือนยาสามัญประจำบ้านนั่นล่ะครับ


    ช่วงชีวิตที่ผ่านมาก่อนหน้านี้... ผมพยายามที่จะแหวกกรอบความคิด ใช้ชีวิตตามความฝัน มีความคิดล่องลอยด้วย Passion และจบมันด้วยความสุขความสำเร็จอย่างที่ใจปรารถนา เพื่อให้ทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่รัก


    ผมคิดว่าชีวิตแบบนั้นมันคงจะดีกว่าที่เป็นอยู่
    แต่แล้วผมก็ได้รู้ความจริงว่ามันไม่มีเชี่ยยยยยอะไรเลยเหมือนกันนั่นแหละ


    ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ เพราะผมเชื่อว่าชีวิตเรานั้นมันเป็นของเราตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ ไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไรกับมัน ถ้าคุณไม่อยากมีชีวิตซ้ำซาก อยากมีอิสรภาพการเงิน อยากเที่ยวรอบโลก เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานประจำ เป็นนักร้องหมอลำพ่วงลิเก อยากเสเพลฮาเฮลันล้า นั่นแหละครับ คุณเลือกแบบไหน คุณพอใจแบบนั้น คุณจงใช้มันไปอย่างที่คุณต้องการ


    บางทีแล้วชีวิตมันไม่ได้ต้องการให้เราค้นพบความสำเร็จอะไรมากหรอกครับ แต่รู้ตัวว่าวันนี้เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำและมันไม่ลำบากใคร ผมว่าการคิดง่ายๆแบบนี้ก็คงจะพอแล้ว


    แต่ก่อนที่คุณจะพอใจในชีวิตคุณ
    คุณลองถามตัวเองก่อนว่า
    คุณได้เลือกมันด้วยตัวเองแล้วหรือยัง!!


    ---


    เสียงปรบมือดังลั่น หลายคนลุกขึ้นยืนเพื่อปรบมือให้กับผม ผมยื่นไมค์ส่งคืนให้เจ้าหน้าที่ เดินลงจากเวทีที่มีพรมแดงปูลาดไปตามทางเดินด้วยท่าทีที่สุดจะสง่างาม


    ผมมองไปยังที่นั่งแถวหน้าสุด
    มองเห็นพี่กานต์กำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่


    ---


    - 5 ปีก่อนหน้านี้ -

    “ผมอยากกลับมาทำงานที่นี่ครับ”
    ผมพูดเสียงดัง พร้อมกับยกมือไหว้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า


    ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม คือ คุณชัชวาลล์ (ใช่ครับ... ตัวจริงต้องมี ล ลิงการันต์) ประธานบริษัทที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราจะได้เจออยู่ 2 วัน นั่นคือ วันแรก คือ วันอบรมต้อนรับพนักงานใหม่ กับวันสุดท้าย คือ วันที่ตัดสินใจลาออกนี่แหละครับ แต่ผมคงโชคดีกว่าคนอื่นหน่อยที่ได้เจอคุณชัชวาลล์เป็นครั้งที่ 3 ด้วยความอนุเคราะห์ของพี่กานต์ หัวหน้าเก่าของผม


    คุณชัชวาลล์ ส่งยิ้ม ทำเสียงทุ้มนุ่มลึก
    ถามผมกลับมาว่า “แล้วทำไมเราต้องรับคุณกลับมาด้วยล่ะ?”


    ---


    นั่นสิครับ!!! คุณคงสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมอยู่ๆ ผมถึงตัดสินใจกลับมาทำงานที่เดิม ที่ๆเคยประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับมาเป็นอันขาด แล้วชีวิตอันอิสระของผมหายไปไหน ทำไมผมถึงกลายมาเป็นเก่าคนเดิมที่เพิ่มเติมคือความซมซานมาของานคนอื่น มาครับ... ผมจะเล่าเหตุผลทั้งหมดให้คุณฟัง


    หลังจากที่ผมไป “ค้นหาตัวเอง” ด้วยการอาศัยบ้านเก่าของพ่อ และพบกับความชิบหายของชีวิตที่กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์มาอย่างโหดร้าย ผมขอทวนให้คุณฟังอีกครั้งนะครับว่าผมเจออะไรมาบ้าง


    ออกจากงานโดยไม่คิดทำให้ชีวิตมีปัญหา – เจอรักใหม่ที่คิดว่าจะดีแต่สุดท้ายก็หนีเราไป – เพื่อนรักกับแฟนเลิฟก็พร้อมใจกันหักเหลี่ยมโหด


    เท่านั้นยังไม่พอ!! เพราะสิ่งที่ผมเจ็บช้ำที่สุด... มันคือการที่ผมได้อ่าน “สมุดบันทึกเล่มนั้น” เล่มสีดำสวยงามที่สอนให้ผมเชื่อ ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาเป็นคนใหม่ เข้าใจตัวเองและชีวิต แต่สุดท้ายสมุดเล่มนั้นมันกลับตบผมเสียจนหน้าคว่ำ เมื่อผมรู้ว่ามันไม่ได้เขียนโดยพ่อของผม แต่มันคือสมุดบันทึก “เล่มเก่า” ของคุณลุงซึมเศร้าตกงานที่มีชีวิตอยู่ด้วยความฝันลมๆแล้งๆ


    หลังจากที่ความจริงทุกอย่างเปิดเผย
    ผมเดินทางกลับมาอยู่บ้านด้วยความเจ็บช้ำ

    คืนนั้น... ผมกอดแม่ร้องไห้โฮ
    ราวกับว่าชีวิตของผม มันไม่มีความหมายอีกต่อไป


    ---


    แต่วันนี้... ผมทำงานเป็นผู้ช่วยผู้บริหาร - พี่กานต์นั่นแหละครับ – ครับ พี่คนที่แม่ตายตั้งแต่ตอนแรก ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับว่า วันนี้แกกลายเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งของผมไปแล้ว


    พี่กานต์สอนผมเรื่องการทำงาน เรื่องแนวคิด เรื่องชีวิตมากมาย จนผมรู้สึกผิดเล็กๆ ว่า ภาพที่ผมตัดสินแกในวันนั้นว่าเป็นคนไม่รักแม่ มันเป็นเพียงความจริงที่ผมมองเห็นแกแค่ด้านเดียว


    พี่กานต์เป็นคนดีครับ แกรักงานที่แกทำมากๆ และแกก็ดูแลแม่ของแกได้ดีเสียด้วย แต่ผมไม่เคยรู้ เพราะตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานนัก แถมโปรเจคส์ใหญ่ที่แกทำตอนนั้นมันคือโปรเจคส์ที่ทำเพื่อความอยู่รอดของบริษัทอีกด้วย!!!


    หลังจากการตายของแม่
    แกยังคงใช้ชีวิตกับสิ่งที่แกอยากทำ และทำมันได้ดีกว่าเดิม!


    ---


    ภาพตัดกลับมาที่ห้องกระจกเย็นยะเยือก
    “ผมคิดว่างานนี้คืองานที่ผมรักครับ”

    ผมตอบกลับคุณชัชวาลล์ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น


    หลังจากผมพูดจบ คุณชัชวาลล์ เลิกคิ้ว ยิ้มบางๆคล้ายกับแสดงความรู้สึกประหลาดใจ แล้วยิงถามผมต่อไปว่า “เฮ้ย แต่คุณก็ลาออกเพราะอยากจะไปทำงานที่คุณรักไม่ใช่เหรอ แบบนี้มันไม่โลเลเกินไปหน่อยหรือไง ฮ่าๆๆๆ” (สัส คุณชัชวาลล์ยังคงกวนตีนผมเหมือนเดิม)


    ผมตอบแกด้วยประโยคยาวเหยียดกลับไปว่า “ระหว่างที่ผมลาออกไป ผมได้ไปใช้เวลากับตัวเองแล้วครับ ผมพบว่าสิ่งที่ผมถนัดและทำได้ดี คือ การสังเกต ค้นหา และวิเคราะห์ ซึ่งมันเป็นคุณสมบัติที่ดีของงานด้านบัญชี ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่ผมเรียนมาและมีประสบการณ์โดยตรง”


    “แต่คุณก็รู้นี่ งานแบบนี้มันหนัก ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้หรอก”

    “ผมเคยเจอชีวิตที่หนักกว่านี้มาแล้ว ผมมั่นใจว่าผมอยู่ได้ และจะไม่ลาออกง่ายๆอีก”


    “โอเค มุ่งมั่นดีมากหนุ่มน้อย ฮ่าๆ เอ้าคำถามสุดท้าย มีอะไรอยากจะถามหรือบอกเราไหม?”

    “ผมได้เรียนรู้เรื่องสำคัญที่สุดระหว่างที่ลาออกไป ผมเพิ่งรู้ครับว่า ไอ้ที่ใครสอนกันว่า เราต้องมีชีวิตที่ดี ทำสิ่งที่รัก หรือเดินทางสู่ความสำเร็จ ทั้งหมดนั้นมันต้องเกิดจากการลงมือทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่เชื่อหรือฟังใครกันมา”


    “และผมผมได้เรียนรู้อีกครับว่า คนที่เก่งบางคนอาจจะสอนเราได้ดี แต่บางทีวิธีคิดของเขาอาจไม่เหมาะกับวิถีชีวิตเรา เราควรนำมาปรับใช้ตามความเหมาะสม เช่นเดียวกันครับ ในขณะที่คนบางคนอาจจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย แต่สิ่งที่เขาสอนหรือบอกเราอาจจะมีประโยชน์ต่อความสำเร็จของเราอย่างที่เราไม่คาดคิด”


    “สุดท้าย... ผมเชื่อว่าถ้าคุณชัชวาลล์รับผมกลับมาทำงานที่นี่
    คุณชัชวาลจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ”


    ผมสังเกตเห็นรอยยิ้มในแววตาคุณชัชวาลล์
    มันเป็นแววตาของคนที่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ดีกว่าผม


    ---


    “มาให้ได้นะมึง กูอยากให้มึงมาจริงๆ”
    "มาเถอะเก่า เราอยากให้เก่าเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้"


    ผมหยิบการ์ดแต่งงานสีชมพูขลิบขาวขึ้นมาดู ในนั้นมันมีชื่อของคนที่ผม “เคยรัก” ทั้งคู่ พวกเขาส่งการ์ดแต่งงานมาให้ผม แต่ผมกำลังสับสนว่าควรไปหรือไม่ไปดี เพราะทั้งคู่เลือกจัดงานที่ต่างจังหวัด ไอ้ฟิวส์ลงทุนเปิดรีสอร์ทแห่งใหม่ร่วมกันกับแฟร์เพื่อใช้เป็นที่จัดงาน และเรือนหอของพวกเขา


    “พี่เก่า พี่แม่มเจ๋งว่ะ รู้จักไฮโซ ฟิวส์ – แฟร์ ด้วย”
    น้องเอก ทีมงานคนหนึ่งเอ่ยปากทัก


    เรื่องที่ผ่านมาของเราสามคน ให้บอกตรงๆตอนนี้ผมก็ยังรับมันไม่ได้หรอกครับ แต่สุดท้ายแล้วมันผ่านไปได้ด้วยดี และนี่เป็นคงอีกรูปแบบหนึ่งของการบิดเบือนความทรงจำที่พ่อ เอ้ย คุณลุงคนนั้นเขียนบอกไว้ในสมุด


    “ไปเถอะเก่า พี่อนุญาตให้ลาได้ พี่ว่าเก่าไปพักซะบ้างนะ เดี๋ยวเดือนหน้าต้องมีงานขึ้นพูดอีกเยอะใช่ไหมล่ะ” พี่กานต์เดินมาตบไหล่เบาๆ ผมพยักหน้ายิ้มรับ ช่วงนี้พนักงานหมดแรงบันดาลใจในการทำงาน คุณชัชวาลล์ชอบเรียกใช้ผมไปช่วยกระตุ้นพวกเขาในฐานะ “ผู้มีประสบการณ์” อยู่บ่อยๆ


    “เอ้อ.. แต่เก่าไปงานแต่งเพื่อนเสร็จแล้ว
    อย่าลืมแวะไปคุยกับคุณอดัมด้วยนะ พี่จะได้ไม่ต้องลงไปเอง ฮ่าๆ”

    ---


    ผมนั่งมองรูปถ่ายในมือของผม
    “เด็กผู้หญิงสวยๆ คนนั้นเค้าฝากของไว้ให้เก่าน่ะลูก”


    มันเป็นรูปของครอบครัวผม - ถ่ายรวมกันกับจูน - ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นวันที่พ่อแม่ผมพาเธอไปเที่ยวทะเลด้วยกันตอนเด็กๆ เธอเก็บภาพนี้ไว้จนสีซีดจาง แต่ดูเหมือนว่าความทรงจำยังไม่เลือนรางจากรูปนั้น


    ด้านหลังของรูปมีข้อความสั้นๆเขียนไว้ว่า
    “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เก่ายังมีคนที่รักเก่าอยู่นะ”


    ความเข้มแข็งทั้งหมดของผมพังทลายลงทันที
    หลังจากที่อ่านประโยคนั้นจบ


    ---

    “อ้า สวัสดีครับ น้องบอมใช่ไหมครับ”
    “ใช่ครับผม จากไหนครับ”


    "นี่พี่ เอ่อ พี่เก่านะครับ คนที่เจอกันเมื่อวันก่อน ที่บ้านเช่าน่ะ”
    “อ้อครับพี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมลืมอะไรไว้หรือเปล่า”

    “อ่า เปล่าครับ พอดีพี่มีเรื่องรบกวนหน่อย พี่อยากขอยืมสมุดบันทึกเล่มนั้นน่ะ”
    “อ้อ บันทึกของเก่าที่พ่อผมเขียนน่ะเหรอครับ ได้ครับ”


    หลังจากที่ผมตั้งสติได้ ผมตัดสินใจไปขอยืมสมุดบันทึกเล่มนั้นมาอ่านอีกครั้ง น้องบอมดูงงๆ ว่าผมมีความผูกพันอะไรกับสมุดเล่มนั้น แต่เมื่อผมอธิบายเหตุผลให้ฟัง เขาก็ยินดี


    “เมื่อก่อนแกไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก แกคุยเก่ง ร่าเริงกว่านี้เยอะ” แม่ของน้องบอมเล่าให้ฟัง
    “ครับ พอดีผมอ่านที่แกเขียน แกเขียนดีนะครับ ผมชอบ”


    ผมถือโอกาสไปเยี่ยมคุณพ่อน้องบอมไปในตัว ผมบอกแกว่าผมชื่นชมในสิ่งที่แกเขียน แต่แกไม่พูดจากับผมสักเท่าไร อาจเป็นเพราะอาการของโรคกระมัง แต่ลึกๆผมว่าแกดีใจที่มีคนเข้าใจในสิ่งที่แกเขียน


    เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า สิ่งที่ใครสักคนพูดนั้นมันจะมีความหมายก็ต่อเมื่อเขาเป็นใคร แต่วันนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เราควรสนใจมากกว่าคือ “ความหมายของคำพูดนั้น” มันมีประโยชน์ต่อเราแค่ไหน ถ้ามันมีประโยชน์แล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นใครพูด เราก็ควรที่จะรับฟังมันไว้


    หลังจากกลับมาถึงบ้าน ผมแยกหนังสือ HOW-TO ต่างๆลงกล่อง คัดแยกไว้แค่หนังสือเล่มที่ผมใช้ ส่วนที่เหลือผมตั้งใจเอาไปบริจาค เพราะมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อใครสักคนที่ได้อ่านมัน จริงไหมครับ?


    ---


    เสียงเพลงดังลั่น เสียงเฮฮาดังสนั่นออกมาเป็นระยะๆ  ทุกครั้งที่ผมไปงานแต่งงาน ผมมักจะมีความรู้สึกว่ามันเป็นงานที่อบอวลไปด้วยความสุขของเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ในนั้นเสมอ


    ผมเดินเข้ามาในงานคนเดียว มีเพื่อนเก่ามากมายหลายคนเข้ามาทักทาย บางคนส่งยิ้มให้ บางคนประหลาดใจว่าผมกล้ามาได้ยังไง บางคนซุบซิบนินทาราวกับว่าผมเป็นตัวประหลาด ผมได้แต่ยิ้มตอบพวกเขากลับไป

    วันนี้... ผมได้เรียนรู้แล้วว่า
    เราควรเลือกสนใจเฉพาะคนที่มีความสำคัญกับชีวิตเรา


    “ยินดีกับมึงจริงๆว่ะ” ผมเดินเข้าไปตบบ่าไอ้ฟิวส์ จับมือแสดงความยินดี หลังจากที่ทั้งคู่เดินลงจากเวทีมาเตรียมตัวสำหรับ After Party ในค่ำคืนสุดพิเศษคืนนี้

    “กูไม่รู้จะพูดยังไงกับมึง จะขอบคุณ จะขอโทษ หรือยังไงดี”
    “พอเหอะสัส กูว่ามันนานมาแล้ว เห็นมึงมีความสุข กูก็ยินดี”

    “มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูเลยนะเก่า กูพูดจริงๆ”
    “เออ ยินดีด้วย ดูแลกันให้ดีละกัน ขอให้มีความสุข”


    แฟร์เดินมาหาฟิวส์ ผมส่งยิ้มให้เธอ เธอพยักหน้าขอบคุณ

    “ยินดีด้วยนะแฟร์”
    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะเก่า”


    ความรู้สึกของผมในตอนนี้ มันเป็นอะไรที่อธิบายยากเหมือนกัน ในใจหนึ่งผมรู้สึกยินดีกับความสุขของพวกเขาอย่างจริงใจ แต่อีกใจหนึ่งผมกลับรู้สึกเหงาๆ และคิดถึงใครบางคนที่ผมคงไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้ว


    ความเหงาทำให้ผมตัดสินใจเดินออกจากงานมาเงียบๆ...


    ---


    “Hello Mr.Adam”
    “Hi, Kao”

    “How are you today?”
    “พูดไทยก็ได้มั้งเก่า ยูจะมาเล่นมุขอะไรเนี่ย”


    มิสเตอร์อดัม, เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ในไทยมานานกว่า 20 ปี เขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัทตรวจสอบบัญชีของคุณชัชวาลล์ วันนี้เขาให้เลขาคนใหม่โทรมานัดเจอผมที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมทะเล เพื่อเลี้ยงขอบคุณผมซึ่งเป็นหัวหน้าทีมตรวจสอบ


    “ขอบคุณยูมากนะเก่า ที่ช่วยให้บริษัทไอเรียบร้อยขนาดนี้”
    “ครับ แล้วเลขาคนใหม่เป็นยังไงบ้างครับ โอเคหรือยัง?”


    ไม่อยากจะคุยว่าลาภปากของผมในวันนี้มีที่มา เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมตรวจสอบข้อมูลการเงินจนพบการทุจริตของเลขา (คนเก่า) คุณอดัม เธอสร้างความเสียหายให้กับบริษัทหลายสิบล้านบาท และงานนี้นอกจากจะให้ลาภปากแล้ว ยังให้ผมได้ตำแหน่งใหม่เป็นผู้ช่วยผู้บริหารอาวุโสอีกด้วย (จริงๆผมยังเป็นขี้ข้าพี่กานต์เหมือนเดิมแหละครับ แต่ได้เงินเดือนเพิ่มแค่นั้น)


    "โอ้ววว เธอดีมากๆ Very Nice”
    “ว่าแต่เธอสวยไหมครับ ฮ่าๆๆๆ”

    “เธอกำลังมาทานด้วยกันกับเรา ดีเลย คุณเก่ายูยังโสดนี่ เดี๋ยวผมแนะนำให้”
    “อ่า อย่าเลยดีกว่าครับ ฮ่าๆ”


    ผมนั่งฟังคุณอดัมพร่ำเพร้อถึงคุณสมบัติของเลขาคนใหม่เสียยกใหญ่ สวยอย่างนั้น นิสัยดีอย่างนี้ ผมชักเป็นห่วงแทนเมียของแกแล้วสิครับเนี่ย ฮ่าๆ


    “นั่นไงเธอมาพอดีเลย เฮ้ คุณจูน!!! ทางนี้”
    “คุณเก่า นี่คุณจูน เลขาคนใหม่ของผม”


    “สวัสดีค่ะ คุณเก่า”
    “สวัสดีครับ คุณจูน”


    ผมส่งยิ้มให้กับเธอ
    เธอส่งยิ้มให้กับผม


    ไม่ต้องดีใจหรอกครับ
    เธอไม่ใช่จูนคนนั้น

    ---


    “แม่ เก่ากำลังจะขึ้นเครื่องกลับบ้านแล้วนะ”
    “รีบกลับมาเลยๆ แล้วเหนื่อยไหมลูก”


    “โอเคครับแม่ ไม่เหนื่อยเลย สนุกดีครับ”
    “ดีแล้ว เห็นแกมีความสุขแม่ก็ดีใจ”


    ทุกวันนี้ไม่ว่าผมจะหาเงินได้มากขึ้นเท่าไรและเลี้ยงดูแม่ได้ดีแค่ไหนก็ตาม แม่ยังคงเลือกที่จะทำงาน “ซักผ้า” เหมือนเดิม แม่บอกผมสั้นๆว่า “งานนี้ดีนะ ได้ออกกำลังกายด้วย”  นั่นแหละครับ... อย่างที่ผมเคยบอกไว้แหละว่า #แม่ก็คือแม่ แต่ค่ากายภาพบำบัดนั้นผมเป็นคนจ่าย #จบ


    ---

    อ้อ.. ผมลืมเล่าไปใช่ไหมครับว่า หลังจากที่ผมกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ผมเริ่มมองหาหนทางเสริมเพิ่มเติมจากงานประจำที่ทำอยู่ คำที่กูรูบอกว่า “คนเราควรจะมีรายได้หลายทาง” มันฝังในใจของผมเสมอ นั่นแหละครับ ชีวิตคนเราต้องเผื่อไว้ เพราะไม่รู้ว่าความมั่นคงจะอยู่กับเราไปถึงเมื่อไร


    หนทางที่ง่ายที่สุดที่ผมนึกออก คือ การสร้างรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เหมือนที่แม่ทำ ผมนึกเสียใจเหมือนกัน ทั้งๆที่ผมเห็นบ้านพ่อคอยช่วยสร้างรายได้ให้แม่มาตลอด แต่ผมกับไม่เคยนึกถึงมัน นั่นแหละครับ ผมเริ่มศึกษามันจากแม่ และวันนี้ผมมีพอรท์อสังหาริมทรัพย์เล็กๆ ของตัวเองแล้วครับ ผมคิดว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตผมเลยล่ะ


    โชคดีอีกอย่างที่ผมได้รับจากงานประจำ นั่นคือการที่ผมได้รู้จักกับคุณอดัม ผู้มีพระคุณกับผมในเรื่องความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์อีกมากมาย ทำให้ชีวิตของผมสบายขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยครับ


    “เก่า ยูควรหาผู้หญิงดีๆสักคนได้แล้วนะ”
    คุณอดัมกำชับเสียงดัง ก่อนที่ผมจะลากกระเป๋าลงจากรถคันหรู


    “ชีวิตผมคงไม่มีวาสนาแล้วล่ะครับ”
    “โอ้ววว ยูไม่ควรคิดลบนะเก่า


    ---


    สวัสดีครับท่านผู้โดยสาร สายการบินของเรายินดีต้อนรับท่านสู่บริการในวันนี้ อีกสักครู่เชิญชมภาพยนตร์สาธิตเกี่ยวกับความปลอดภัยบนเครื่องบินครับ กัปตันและลูกเรือทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงได้รับความสะดวกสบายตลอดเที่ยวบินนี้ครับ ขอบคุณครับ


    ผมกำลังอยู่บนเครื่องบินที่จะบินกลับสู่เมืองหลวง สมองของผมรู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากหลับซักงีบ ฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มมาจากร้านอาหารยังคงอยู่ หัวของผมกำลังหมุนติ้วๆ และวิดีโอสาธิตที่ว่านี้คือเครื่องกล่อมชั้นดีที่จะพาผมเข้าสู่ชั้นนิทรา


    หลังจากที่เครื่องบินขึ้นสู่ระดับเป็นที่เรียบร้อย ผมหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ คาดผ้าปิดตาไว้ เฮ้ออออ วันนี้ขอนอนสักงีบเถอะ เพลียเหลือเกินจากการตระเวนดูที่ดินกับมิสเตอร์อดัมทั้งวัน ไหนพี่กานต์บอกว่าให้กูมาพักผ่อนไงวะ แล้วนี่มันคืออะไร?


    ---


    “ผู้โดยสารคะ ระวังแขน ระวังข้อศอกด้วยค่ะ” เสียงแอร์โฮสเตสสาวปลุกผมให้ตื่นขึ้นเพื่อทานอาหารว่าง ด้วยความง่วงเหงาของผม หรือแอร์สาวเร่งรีบก็ไม่อาจจะทราบได้ เธอยัดกล่องอาหารใส่มือผมโดยไม่ทันให้ตั้งตัว โว๊ะ! ผมตกใจคว้ากล่องไว้แทบไม่ทัน อะไรวะ! ที่ไหนสอนให้เสิรฟ์อาหารแบบนี้เนี่ย


    ผมเปิดตาขึ้นมาดูหน้าเธอ กะว่าจะต่อว่าเสียหน่อย แต่ไม่รู้เธอเดินหายไปไหน เอาน่ะ! คนทำงานบริการเหมือนกันต้องเข้าใจกัน ผมข่มจิตข่มใจเปิดกล่องอาหารขึ้นมาดู


    ในนั้นไม่มีอาหาร แต่มีกระดาษแผ่นเล็กๆหนึ่งแผ่น เขียนด้วยลายมือคุ้นตาว่า
    “ยังชอบรำแก้ผ้าตอนเมาอยู่หรือเปล่า?”


    ผมยิ้มให้กับลายมือในกระดาษแผ่นนั้น
    มันเป็นการยิ้มที่ผมไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานมากแล้ว

    (จบ)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Natthanon Yensuk (@fb4001416489946)
มันดีมาก ๆ เลยอะ
Rinrada Jaiboon (@fb2896875040565)
เอ้าาาาาา
cyan_ (@fb3036895906339)
สนุกมากๆ
Sarinda Piriyanotorn (@fb2957031941868)
อยากอ่านต่อ ชอบ
Pum Suwimon (@pum_1)
คือน่าติดตามจนวางมือถือไม่ลง 555??????
Pum Suwimon (@pum_1)
อ่านจบรวดเดียว12ตอนเลยค่ะพรี่หนอม
(@fb4468494356699)
ฟินนนน
Banjong Vibulkul (@fb5150478020278)
จบแบบคาใจ มีต่อภาค2มั้ยครับ