เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
NERD NOTEE.K.
The Mars Generation (2017)
  • ผมไม่เคยคิดเลยว่ามนุษย์เราจะเดินทางไปอยู่บนดาวอังคารได้จริงๆ ที่จริงต้องบอกว่าไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำว่าเราจะไปดาวอังคารทำไม เคยคิดว่าการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเป็นสิ่งสิ้นเปลือง ทั้งๆที่ในโลกของเรายังไม่ทำให้ดีด้วยซ้ำไป แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์

    The Mars Generation เป็นหนังสารคดีโดย Netflix ในปี 2017 ที่ทำให้ผมต้องย้อนกลับมามองเรื่อง "อวกาศ" ใหม่อีกครั้ง หนังเล่าเรื่องราวการเข้าค่าย Space camp ของเด็กวัยรุ่นอเมริกันที่นิยามตัวเองว่าเป็น "Space nerd" รวมถึงแรงบันดาลใจ และความเป็นไปของเทคโนโลยีอวกาศสัญชาติอเมริกา ที่เรารู้จักกันในชื่อว่า NASA

    แต่ว่า มันเกี่ยวกับ Mars Generation ยังไงนะ?

    นับตั้งแต่ NASA หรือ The National Aeronautics and Space Administration ก่อตั้งขึ้นมาในปี 1958 ก็ได้ดำเนินภารกิจในการพัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางในอวกาศหลายอย่าง ตั้งแต่ Mercury program, Gemini program และที่เราคุ้นชื่อกันดี Apollo program
    ใช่แล้ว เพราะคำว่า Apollo เป็นคำที่เราเรียนกันในวิชาวิทยาศาสต์มัธยม ว่าเป็นชื่อยานอวกาศลำแรกที่มนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ และเมื่อนึกถึง Apollo ก็จะนึกถึง Neil Armstrong หรือนักอวกาศคนแรกที่ลงเหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์ในปี 1969  ซึ่งผมเกิดไม่ทัน และ Neil Armstrong นั้นก็ไม่ใช้พระเอกของสารคดีเรื่องนี้ 

    Apollo program นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1961 ในยุคของประธานาธิบดี John F. Kennedy ที่ได้กล่าวในที่ประชุมคองเกรสว่าเป็นภารกิจที่จะ "landing a man on the Moon and returning him safely to the Earth" สำหรับหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Wernher von Braun วิศวกรชาวเยอรมันที่เคยทำงานให้กับนาซีแต่ผันตัวมร่วมงานกับอเมริกาในภายหลัง

    Wernher von Braun กำลังอธิบายการเดินทางสู่ดาวอังคาร
    Apollo program ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสิบกว่าปี จนถึงภารกิจ Apollo 17 เป็นภารกิจสุดท้ายของ Apollo ที่ลงสำรวจดวงจันทร์ในปี 1972 และเดินหน้าสู่เป้าหมายถัดไปคือการเดินทางไปดาวอังคาร ดาวเคราะห์สีแดงที่ใกล้โลกที่สุด อย่างที่เป็นความฝันของหลายๆคนรวมถึง Wernher von Braun หนึ่งในผู้เสนอไอเดียการเดินทางไปดาวอังคารสู่สายตาประชาชน

    อย่างไรก็ตาม ถึง NASA จะเป็นองค์กรอิสระ แต่ก็ต้องอาศัยงบประมาณจากรัฐบาล จึงจำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนทางนโยบายจากรัฐบาลและการสนับสนุนจากเสียงประชาชน หลังปี 1972  ทิศทางการทำงานของ NASA เริ่มเบี่ยงเบนไป NASA หันมาเป็นการส่งพัฒนากระสวยอวกาศ (space shuttle) ที่ขนส่งมนุษย์และอุปกรณ์ระหว่างพื้นดินกับวงโคจรรอบโลกเพื่อใช้ประโยชน์จากดาวเทียมต่างที่โคจรรอบโลก แต่ผลที่กลับไม่ประสบความสำเร็จนักเทียบกับภารกิจก่อนหน้า รวมทั้งยังพบกับความล้มเหลวจากการสูญเสียกระสวยอวกาศ Challenger ในปี 1986 และ Columbia ในปี 2003 พร้อมกับนักบินอวกาศทั้งสิ้น 14 ชีวิต 

    ภาพเหตุการณ์ Challenger disaster
    การสูญเสียทำให้ต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และทำให้เกิดการพัฒนาไปให้ไกลกว่าเดิม ถึงแม้ช่วงเวลาสามสิบกว่าปี มนุษย์จะไม่ได้เดินทางเข้าใกล้ดาวอังคารมากขึ้นเท่าไหร่  ขณะนี้ NASA กำลังกลับมาสานต่อความฝันเหล่านั้นอีกครั้ง 

    ในวันที่ 15 เมษายน 2010 ประธานาธิบดี Barack Obama ได้กล่าว ณ JFK Space center ที่รัฐฟลอริด้าว่า "By 2025, ...we’ll start by sending astronauts to an asteroid for the first time in history. By the mid-2030s, I believe we can send humans to orbit Mars and return them safely to Earth. And a landing on Mars will follow."

    NASA ได้พัฒนา Space Launch System (SLS) ซึ่งเป็นระบบส่งยานที่ืทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีเป้าหมายเพื่อจะส่งยานอวกาศ "Orion" ให้เดินทางไปให้ไกลกว่าวงโคจรรอบโลก และเดินทางไปสู่ดาวอังคาร

    แต่งบประมาณที่ลดลงถึงสิบเท่า เมื่อเทียบกับช่วงสามสิบกว่าปีก่อน จึงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ในปี 2015 SpaceX บริษัทเอกชนก่อตั้งโดย Elon Musk ได้เข้ามามีบทบาท และแสดงให้เห็นว่า เราสามารถพัฒนาระบบส่งยานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้ไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่ายในการส่งยานแต่ละครั้งขึ้นสู่อวกาศ มันจึงเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการลดต้นทุนและทำให้การเดินทางสู่ดาวอังคารใกล้ความจริงมากขึ้น

    แล้วสรุปว่า สารคดีเรื่องนี้เกี่ยวกับ The Mars Generation ยังไง?

    อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า นี่เป็นการถ่ายทำภารกิจของเหล่าวัยรุ่น "Space nerd" ที่มาเข้าค่ายวิทยาศาสร์ ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำภารกิจต่างๆ ได้แก่ การประดิษฐ์ยานอวกาศที่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และลงจอดอย่างปลอดภัยโดยต้องรักษาให้ Eggstronaut ไม่แตกเสียก่อน , การโปรแกรมหุ่นยนต์เพื่อทำการสำรวจพื้นผิวดาวแทนมนุษย์ , การออกแบบระบบกรองน้ำเพื่อหมุนเวียนน้ำที่ใช้ในอวกาศ , การสร้างวัสดุที่ทนความร้อนป้องกันเพื่อเป็นโครงสร้างยาน รวมถึงการฝึกปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และที่พีคที่สุดคือภารกิจ simulation การเดินทางสู่ดาวอังคาร

    เหล่า Space nerd แห่ง The Mars Generation
    สารคดีเรื่องนี้กำลังบอกเราว่า ยุคอดีตที่ผ่านมา มนุษย์ได้เดินทางไปถึงดวงจันทร์อย่างที่ไม่มีใครคิดว่าจะทำได้ เช่นเดียวกัน ขณะนี้และต่อไปจะเป็นยุคที่มนุษย์เดินทางสู่อวกาศให้ไกลออกไป ถึงดาวอังคาร โดย Space nerd เหล่านี้แหละ จะเป็นผู้บุกเบิกของ The Mars Generation


    ** ภาพประกอบทั้งหมดจาก NASA และ Netflix
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in