หลังจากผ่านพิธีวันไหว้ครูของโรงเรียน ผมมีความรู้สึกเหมือนกับตัวเองเพ้อฝันจนตัวลอย แต่แล้ว ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาเพื่อรับสู่ความจริง
ช่วงเย็นของวันหนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังนั่งซ้อมฆ้องวงในห้องนาฏศิลป์ เธอเดินมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ครั้งแรกที่ผมมองหน้าผู้ชายคนนี้ ผมรู้สึกถึงลางร้ายกำลังมาเยือน ผู้ชายคนนั้นนั่งหลังพิงผนังด้านหนึ่งของห้อง โดยที่มีเธอก็นั่งข้างๆ ทั้งเขาทั้งเธอพูดคุยราวกับว่ารู้จักกันมานาน
ช่วงแรกๆ ผมคิดว่าเธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน คุยกัน แต่พอนานวันมันก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล เธอพูดคุยกับผมน้อยลง ราวกับว่าผมเป็นคนอื่น ผิดกับผู้ชายคนนั้นที่สนิทสนมกันถึงขั้นหยอกล้อ ลูบหัว จับมือ ถือแขน นั่งหลังติดกัน นอนหนุนตักกัน ทำให้ผมรู้สึกเกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้มากขึ้น ทำไมเขาจึงมายุ่ง มาเกาะแกะกับเธอ มันน่ารำคาญลูกหูลูกตาเหลือเกิน อยากจะไปผลักทั้งเขาและเธอให้แยกออกจากกัน อยากจะเป็นตัวร้ายที่ไปทำลายความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองลงซะ แต่ผมจะทำเพื่ออะไร ผมหึงเธอเหรอ ผมเองก็ควรรู้อยู่แก่ใจนะ ว่าผมอยู่ในฐานะอะไร ก็เธอกับผมไม่ใช่คู่รักกันสักหน่อย มันไม่ควรเพ้อฝันไปไกลมากมายขนาดนั้น ที่ทำได้ก็แค่พูดภายในใจเท่านั้นเอง
พอขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้ชายคนๆ นั้นเขาเริ่มตีตัวออกห่างจากเธอ แทนที่ผมจะดีใจกับความรักทั้งคู่ที่จบลง ผมรู้สึกได้ว่าเธอมีอาการเศร้า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอไม่แจ่มใสเหมือนอย่างที่เคย ดวงตาที่เปล่งประกายดวงนั้นตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ค่อยกินข้าวเที่ยง และมักจะอ้างต่างๆ นาๆ พวกเพื่อนในกลุ่มพยายามฉุดและดึงมือเธอขึ้นจากความมืดมน เธอก็ยิ้มรับ แต่เมื่อเผลอตัว เธอก็ทำหน้าตาเศร้าอย่างเช่นเคย ราวกับขังตัวเองในท้องทะเลมืดมิดที่กว้างใหญ่ ที่ไม่มีใครหาเจอ
"เกิดอะไรขึ้นกับเหรอ" ผมถามเธอในช่วงบ่ายของวันหนึ่งที่ผมและเธอนั่งอยู่สองคน ส่วนพวกเพื่อนๆ ออกไปซื้อของกินที่ร้านสหกรณ์
"ไม่มีอะไรหรอก" เธอตอบด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย
"......."
"นายว่าไหม การที่ผู้หญิงจะรักใครสักคน เขาทุ่มเทให้คนนั้นหมดทั้งใจ ใช้ใจทั้งใจแลกอะไรก็ยอมให้ได้ แต่ทำไมผู้ชายจะไม่เห็นค่าของความรักนั้นเลย มันเจ็บรู้ไหมที่เขาทำอย่างนี้กับเรา" เธอพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย "มันน่าสมเพศใช่ไหมล่ะ ที่ตัวเองทำเพื่อเขาขนาดนั้น แต่สุดท้ายเราก็เป็นฝ่ายเสียใจ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาหมดใจไปแล้ว แต่ทำไมเรายังไม่หยุดรักเขา ทำไมยังเพ้อถึงเขาไปเรื่อยๆ"
"นา นา...อย่าโทษตัวเองเลย เธอยังมีค่ามากพอ"
"เรายังมีค่าแค่ไหนล่ะ ในเมื่อเขาไม่สนใจแล้ว จะไปมีค่าอะไร"
"การใส่ใจให้ใครบางคนที่มากเกินไปมันก็ไม่มีความหมายหรอก ชีวิตของเธอนะ..ไม่ได้มีแค่คนอย่างเขาเท่านั้นที่ผ่านเข้ามา ยังมีอีกหลายๆ คนที่ยังรอเธออยู่ คนที่รอเธอ เขาก็ยังมองเห็นว่าเธอยังมีค่าอยู่นะ"
ผมมองใบหน้าของเธอ ในขณะที่เธอมีอารมณ์เศร้า เธอไม่สบตาผมเลย เธอนิ่งเงียบไม่ตอบกับผม มันทำให้ผมไม่สามารถพูดต่อไปได้ ผมก็เป็นฝ่ายเงียบไปบ้าง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เอาหัวของเธอมาพิงที่ไหล่ของผม ผมนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ผมทำอะไรไม่ถูกเลย มันเป็นความดีใจเล็กๆ นะที่หัวของเธอพิงที่ไหล่ผม แต่ความเศร้าที่เธอปล่อยมามันกลบอารมณ์เหล่านั้น
"ฟังเพลงด้วยกันไหม" ผมหยิบเครื่องเล่นเพลงและยื่นหูฟังอีกข้างหนึ่งให้กับเธอ "บางทีมันอาจจะช่วยเธอได้"
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอมีอาการดีมากขึ้น หน้าตาผิวพรรณของเธอสวยงาม อารมณ์แจ่มใสมากขึ้น เธอกลับมาเป็นคนเดิม เหมือนคนที่เธอเคยเป็น เธอพูดคุยกับผมมากขึ้น เธอหยอกล้อ ล้อเล่นกับผมมากขึ้น บางครั้งเวลาที่ผมทำกิจกรรมอะไรต่างๆ เธอมักจะคอยผม และทุกๆ เย็นกลับบ้านด้วยกัน
ดูเหมือนว่าผมจะใกล้ชิดกับหัวใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่เลย หลังจากวันนั้นไม่นานเธอก็กลับไปหาผู้ชายคนเดิมอีกเช่นเคย เขายังทำดีกับเธอเหมือนว่าไม่เคยมีการเลิกลากันมาก่อน เดินกลับบ้านด้วยกันเช่นเคย ส่วนผมยังเดินกลับบ้านคนเดียวเหมือนกับวันปกติ ที่ผ่านมาผมคิดไปเอง คิดว่าจะมีใจให้กับผมจริงๆ
ต่อมา เธอไม่มาโรงเรียน 2 วัน ผมรู้สึกไม่ดีจึงโทรไปหาเธอ แม่ของเธอรับสายได้ความว่าเธอไม่สบายมา 2 วันแล้ว จนวันต่อมา เธอมาโรงเรียนด้วยอาการเศร้าซึม ถามอะไรไม่ค่อยตอบ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงคำถามของผมเสมอ ตอนพักเที่ยง เพื่อนๆ ในกลุ่มจับจองโต๊ะม้านั่งหินอ่อนหน้าอาคารเรียน 2 เธอนอนฟุบหน้ากับพื้นโต๊ะ โดยเอาแขนรองเอาไว้ เพื่อนๆ ในกลุ่มของผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ผมและเธออยู่กันสองคน
"อาการดีขึ้นหรือยัง" ผมขยับหน้าไปใกล้ๆ เธอแล้วถามด้วยความเป็นห่วง
"รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย"
"ทำไมไม่พักผ่อนต่อละ"
"แม่บอกว่าไข้ก็ไม่มี หวัดก็ไม่ได้กิน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่นา ก็เลยบังคับให้ฉันมาโรงเรียนเนี่ยแหละ"
"ลองไปหาหมอแล้วหรือยัง เผื่อหมออาจจะช่วยรักษาอาการได้"
"เราไม่อยากไปนะ เรากลัว"
"กลัวอะไรละ เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนี้ อาการไม่ดีขึ้นเดี๋ยวจะแย่เอานะ ไปหาหมอเถอะนะ จะได้รู้ว่าเธอเป็นอะไร" ผมเซ้าซี้ไปเรื่อย แต่เธอยืนกรานว่าจะไม่ไป ผมเริ่มกระตุ้นเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เขย่าไหล่ของเธอเพื่อให้เธอรู้สึกรักตัวเอง ห่วงตัวเอง
"เราไม่ไปหาหมอ เราไม่ไปหาใครทั้งนั้นแหละ" เธอสะบัดมือผมออกจากไหล่ หันมามองหน้าผม เธอส่งเสียงดัง และพยายามใช้มือทุบตีผม ผมจับแขนเธอไว้ได้ เธอสะบัดจนหลุด เธอมองผมด้วยความโกรธเกรี้ยว
"กูจะไม่ไป กูไม่ไปไหนทั้งนั้น เพราะกูท้องไงเล่า ไอ้ซื่อบื่อเอ๊ย!!!"
เธอพูดคำหยาบกับผมทั้งที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ประโยคนั้นชัดเจนเต็มสองรูหูของผม ผม
ช๊อคอย่างสุดขีด ไม่นานชักสีหน้าหลบไป "ถ้าผลตรวจออกมา แล้วพ่อแม่รู้ว่าเราท้อง เราต้องโดนด่าแน่ๆ"
"คือ..คือ ใจเย็นๆ นะ เธอท้องกับใครงั้นเหรอ"
"ไอ้นั้น" เธอก้มหน้าลงและนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง "ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นคนเดียวนั้นแหละ" แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา
"ไม่นะ ไม่นะ..." ความรู้สึกของผมเหมือนกับถูกมีดเล่มใหญ่ปักบนหลัง ผมไม่รู้ว่าจะช่วยเธอยังไง เธอเจ็บปวดแค่ไหนผมรู้ดี ต่อให้มีมีดอีกพันเล่มมาปักบนตัวเธอ ผมจะดึงมันออกและปักที่ตัวผมเอง "ชีวิตมันต้องมีทางแก้นา"
ผมพูดประโยคนั้นออกมาด้วยความอ่อนโยน มองตาเธอด้วยความอบอุ่น หวังว่าจะทำเธออุ่นใจได้บ้าง แต่เธอไม่ตอบกลับผมมาเลย เอาแต่จะก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างหนัก ผมก็ทำได้แค่นั่งเงียบไม่พูดจาอะไร
ผมชวนเธอขึ้นห้องเรียน เธอยังคงสะอื้น ผมอาสาแบกกระเป๋าเธอ เธอใช้มือซ้ายจับแขนของผมแน่นจนผมทำอะไรไม่ถูก เธอเดินแนบชิดกับผมเป็นพิเศษ ผมมองสีหน้าและแววตาของเธอ เธอยังไม่ตอบรับ ยังก้มหน้าต่ำลง ไม่อยากเผยสภาพใบหน้าที่แท้จริง
ในขณะที่ผมกำลังเดินขึ้นอาคารเรียน ผมเห็นผู้ชายคนที่เธอเคยรักกำลังเดินขึ้นอาคารเรียน มันเหมือนกับมีอะไรดลบันดาลให้ผมพบเจอกับมันและกลุ่มเพื่อนของมัน และที่ยิ่งไปกว่านั้นมันเดินกับผู้หญิงคนหนึ่ง หยอกล้อเล่นกัน และสุดท้ายมันก็หอมแก้มผู้หญิงคนนั้น ทำให้ผมรู้ชัดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมทนดูสภาพเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ไหว กำหมัดอย่างแน่น ปลดกระเป๋าจากตัวเอง ทิ้งลงบนพื้น รีบวิ่งไปหามัน ง้างหมัดและอัดใส่หน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นอย่างเต็มแรง แรงของหมัดที่กระแทกกับใบหน้าทำให้มันเซถอยหลังสองถึงสามเก้า
"มึงเป็นใคร มึงมาทำอย่างนี้กับเพื่อนกูได้ยังไง" ผมชี้หน้าไปยังเธอคนนั้น "มึงรู้ไหม มึงทำอะไรกับเพื่อนกูไว้บ้าง"
ผู้ชายคนนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ใช้กำปั้นชกเข้าที่ใบหน้าของผมอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน แล้วใช้ขาเตะให้ผมล้มลงกับพื้น นั่งคร่อมทับผม ต่อยเข้าที่ใบหน้าผมหลายครั้งๆ จนสาแก่ใจ หลังจากนั้นลุกขึ้นยืนมองผมด้วยความเลือดเย็น
"ผู้หญิงคนนั้นนะเหรอ อ่อ.... มึงไปบอกไอ้ผู้หญิงคนนั้นนะว่า ผู้หญิงคนนี้คือเกียรติยศของกู กูสามารถพูดกับใครต่อใครได้เต็มปากว่า กูได้กับดาวของโรงเรียนมาแล้ว" ทันทีที่มันพูดจบ ผมลุกขึ้นยืนและจะต่อยกับมันอีกครั้ง ผมจะเอาเรื่องมันจนให้ถึงที่สุด จะต้องมีคนเข้าห้องพยาบาลคนใดคนหนึ่งนั่นแหละ
ไม่ทันไรครูฝ่ายปกครองก็วิ่งเข้ามา พรรคพวกของมัน และรวมถึงมันสลายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ผมโดนครูฝ่ายปกครองจับได้ จนต้องเชิญเข้าสู่ห้องปกครอง และตั้งข้อหาในคดีทะเลาะวิวาทกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน จนต้องเชิญผู้ปกครองมาคุย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in