เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อยู่กะยิวPunk Phap
NAZARETH
  • “พรุ่งนี้ นั่งรถเมล์ไปเจอกันที่ Nazareth ซิ จะได้คุยกัน” เพื่อนส่งเสียงมาตามสาย (โทรศัพท์)
    ได้เลยเพื่อน

    ออกจากบ้าน 8.20 น.ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถเมล์ บอกคนขับว่าไปสถานีรถขนส่ง Hamifatz C.B.S. (Central Bus Station) จะไป Nazareth 

    คนขับรถเมล์ได้ยินคำว่า Nazareth กดตั๋วให้ราคารวมไปถึง Nazareth เลย

    ฝนตกหนักแต่เช้า กลัวไม่ได้ไปมากๆ ไปถึงท่ารถ ดูตารางเวลา รถเที่ยวต่อไปออก 9.55 น. อีกเกือบชั่วโมง ฝนตกหนักลงมาอีก

    ระหว่างคอย โทรศัพท์รายงานความคืบหน้าให้เพื่อนฟัง เพื่อนซึ่งไม่ค่อยได้ใช้บริการรถสาธารณะ ตั้งข้อสังเกตว่ารถเมล์ที่นั่งมาจากบ้านกับรถที่จะไป Nazareth คนละบริษัทใช้ตั๋วร่วมกันได้เหรอ (ต้องอธิบายกันนิดนึง รถเมล์จากที่พักลักษณะคล้าย ขสมก. แต่รถที่จะไป Nazareth เป็นรถวิ่งระหว่างเมือง คล้ายๆ  บขส. อย่างนั้นแหละ)

    ใครเป็นเจ้าบ้านกันแน่...เนี่ยะ...

    อาการปริวิตกถามหาทันที ต้องวิ่งไปถามเจ้าหน้าที่ที่เดินอยู่แถวๆ นั้น ได้ความว่า ตั๋วใช้ร่วมกันได้

    ค่อยคลายกังวลขึ้นมาหน่อย จากนั้นไปนั่งคอยอยู่ที่ชานชาลา พอรถมาจอดเทียบตามเวลาที่กำหนด ไม่มีผู้โดยสารเลยแม้แต่คนเดียว คนขับอยู่ไหนไม่อยู่บนรถ เอาละซิ ของขึ้นอีกแล้ว เจ้าหน้าที่คนเดิม เห็นเหลียวหน้าเหลียวหลังล่อกแล่ก โบกมือให้ขึ้นรถได้ ปรากฏว่า มีผู้โดยสารคนเดียว ออกช้าไป 10 กว่านาทีเพราะคนขับมัวไปกดกาแฟกิน ด้วยเห็นว่าไม่มีผู้โดยสาร

    รถโดยสารวิ่งระหว่างเมือง ที่บ้านเราเรียกรถเมล์แดงคือผู้โดยสารสามารถขึ้นลงได้ระหว่างทาง มีการแวะเวียนไปส่งตามหมู่บ้านหรือชุมชนด้วย ซึ่งพอมาถึง Nazareth เหลือผู้โดยสารเพียง 4 คน

    จาก Haifa ไป Nazareth ระยะทางประมาณ 30 กม. ใช้เวลา 40 กว่านาที

    พอเข้าเขตเมือง Nazareth ผู้โดยสาร 4 คน พร้อมใจกันถามคนขับว่าจะไปที่โบสถ์พระแม่รับสาร (Church of Annunciation) อย่างไร คนขับบอก เดี๋ยวจะชี้ให้ดู แค่ 15 เมตรเองจากป้ายรถเมล์ แต่มองอย่างไรก็ไม่เห็น Church of Annunciation คนขับชี้ให้ดู อยู่ตรงหน้านี้เอง โง่อีกแล้วตู

    ขณะกำลังเดินหาทางเข้าโบสถ์ เพื่อนโทรมาบอกว่า อยู่ข้างหลัง กำลังตามมา คนขับรถมารับช้าและมาเจอรถติดอีก คอยไปก่อนนะ

    ออกจากบ้านแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แวะหาของกินก่อนดีกว่า อาหารมื้อสายนั้นเป็นขนมปังดุ้นยาวใส่เนื้อ ย่าง แตงดอง radishดอง ซอสมะม่วง ฯลฯ กับ coke 1 กระป๋อง อิ่มแทบกระอัก แต่อร่อยดี จากนั้นเดินเข้าโบสถ์ ซึ่งกำลังประกอบพิธีมิสซาอยู่ บรรยากาศเงียบ จนถึงเงียบ ทุกคนอยู่ในอาการสงบและสำรวม

    โบสถ์แห่งนี้เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่เทพ Gabriel ลงมาบอก Mary ว่า Jesus จะมากำเนิดในครรภ์ ภาษาอังกฤษเขียนว่า The Announcement brought to Mary by the angel Gabriel to Mary that she was to become the mother of the Messiah. 

    ตัวโบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นมาใหม่ครอบทับซากดั้งเดิมซึ่งเหลือให้เห็นอยู่เพียงเล็กน้อยเนื่องจากผ่านมายุคหลายสมัยนับแต่ยุคเริ่มแรกของยิว-คริสต์เตียน (early jewish-christian) ไบเซนไทน์ (Byzantine) Crusader หรือแม้กระทั่งมอสเล็ม (Moslems)

    ข้างบน มีกระจกสี (stained glass) ผนังโดยรอบประดับประดาด้วยรูปพระแม่และบุตรในอิริยาบถ เครื่องแต่งกายประจำชาติ วัสดุต่างๆ ล้วนเป็นเงินบริจาคจากประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ระเบียงด้านนอก 

    เพื่อนมาถึงแล้ว คุยกันได้นิดหน่อย ลากกันไปดูว่า attraction points ที่นักท่องเที่ยวสมควรจะชม จากนั้นแยกตัวไปทำงานต่อ
     
    ช่วงเช้า นักท่องเที่ยวจะเป็นนักท่องเที่ยวตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ รอบบ่ายเป็นคิวของนักท่องเที่ยวเอเชีย บรรยากาศจะแตกต่างกันมาก 

    นักท่องเที่ยวตะวันตกจะเดินดูทุกอย่างด้วยอาการสงบ สนอกสนใจ เลื่อมใส เปี่ยมไปด้วยศรัทธา
    ส่วนนักท่องเที่ยวตะวันออกครึกครื้นกันตั้งแต่ทางเดินที่ทอดยาวเข้าสู่โบสถ์ มีการต่อรองซื้อของที่ระลึกกันนานมาก แต่อยู่ในโบสถ์เดี๋ยวเดียว

    ไหนๆ ออกจากโบสถ์มาแล้ว และยังเป็นเวลาของนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่ม เดินดูตลาดไปก่อนแล้วกัน พอผู้คนซาค่อยกลับเข้าไปใหม่

    ตลาดอยู่ในตรอกข้างโบสถ์ ขายของสด ของแห้ง ของใช้ในครัว ที่นอนหมอนมุ้ง ผ้าพันคอ เพชรทอง ของเด็กเล่น ร้านตัดผม ร้านรองเท้า ฯลฯ เป็นห้องแถวติดกันเป็นพรึด ภายในตรอกคดไปเคี้ยวมา คล้ายๆ กับที่เมืองเก่าที่ Jerusalem เจอใบองุ่นกองอยู่ ถามว่าเอาไปทำอะไรได้บ้าง คนขายบอกว่าเอาไปห่อไส้ต่างๆ ต้มหรือนึ่งกินอร่อยดี 

    มีโบสถ์เล็กๆ ของมุสลิมซุกตัวอยู่ภายในตลาด ถามชาวบ้านบอกว่าปิด ไม่ให้เข้า ไม่เป็นไร ถ่ายรูปเอียงๆ (เพราะที่แคบ) มาเป็นที่ระลึกก็พอ

    เดินชมตลาดได้พักใหญ่ ย้อนกลับเข้าไปในโบสถ์ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ มีแต่พวกเดินทางมากันเอง เข้าไปภายในโบสถ์ ว่างเปล่า มีคน 2-3 คน เดินลงไปถ่ายรูปถ้ำที่พระแม่มารีอยู่และรับรู้จากทูตสวรรค์ว่าเยซูจะมาเกิด
     
    เวียนกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ไม่มีคนเลย กรุ๊ปรอบบ่ายยังไม่มา เดินพินิจพิเคราะห์จนหนำใจ จากนั้นออกมาเดินโต๋เต๋ ดูของที่ระลึก ทัวร์รอบบ่ายมาแล้ว เป็นพวกเอเชีย 

    บ่ายคล้อยมากแล้ว เดินหาป้ายรถเมล์จะกลับบ้าน

    ฝนตกหนักมาอีก ยืนคอยรถแถวป้ายรถเมล์ที่เป็นที่จอดรถทัวร์ ถามเด็กที่บริการจอดรถทัวร์ บอกว่า รถไป Haifa จอดป้ายนี้ รออยู่นาน กระทั่งผู้ชายใจดีคนหนึ่งมากับเด็กๆ สงสัยเป็นครูบอกว่าต้องเดินย้อนขึ้นไปหลังโบสถ์

    เจอป้ายรถเมล์ ถามคนขับรถ บอกว่า รอป้ายนี้แหละ ประเดี๋ยวรถมา รถออกทุก 55 นาทีหรือ 1 ชม. เหมือนตอนขามาเมื่อเช้า

    ถึงท่ารถ Hamifatz C.B.S. ที่ Haifa วางแผนว่าจะไปเที่ยว Akko เมืองสำคัญในคัมภีร์ไบเบิ้ลอีกเมืองหนึ่ง อยู่เหนือ Haifa ถามหาตารางรถเมล์ ไม่มีภาษาอังกฤษ แต่เดินดูจากป้ายตาราง พอได้ความว่าต้องขึ้นรถสายอะไร ออกเวลาประมาณใด 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in