เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ครั้งแรก เหมือนเขาบ้างNarut Sirithip
ความเร็วสูงสุดในชีวิต กับ กิจกรรม X2 Ducati MOTOGP
  •    คงไม่เคย และไม่อยากเคย พาตัวเองไปเข้าสู่ความเร็ว 250-270 กม/ชม ซึ่งขอบันทึกไว้ให้เป็นความเร็วสูงสุดบนถนนในชีวิตนี้ไว้ครับ ซึ่งสิ่งที่พาเราไปถึงตรงนั้น คือ กิจกรรม X2 ซ้อนท้าย นักแข่งจริง สนามจริง ชุดจริง ความเร็วโคตรๆจริง และเกือบวูบจริงๆ ซึ่งได้รับจากบริษัทคู่ค้าอันเป็นที่รักที่ไม่สามารถลงสื่อได้  เริ่มจาก ตอนแรกได้ทราบจากคุณแอมว่าจะได้ซ้อนมอไซต์นักแข่งจริง ซึ่งตอนแรกยังนึกภาพไม่ออกครับ จนเห็นคลิปที่ส่งแนบมา รู้สึกว่า วาวเอาวะครั้งหนึ่งในชีวิต ตอบตกลงแบบไม่คิดเลย มาทราบตอนหลังว่ากิจกรรมนี้ มีโอกาสยากกว่าที่คิดไว้มาก แบบ มากๆ คือมีเงินก็ซื้อไม่ได้ เว้นถ้ามากพอมาซื้อต่อเรา คือจะบากหน้าไปขอสับเปลี่ยนชื่อให้ >< แต่เอาเป็นว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้หากันได้ทั่วไปแน่นอนครับ
    ทีมงานร่วมชะตากรรม
    ผมได้ร่วมกิจกรรมตามตารางในเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2562 ซึ่งเมื่อถึงเล้าเข้าไปปึบฝนเทลงมา ตลอดช่วงเช้า ทำให้ไม่สามารถไปตามเวลาได้ จึงเลื่อนออกไปเรื่อย
    เทลงมาตลอดช่วงเช้า
    ในระหว่างนั้นในทีมก็บิ้วกันเองเล็กน้อยมีบางท่านสละสิทธิ์ด้วย ถึงเวลาที่พอไปได้ ก็ขึ้นรถตู้ไปที่สนาม เข้าในซุ้มของ DUCATI มีการ แจ้งขอแสดงความเสียใจ พร้อมอธิบายว่าทำไม จึงต้องยกเลิกกิจกรรมนี้ เพราะเนื่องจากเวลาเลื่อนมามากทำให้เวลาในการใช้สนามไม่ได้ ประกอบกับความเสี่ยงเกินไปจากพื้นสนามที่ลื่นจากฝนที่เทมารุนแรงในช่วงเช้า
    อิเจ้นี่ แคโรลีน ดุมาก แต่ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของเรา
    แต่ทางทีมงานก็มีของปลอบใจและมีให้ถ่ายภาพกับรถที่มีไว้สำหนับกิจกรรม X2 นี้ พร้อมนักขับที่เป็น นักบิดจริง หนึ่งในนั้นคนขวา เป็นตำนานคนหนึ่งในการแข่ง motoGP และ ก็เพิ่งเคยเห็นรถที่ใช้ในกิจกรรมนี้จริงๆ ดีกว่าภาพในหัวที่คิดไว้มาก ถ้าเราจะต้องมานั่งกอดเอวพี่แก เราคงไม่โอเคกันทั้งคู่ ประสบการณ์เสียวคงไม่ใช่แค่ความเร็ว ( ตัวรถจะสังเกตเห็นการดีไซน์เพื่อใช้ในกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ ที่นั่งซ้อนเฉพาะ ที่จับยึดโดยเฉพาะคนซ้อน ) อ้อ รถนี้เป็นรถแข่งจริงของทีม ในปี 2014 ครับ (ไม่แน่ใจว่า 14 หรือ 12 ) ที่เอามา แปลงในส่วนอานจับและที่ซ้อน
    ทางซ้านชื่อ randy อะไรซักอย่างครับ ซึ่งเป็นระดับตำนาน คนหนึ่ง
    ยอมรับครับว่าเสียดายอยู่ แต่มองในแง่ดีเอาจริงก็รู้สึกเสียวๆกลัวๆมาบ้าง เพราะหลังจากฟังเจ๊แกอธิบายอะไรแล้ว รู้สึกว่ามันก็พยายามเซฟเราแหละ แต่มันก็ไม่ 100% อยู่ดี 
      
         เคร่าๆเบื้องต้นก่อนนั่งร่วมกิจกรรมจะมีสัญญา และ การรีเชคหลักๆอยู่ 2 3 เรื่อง คือ น้ำหนักตัวไม่ให้เกิน 80 90 kg ความดันไม่เกิน 150 และห้ามดื่ม alc รวมถึง energy drink . กลับมาที่ lounge ทานข้าวเที่ยง ฝนก็หยุดพอดี แต่ก็ทำใจละหล่ะครับ เอ้อเอาวะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เตชะบุญ
          อยู่ดีๆ มีพี่บริษัทเดินมาว่า เดี๋ยวมี รอบ 2 สนใจลองไปดูมั้ย แต่ไม่การันตีว่าจะได้ร่วมกิจกรรมมั้ย เพราะ lock ไว้รอบละ 10 คน ซึ่งรอบนี้ก็เป็นของอีกกลุ่มไปแล้ว แต่ก็อาจจะมีคนไม่ผ่านการตรวจได้ เราไปในฐานะตัวสำรอง ซึ่งก็ตอบ โอเค โดยไม่ต้องคิดเลย
          ไปถึง รอบนี้ฟ้าดูเป็นใจถึงจะอึมครึมนิดๆ แต่ก็ไม่ตก มีการเน้นย้ำขั้นตอนและอธิบายตามเดิมแต่รอบนี้ กิจกรรมไม่ถูกยกเลิก มีเอกสารมาให้ เซ็นต์และเขียน ชุดหนึ่งเป็นสัญญาคงเหมือนอารมณ์โดดบันจี้ (ไม่เคยโดด แค่ยกตัวอย่าง) อารมณ์อยากร่วมเองนะ เป็นไรดูแลตัวเอง มาฟ้องไม่ได้ กับ 2.เป็น รายละเอียดให้แพทย์ดู เพื่อตรวจว่าร่วมกิจกรรมได้มั้ย และเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ซึ่ง พ่อแม่ ที่พึ่งพาได้ของเรานั้นเที่ยวต่างเทศอยู่จร้า ใส่ชื่อพี่สาวไป. เซ็นต์ๆ เขียนๆไปก่อนอ่ะ จริงๆแมมก็แบบ มีใจแอบภาวนาเหมือนกัน ขอให้ได้ๆ ซึ่งความหมายคือ ขอให้มีคนไม่ผ่านๆ ตรวจน้ำหนักก่อน ทุกคนผ่านหมด แต่เราแอบมองต่อ มี ผญ 3 คน เอ้ยไม่แน่อาจมีใครกลัวและถอนตัวไป ซึ่งแน่นอนครับ หึหึ ไม่มี มิหนำซ้ำลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งในนี้ เป็นนักแข่งจริงมาก่อนด้วยชนะที่ 1 สนามพัทยา =.= ความหวังเริ่มลดลง หลังจากนั้นเขาก็พาไปตรวจความดัน กุขอตรวจก่อนเลย คือถ้าไม่ผ่านเองจะได้ไม่ต้องคิด ซึ่งเราก็ผ่าน หลังจากนั้นคือการลุ้นท่านอื่นๆ 
      
             แน่นอนก็เห็นกันอยู่แล้วว่าเราได้นั่ง งั้นคงไม่มาเขียนบันทึก คือมีพี่ 2 ท่าน ที่ ความดันวิ่งไป 170 กุว่าจริงๆส่วนหนึ่งมาจากอิเจ๊ แคโรรีน บิ้วด้วยแหละ และพี่เค้าน่าจะดึกมามะคืน สรุปเลยได้มาแบบ YESSS ได้แล้วโว้ยย หมดความกังวลเรื่องได้ไม่ได้ มากังวลต่อเรื่องกิจกรรม หลังจากผ่านทั้งหมด เค้าจะพามาที่จุดมอไซต์และให้ลองซ้อนเพื่ออธิบายรายบุคคลอีกที ( เอ้อ คือยังไม่เข้าใจหมด มีล่ามแปลให้ ) แต่เคร่าๆแบบโคตรเคร่าๆ จับยังไงเอียงตัวตามแบบไหน สิ่งเดียวที่สำคัญแต่พี่ไม่บอกคือ สมมติ ล้ม หลุด ให้ทำยังไงเก็บคองอเข่าหรืออะไร หรือไม่รอดชัวร์เลยไม่ต้องใส่ใจ ซึ่งคาดว่า อาจเป็นการทำให้เรารู้ว่าเมิมต้อง โฟกัส สิ่งเดียวที่ต้องรู้คือ ต้องรอด จับให้แน่นและนั่งให้จบ (อันนี้ไม่โม้หรือพูดเกินจริงครับเพราะการหลุดจากการนั่งซ้อนอันตรายกว่าการหลุดแบบขับเอง) อธิบายเสร็จพามาเปลี่ยนชุด ต้องบอกว่าถ้าตีกิจกรรมเป็น 100% แต่งชุดเสร็จมีภาพกุถือว่า ได้แล้ว 70% เอาจริงอยากมีแค่นี้แหละ ไปถึงได้เปลี่ยนคนแรก มีให้หมดทุกอย่างเสื้อข้างใน รองเท้า ถุงมือ ชุด ซึ่งต้องบอกว่ากะเก่งมาก มองปึบดูขนาดออกเลย แต่สิ่งเดียวที่ไม่มีให้คือกางเกง. ในภายใต้ชุดนั้นของเดิมที่ใส่ติดตัวมาแต่เดิมมีเพียง 2 อย่าง คือ 1.กางเกงใน และ 2.พระ ครับ นอกนั้นถอดของเดิมออกหมด

        นักแข่งจริงวิ่ง 26 รอบ ระยะแข่งกว่า ชั่วโมง ไม่นับเวลาตั้งแต่ใส่ชุด ปกติ จบการแข่งน้ำหนักจะหายไปราว 2 โล เพราะเสียน้ำ นั่นคือจะบอกว่าชุด ปลอดภัย แต่อบมาก บวกกับ อากาศประเทศไทยเปลี่ยนคนแรก จากทั้งหมด 10 คน นึกดูละกัน น้ำจะท่วมขนาดไหน เปลี่ยนเสร็จนี่ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ตัวมาสคอตเลย มีน้องมาขอถ่ายภาพด้วย
       ถึงเวลาหลังจากแต่งชุดไปกว่า ครึ่ง ชม. ทางทีมงานได้พาเข้าสนามจริง เพื่ออธิบายเคร่าๆแบบเคร่าๆอย่างแรงอีกรอบ ซึ่งเราก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี การนั่งต้องนั่งเป็นลำดับตามที่เขาแจ้งเท่านั้นห้ามเปลี่ยน เข้าใจว่าลำดับการจัดมีผลพอสมควรเพราะนักแข่งจะทราบว่าใครซ้อนเขาบ้างในตอนแรก ไม่ใช่ตอนที่เราทุกคนสวมหมวกแล้ว ความเร็วและมุมการโค้ง รวมถึงยกล้อ จะดูจากผู้ซ้อนเป็นสำคัญว่า คล้อยตามเขาได้ขนาดไหน และ น้ำหนักตัวยังไง 

       ผมได้เป็นลำดับสุดท้าย อิเจ๊แคโรรีน บอกว่า สุดท้ายต้องแข็งแรงๆ คือตอนแรกมันถามแข็งแรงมั้ย เราตอบว่า มากๆ เพราะตอนนั้นเราเป็น ตัวสำรอง ต้องโชว์พาวไปก่อนกลัวไม่ได้ แต่ตอนนี้เราก็เริ่มกังวลละหล่ะ ทำไมต้องแข็งแรงสุดวะ
    กิจกรรมจะแบ่งเป็น 2 คันครับ เท่ากับรอบละสองคน ผมได้คนสุดท้ายของคันที่ 2 เห็น เริ่มจาก นักบิดลองสนามก่อน คือจะบอกว่าความเร็วที่เห็น ในสนามจริงๆ กับที่เรามองจากแสตน แมมเป็นคนละเรื่องกันเลย คือ มองไม่ทันแบบ วึ่มม แล้วก็หายไป ณ ตอนนี้ใจกุเริ่มฝ่อละ และก็เริ่มที่คนแรก 1 รอบสนาม 4.6km ใช้เวลา ไม่ถึง 2 นาที ผ่านไปทีละคน ใครลงมาเสร็จ ก็ตีมือๆ ให้กำลังใจเค้า ? ป่าว กุกระตุ้นตัวเองล้วนๆ และก็มาถึงคิว ครับ
             เริ่ม . . .
          พี่แกจะออกตัวไปช้าๆ คือ ช้าที่ว่านี้คือเป็นความเร็วที่ช้าที่สุด จากตลอดทั้งรอบในสนามนี้ ตีที่มือเรา 1 ครั้ง เพื่อบอกว่า อิสัส กุจะบิดแล้วนะ ลาก่อน ........ แล้วมันก็บิดไปเลย ยกล้อให้ด้วยกลัวกุได้                 ประสบการณ์ไม่ครบ จังหวะแรกคือไม่กล้าเอาตัวลงใกล้นักบิดมาก กลัวไปโดนมันแล้วมันเสียหลัก แต่พอไม่ติดพอเกิดช่องลม แมม ตัวจะปลิวเอา อิหมวกกันนอคก็รู้สึกเหมือนจะหลุดตลอดเพราะรั้งมาก หน้านี่เชิดเลยกว่าจะก้มลงมาคืนได้ ขาที่เหยียบอยู่ก็มีวืดหลุด พานิคสัสๆ จนพยายามกดตัวเองลงมา เก็บคอ ขาเหยียบและเข่านี่หนีบที่สุดเท่าที่ได้ คือช่วงแรกของสนามบุรีรัมย์ เป็นช่วงทางยาวซึ่งน่าจะเป็นความเร็วที่ทำได้สูงสุด 
         พอเก็บร่างกายพยายาม set เสร็จจะเริ่มเข้าถึงโค้งแมม เบรค ความเร็วที่ทำมาถูกชะงักในเวลาสั้นๆ คือก็ไม่ได้จับเวลาแต่สั้นแหละ ตัวแมมลอย คือถ้ามอไซต์อานเตี้ยกว่านี้หน่อยนี่ข้ามไปแนบชิดกับนักบิดแน่ๆ ตูดลอยไปจากเบาะ พยายามเอาลงมาซึ่งต้องอาศัยกล้ามท้องและแน่นอน ไม่มี พอตูดจะเริ่มลง มันให้สัญญาณ ซึ่งก็คือเค้าจะหันหน้าให้ดูก่อนเข้าโค้งว่าจะไปทางไหน ตูดยังไม่ทันจะติดแมมเลี้ยวแล้ว ณ จุดนี้ใจฟ่อเข้าไปอีก เพราะมันแค่ช่วงต้นไม่ถึง 1 ใน 3 ของสนาม กุนี่รน และผิดจากที่คิดไปมาก
         คือสิ่งที่เราเห็นจริงๆก็ไม่ใช่สนามหรอก ภาพ 70% จะเป็นหลังนักแข่งมากกว่า ซึ่ง ไม่ต้องเสียดายไปครับ ปกติเราไม่มานั่งคิดเรื่องนี้แน่นอน คือ ณ จุดนั้น ใครถามร้อนมั้ย เห็นอะไรยังไง  เข่าถึงพื้นมั้ย บอกเลยในหัวมีเรื่องเดียวคือ กลัว กังวล และ แมมเมื่อไหร่จะจบวะ เห็นคนอื่นวิ่งแปบเดียวทำไมตอนตรูนานแบบนี้ ตอนแรกกลัวทางโค้ง แต่ เอาจริงจุดที่พานิคสุดคือทางตรง พี่อัด กี่เกียร์ไม่รู้แบบ ตุ้ม ตู้ม ตู้มมม แล้วถึงโค้งแมมก็เบรคอย่างหน่วง โค้ง นี้ไม่รู้ว่าเข่าใกล้พื้นขนาดไหนแต่ที่รู้คือ หน้ามองพื้นชัดมาก เห็น ลวดลายขาวฟ้าสลับกันไปอย่างชัดเจน (ขอบถนน) เลี้ยวทีก็กังวล ภาพลอยมาคือรถไถล ออกไป นี่ตรูเอนได้ตามองศาพี่แกมั้ยวะ แล้วแมมเสื้อกมาหลุดไถลตอนเรา อิตอนเช้าฝนแมมก็เพิ่งตก ทั้งหมดนี้เป็นความคิดที่วิ่งเข้ามาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เร็วกว่ามอไซต์ในขณะนั้นที่สัมผัสได้ เอาเป็นว่า ความมั่นใจในความแข็งแรงของร่างกาย มลายหายไปเลย เรสเป็คนักแข่งทันที คือต้องแข็งแกร่งขนาดไหน แล้วทรงตัวดีเท่าไร ถึงทำมุมนั้นได้ และพยุงรถที่หนักกว่า 160kg ด้วยความเร็วแบบนั้น นี่ยังไม่นับตัวห้อยท้ายอย่างเราที่ เป็นภาระอีก แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเค้า คือ บอกเลยว่าเมิมคิดแต่เรื่องเมิมเถอะ เรื่องเค้าจะยังไงไม่ต้องกังวลมันซ้อนมาเป็นพันคนแล้ว ไม่มาฟลุคที่เราหรอก คิดว่า งั้นสติ สตังค์ เลยเถิดแน่ พอมานั่งนึกตอนนี้ก็ไม่ค่อยออกนะครับ จำได้ประมาณนี้รู้แค่ว่า มันคิดเรื่อง พวกนี้ไปมาเยอะมาก กุมาทำอะไรที่นี้ จะปล่อยมือดีมั้ย จะล้มมั้ยวะถ้าเอนผิด ใกล้พื้นไปแล้วสึส ไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะจบ อิสัสพากุลงที เมิมเอาเร็ว 80 ก็ได้ วกวนไปมา จำข้างทางไม่แม่น แต่ความรู้สึกค่อนข้างจำได้ จบ LAP ด้วยการ ยกล้อ พาขึ้นสู่ยอดเสา ก็ถือว่าเก็บครบทุกกระบวนท่า ยกล้อหน้า ล้อหลัง ขาดก็แต่ 2 ล้อพร้อมๆกัน ซึ่งนับว่า ดีที่ไม่มีเหตุการณ์นั้น . . .
        ลงรถมา ภาษาอังกฤษเดียวที่ คิดออกบอกมันคือ thank you , I LOVE U . และเมื่อเค้าถามว่า ชอบมั้ย เราบอก very much ,but not again. จะขอเจอเมิมทีเดียวนี่แหละ ครั้งหนึ่งในชีวิต และครั้งเดียวพอ ใครจะพาไปรอบ 2 นี่ ต้องเป็นเรื่องของการจ้างแล้วนะ แต่ครั้งนี้เป็นรอบแรก และ กราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีมาก มากๆ จริงๆ ขอบคุณโอกาส ขอบคุณบริษัท ขอบคุณตัวเอง และดวงดีโคตรๆที่ทำให้ได้ร่วมกิจกรรมจนได้ มันเป็นอะไรในชีวิต ที่สุดยอดของประสบการณ์ ที่อยากจะแบ่งปับ และคงเก็บไว้โม้ได้ตลอดชีวิต . . .

        คลิปใน instagram MotoGP เลย ลองชมดูได้ครับ https://www.instagram.com/p/B3UPMkwCbZN/?igshid=1semmipzbwt19&fbclid=IwAR0kLr0t_Qz9ci7n06PETnS0PsYc7XPM9Ms0EGEku_-KCABwGRMstd3w5-s


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in