_
_
พัคอูจินไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะมีวันนี้วันที่ความฝันในการเดบิวต์ของเขานั้นเป็นจริงจากเด็กผู้ชายที่รักในการเต้นและการแร็ปคนนั้น สู่การเป็น
"อูจินอ่า รีบเข้านอนได้แล้วพรุ่งนี้เช้ามีตารางงานนะ"
"ขอผมเล่นเกมอีกแปปนึงนะพี่จีซองอีกตาเดียวจะไปนอนแล้วค้าบ"
"นายพูดว่าขออีกตาเดียวเป็นครั้งที่ห้าแล้วนะ!ไปนอนได้แล้ว พี่ไม่ให้นายเล่นแล้ว" ยุนจีซองว่าจบก็เดินเข้ามายึดไอแพดเครื่องใหญ่ในมือของเขาในทันที
"พี่จีซอง!!"
"ไปนอนซะพัคอูจิน พี่รู้ว่านายไม่ได้เล่นเกมไม่ต้องรอเขาตอบแล้ว นี่มันจะตีสามอยู่แล้วนะ"
"ผมเล่นเกมจริงๆ"
ยุนจีซองส่ายหน้าไม่เชื่อพร้อมกับยกไอแพดเครื่องใหญ่ที่ในตอนแรกมันอยู่ในมือเขาขึ้นมาให้ดู
"ช่องแชทคาคาโอนี่มันเป็นเกมเหรอพัคอูจินไม่ต้องมาเถียงพี่เลยนะ ปิดไฟแล้วนอนซะ"
พัคอูจินได้แต่เม้มปากแน่นเพราะเขาไม่ได้เล่นเกมอย่างที่บอกกับพี่จีซองไป แต่เขากำลังรอใครบางคนตอบแชทอยู่
"ก็ได้ครับ แต่ขอไอแพดผมคืนได้มั้ยเผื่อเขาตอบผมมาไงพี่"
"ไม่ได้! ถ้าเขาตอบมาพี่จะมาบอกนายเองแล้วเรื่องนี้ก็เพลาๆลงหน่อยนะ อย่าให้แฟนคลับรู้ล่ะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง"
"ค้าบๆ เข้าใจแล้วค้าบราตรีสวัสดิ์นะครับพีจีซอง" ยุนจีซองยกยิ้ม มือของลีดเดอร์ยกขึ้นมาขยี้ที่เส้นผมสีน้ำตาลเข้มนั่นก่อนจะเดินออกจากห้องไป"
ทำไมถึงไม่ตอบแชทฉันสักทีนะรู้มั้ยว่าคนรอมันท้อขนาดเนี่ย!
ตึ้ง!
เสียงแจ้งเตือนดังมาจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ทางบนหัวเตียงเขาน่ะเกือบลืมไปแล้วว่าตนเองมีโทรศัพท์นี่โชคดีที่พี่จีซองยึดแค่ไอแพดแต่ไม่ได้ยึดโทรศัพท์ของเขาไปด้วย
นิสัยอีกอย่างของพี่จีซองคือการที่พี่จีซองจะชอบปิดการแจ้งเตือนหรือสัญญานทุกๆอย่างเวลานอน เพราะฉะนั้นวางใจได้เลยว่าพี่จีซองไม่มีทางรู้แน่นอนว่าเขาแอบตอบแชทใคร
'อูจิน'
และคนที่ทำให้เขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนต้องมานั่งรอตอบแชททั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ตอบแชทเขาได้เสียที
'ตอบช้า'
'โทษที ปิดเสียงไว้'
"เหตุผลนี่มันน่าจะจับมาตีสักทีดีไหมเนี่ย"
'นี่คือเหตุผลหรอวะ'
'อย่ามาวะใส่กันนะ นี่เป็นพี่นายนะอูจิน'
'ก็บอกแล้วปะวะว่าไม่ได้อยากเป็นแค่น้องอะ จะให้ย้ำกันอีกสักกี่รอบ'
พัคอูจินกดแป้นพิมพ์ด้วยอารมณ์โมโหปนน้อยใจงานเขาก็เยอะ เวลานอนก็แทบจะไม่มี ยังจะต้องมาอารมณ์เสียกับเรื่องเดิมๆแบบนี้อีก
'ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็อย่าพึ่งมาคุยกันเลย นายเหนื่อย เราก็เหนื่อยแต่เราไม่ได้เป็นที่รองรับการโมโหจากใครนะอูจิน'
หลังจากที่ร่างสูงได้อ่านข้อความนั้นจบก็ไม่มัวรอช้ารีบต่อสายหาเจ้าของข้อความทันทีเรื่องแบบนี้จะมาปล่อยให้ค้างคาไม่ได้ รอเสียงสัญญานไม่นานปลายสายก็กดรับสายของเขา
"ฮยองซอบ"
"อือ"
"เหนื่อยหรอ ขอโทษนะ"
เป็นเขาเองเสมอที่มักจะชอบสร้างความรำคาญให้กับอีกฝ่ายพัคอูจินไม่เคยมีคนรัก คงจะมีแต่การแอบรักเพียงเท่านั้น
นั่นเป็นครั้งแรกที่พัคอูจินรู้สึกว่าหัวใจของเขาเองเต้นผิดปกติ
ไม่ใช่เพราะจากการเล่นซนของเขากับเพื่อนๆในหมู่บ้าน
แต่เป็นเพราะ รอยยิ้ม ที่สวยหวานยิ่งกว่าผู้หญิงของฮยองซอบคนนั้นที่ถูกส่งมาให้เขาด้วยความบังเอิญนั่นต่างหาก
มันเป็นครั้งแรก
และครั้งเดียวมาโดยตลอด
"อือ ไม่เป็นไรหรอก เหนื่อยเหมือนกันใช่มั้ยละขอโทษเหมือนกันนะ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก นายไม่ได้ผิดขอโทษนะที่ชอบทำตัวน่ารำคาญใส่อยู่เรื่อยเลย"
"อือ"
พัคอูจินเงียบ คนปลายสายก็เงียบเพราะการที่เราสองคนไม่ได้พูดคุยกันนาน คุยกันแต่ละครั้งก็นับคำได้ มันเลยทำให้กลายเป็นว่าต่างคนต่างเงียบเพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกัน
จนในที่สุดความอดทนของพัคอูจินก็หมดลง
"เราไม่เป็นแบบนี้กันได้มั้ย"
"แบบไหนล่ะ"
"ก็แบบนี้ไง นี่ยังเป็นน้องชายเจ็ดขวบคนนั้นคนที่แอบรักเธอมาโดยตลอดคนเดิมนะ"
"นายไม่ใช่นายคนเดิมอูจิน นายรู้ตัวของนายดี"คิ้วเข้มของร่างสูงขมวดขึ้นเป็นปมเขาน่ะเหรอที่ไม่ใช่อูจินคนเดิม
"ยังไงวะ"
"นายไม่ใช่พัคอูจินน้องชายข้างบ้านของเราตั้งแต่วันที่นายเลือกที่จะเข้าไปในโซลแล้วอูจินนายกำลังจะดังนะ กำลังจะมีคนคอยจับตามอง เราอยากให้นายโฟกัสในทางที่นายเลือกไม่ได้อยากเป็นตัวถ่วงความสำเร็จของนายหรอกนะ"
เขาไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าพี่ชายข้างบ้านคนนั้นของเขาจะคิดมากขนาดนี้
"เธอไม่ได้เป็นตัวถ่วง!ไอ้บ้าคนไหนเอาความคิดแบบนี้มาใส่ในสมองของเธอวะ"
"พัคอูจิน!!! พูดจาให้มันดีๆหน่อยได้มั้ยไม่ได้อยากจะมาทะเลาะด้วยเลยนะ"
พัคอูจินเอามือก่ายหน้าผากคิดไม่ตกกับสถานการ์ณตอนนี้ที่เขาโทรไปก็ไม่ได้คิดว่าจะชวนทะเลาะแต่เขาก็คุมอารมณ์ของเขาไม่ได้สักที
"โอเค เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วได้มั้ยครับอยากให้เธอคิดแค่ตอนนี้ ไม่ต้องไปนึกถึงอนาคตได้มั้ยยังไม่อยากจะเสียเธอไปให้ใครหรอกนะ"
ปลายสายเงียบไม่มีเสียงใดใดเล็ดลอดออกมาจากปลายสายเลยสักนิด
"เธอเงียบไปทำไม"
"..."
"เธอ"
"..."
"อูจิน"
"ออกมาเจอกันหน่อยได้มั้ย ตอนนี้น่ะ"
“ห๊ะ!!! เธออยู่โซล?”
“อือ ออกมาเจอกันได้มั้ย แถวๆริมแม่น้ำฮันน่ะ”
พัคอูจินยกหูโทรศัพท์ออก หน้าจอบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าแล้วทุกคนในหอคงจะหลับก้นไปหมดแล้ว
"ได้ เธออย่าลืมใส่เสื้อหนาๆออกไปผ้าพันคอก็เอามาใส่ด้วย ถุงมือ ฮ็อตแพค อย่าลืมนะ เข้าใจที่นี่พูดหรือเปล่า"
"อือ เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ"
"เด็กไม่เด็กแต่ก็ลืมทุกที่และว่ะ"
“อย่ามาว่ะใส่ บอกกี่ที่แล้ว! ว่าเราเป็นพี่พูดจาให้มันดีๆหน่อย”
พัคอูจินหัวเราะ ก่อนจะกรอกเสียงตอบคนปลายสายไป
“อือ”
หลังจากวางสาย เขาเด้งตัวขึ้นออกจากเตียงคว้าเสื้อโค้ทที่แขวนอยู่หน้าตู้ พร้อมกับผ้าพันคอไหมพรมอย่างดีขึ้นมาใส่แล้วรีบออกจากหอพักทันที
เขารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าพี่ชายข้างบ้านของเขาทำไมถึงมาอยู่ที่โซลได้แล้วมาตอนไหน มากับใคร ทำไมไม่เห็นจะบอกเขาบ้างเลย ถ้าเขาเจอหน้าเมื่อไหร่นะจะเค้นถามให้หมดเลย คอยดูสิ!
พัคอูจินใช้เวลาสิบห้านาทีพอดิบพอดีในการเดินทางมาถึงริมแม่น้ำฮันริมแม่น้ำฮันในตอนนี้แทบจะไม่มีคนหลงเหลืออยู่แล้วเขามองหาคนปลายสายที่กำลังพยายามบอกว่าตอนนี้ตนอยู่ส่วนไหนของแม่น้ำฮันอยู่
“สรุปเธออยู่ตรงไหน”
“ริมแม่น้ำฮันไง”
“แม่น้ำฮันยาวเป็นไม่รู้กี่กิโลต่อกี่กิโล เร็วๆบอกนี่มาว่าอยู่ตรงไหน อยากเจอใจจะขาดแล้วเนี่ย”
“มีขา มีตา เดินหาเอาเอง เดี๋ยวก็เห็นเองนั่นแหละ”
เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับคนปลายสายอายุก็มากกว่าเขา แต่เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลยให้ตายเถอะ
อันที่จริง
พัคอูจินไม่รู้ตัวเลยว่าคนปลายสายน่ะเห็นเจ้าตัวตั้งแต่ที่เขาก้าวขาลงมาจากแท็กซี่แล้ว
อันฮยองซอบก็แค่ อยากยื้อเวลาไปสักหน่อยก็แค่นั้น
อีกครั้ง
และอีกครั้ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in