เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดูแล้วอยากบอกต่อthefirstofmine
Die Tomorrow: คิดว่าการตายมีข้อดีไหม?
  • November 21, 2017




    DIE TOMORROW
    หนังใหม่ของ "เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์" 

    ในช่วงหลังๆ ของปีมานี้ เราได้อิทธิพลของคนรอบตัวต่อหนังของพี่เต๋อมาพอสมควร ตามไปดูหนังเก่าๆ ของพี่เขาด้วย อ่านบทสัมภาษณ์ บลาบลา แล้ววันนี้ก็ได้บัตร Die Tomorrow มา ก็เลยชวนน้องไปดูด้วยกัน



    ถ้าถามว่าเรารู้จักพี่เต๋อจากไหน? 
         ก็ต้องบอกว่าจากเพื่อนสนิทที่รบเร้าให้ไปดู "Mary is happy, Mary is happy" แล้วเราก็ชอบ (เราชอบหนังเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก) หลังจากนั้นก็ผ่านไปเรื่อยๆ พอได้ดู "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก..ห้ามรักหมอ" (จริงๆ เรื่องนี้ไปดูเพราะวี - วิโอเลต) แล้วก็ชอบ ชอบจนไปดูว่าใครกำกับ เสร็จแล้วก็พบว่า อ้าว ผู้กำกับคนนี้ เราก็เคยดูหนังเขาหลายเรื่องนี่นา รวมถึงโฆษณากับหนังสั้นด้วย อย่าง "มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนเกลียดเมธาวี", "Patcha is Sexy"

         แล้วจนมาช่วงกลางปีนี้แหละ ที่มีคนแนะนำเรา แล้วก็แนะนำบทสัมภาษณ์ต่างๆ ของพี่เต๋อให้ลองไปอ่านดู รวมถึงแนะนำหนังเรื่อง "36" (เรื่องนี้เราดูแล้วเราชอบนะ ชอบการดำเนินเรื่อง ชอบสี ชอบหลายๆ อย่างในเรื่องนี้ด้วยล่ะ เอาไว้ลองไปหาดูกันนะ) รวมถึงโฆษณาของยูนีฟ "400" ที่เพิ่งปล่อยไม่นานมานี้ (อันนี้ดูเพราะเห็นหลายๆ คนพูดถึงกันเยอะ แล้วก็ซอนย่าก็น่ารักมากด้วย) 

          และกลางปีนี้เช่นกัน เราเพิ่งรู้ว่าพี่เต๋อแกกำกับ MV เพลง "นักเลงคีย์บอร์ด" ของแสตมป์ (ปกติเราฟังแต่เพลง ไม่ค่อยดู MV แต่ MV เพลงนี้เราก็ดูนะ แต่ดูไม่มากเท่าไหร่) รู้สึกโคตรพลาดเลย เพราะเราชอบ MV เพลงนี้มากพอควร (โคตรเศร้า)



    ภาพเบื้องหลังของการถ่าย Die Tomorrow




    DIE TOMORROW

    เรื่องนี้ก็จะมีนักแสดงนำ ซึ่งหลายๆ คนเคยร่วมงานกับพี่เต๋อมาก่อนแล้ว 
    • ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ - เคยเล่นหนังกับพี่เต๋อเรื่อง "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย..ห้ามพัก..ห้ามรักหมอ"
    • รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล (พลอย) - เคยเล่นหนังเรื่อง "เราสองสามคน" และ "ห้องหุ่น"
    • วิโอเลต วอเทียร์ (วี) - เคยเล่นหนังสั้นกับพี่เต๋อเรื่อง "SCENE 37 " และหนังเรื่อง "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย..ห้ามพัก..ห้ามรักหมอ"
    • กัญญภัค วุธรา (พาย) - นักร้องนำวง My Life as Ali Thomas [มายพายยยยยยยยยยยยยคนเท่]
    • พัชชา พูนพิริยะ (จูนจูน) - เคยเล่นหนังกับพี่เต๋อเรื่อง "Mary is happy, Mary is happy"
    • ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย (เมโกะ) - เคยเล่นหนังกับพี่เต๋อเรื่อง "Mary is happy, Mary is happy"
    • มรกต หลิว (ต้นหลิว) - เคยเล่นโฆษณากับพี่เต๋อเรื่อง "Thank you for Sharing"
    • ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง (ออกแบบ) - เคยเล่นโฆษณากับพี่เต๋อเรื่อง "Thank you for Sharing"
    • กรมิษฐ์ วัชรเสถียร (ทราย) - เคยเล่นหนังกับพี่เต๋อเรื่อง "36"
    • สิราษฎร์ อินทรโชติ (ทู) - เคยเล่นหนังสั้นกับพี่เต๋อเรื่อง "Rompboy"
    • จรินทร์พร จุนเกียรติ (เต้ย) - เคยเล่นหนังสั้นกับพี่เต๋อเรื่อง "มั่นใจว่าคนไทยเกินหนึ่งล้านคนเกลียดเมธาวี" และ "โตไปไม่โกง"




    งานเพลงประกอบก็ดี ฟังเพลินดีนะ แล้วก็มีแผ่นเพลงด้วยนะจ๊ะ


    มี ARCHIVES ดับเบิลบุคเลต พิมพ์ 4 สี ขายด้วยนะ ในนั้นจะมีหนังสือ 2 เล่ม
         archives a. คือ การรวมภาพถ่าย-เอกสารของพี่เต๋อในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และบทความเกี่ยวกับต้นทางในการเขียนสคริปต์และเตรียมงานสร้างเรื่อง Die Tomorrow 
         archives b. คือ โฟโต้บุ้ครวมภาพถ่ายระหว่างถ่ายทำ และเท็กซ์ว่าด้วยแรงบันดาลใจด้านคอนเซปต์สำหรับฟอร์มและโครงสร้างของหนังเรื่อง Die Tomorrow



    เอาข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาจากเฟสบุคของพี่เต๋อมาฝาก ลองเข้าไปอ่านดู อ่านเพลิน สนุกดี

    เอาจริง อันนี้ก็อ่านเพลิน





    อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราได้บัตร Die Tomorrow มา แล้วเราก็รีบมาเลยวันนี้ แต่หาที่รับบัตรไม่เจอจ้า ... จนต้องไปถามเคาท์เตอร์ เขาก็บอกว่าเชิญชั้น 9 เลย พอขึ้นไปที่ชั้น 9 โอ้โห คนเต็มไปหมดเลยจ้า ทั้งผู้กำกับ นักแสดง บลาบลา ในใจก็คิดว่า เออ เจอวีคนเดียวก็พอแล้วมั้ง แต่ว่าหลังจากรับบัตรเสร็จแล้ว น้องก็ชี้ให้ดูพาย (เจอพายวันนี้ แล้ว Die Tomorrow ก็โอเค) นั่นแหละครับ เราก็เข้าไปคุยกับพาย อีกสักพัก พี่เต๋อแกก็ปีนเก้าอี้พร้อมกับหยิบโทรโข่งขึ้นมาประกาศว่าโรงมีปัญหา ต้องย้ายโรง... เราก็รอเรียกคิวไปสิ หลังจากนั้นก็ได้เข้าโรง ตามตารางมันจะต้องฉายตอน 20.00 น. แต่มีปัญหา ทำให้ได้ฉายจริงในเวลา 21.00 น. ก็นั่นแหละครับ ชีวิต 





    ระหว่างที่ดู เรารู้สึกว่าอารมณ์ของหนังมันประมาณ 36 + a ghost story (คนอื่นรู้สึกยังไงก็ขึ้นอยู่กับเขา ของเรามันเป็นอย่างงี้) ด้วยความยาวของหนังประมาณ 70 กว่านาที (ทุกคนสามารถรู้ความยาวของหนังได้ เมื่อเข้าไปดูในโรงเอง) และแบ่งเป็นซีนทั้งหมด 7 ซีน (ยึดตามที่พี่เต๋อแกบอกละกัน) มันก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าหนังมันไม่นานเลยสักนิด


    จากที่บอกไปว่า สำหรับเรา อารมณ์ของหนังมัน คล้ายกับ 36 และ a ghost story (เราโคตรชอบหนังสองเรื่องนี้เลย) มันเหมือนการอ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นขนาดสั้น หรือนั่งฟังเพลงสักอัลบั้ม เรื่องราวมันไม่ได้ต่อติดกันเป็นเรื่องเดียวกัน แต่มันอยู่ภายใต้เมนหลักเดียวกัน คือ Die tomorrow 






    เอาจริงๆ นะ หนังเรื่องนี้เราถูกสปอยล์มาตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว และพอได้เข้าไปดู ก็พบว่าแต่ละเรื่อง เราก็ถูกสปอยล์ตั้งแต่ต้นเช่นกัน ถ้าถามว่าทำไมถึงชอบ ก็เพราะมันถูกสปอยล์นี่แหละ ทำให้เราสนใจว่า พี่แกจะทำออกมาในรูปแบบไหน ทำในมุมมองแบบใด และเราจะโฟกัสไปกับหนังเรื่องนี้ในจุดไหน 


    นอกจากพาร์ทของการแสดงแล้ว เราก็ยังชอบในส่วนของสัมภาษณ์อีกด้วย ทั้งในมุมมองของเด็ก และของผู้ถูกสัมภาษณ์คนอื่นด้วย (ไปดูเอาเองนะ แต่เราชอบในระยะห่างของวัยระหว่างผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วยกันเอง) คำถามแต่ละคำถามที่ถามออกไป ทำให้เราย้อนกลับมาถามตัวเองเหมือนกันนะ ในคำถามเหล่านั้นด้วย อย่าง "อยากรู้ก่อนหรือไม่ ว่าตัวเองจะตายในวันรุ่งขึ้น" "คิดว่าการตายมีข้อดีไหม" "คิดว่าตายไปแล้วจะรู้สึกอย่างไร" ฯลฯ

     




    ดูจบแล้วสำหรับเราคือไม่ต้องคิดต่อเลย นอกจากว่า เราจะใช้ชีวิตในวันนี้ ณ ตรงนี้ ให้ดีที่สุดได้ยังไง (ใช้ชีวิตเหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้ายของตัวเอง) เราจะทำตรงนั้นให้มันดีได้ยังไง


    ตอนแรกว่าจะไปดูหนังเรื่องนี้เพราะพายและวี แต่ตอนที่นั่งดูหนัง ก็ไม่ได้สนใจสองคนนี้เลยสักนิด เพราะทุกๆ เรื่องในหนังเรื่องนี้ มันดึงดูดเราจนจมเข้าไปในหนังเลยล่ะ ตอนเรานั่ง เราก็ดูไปน้ำตาซึมไป แต่แอบเห็นบางคนในโรงนั่งสูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาป้อยๆ ด้วย เพราะงั้น ใครจะเข้าไปดูก็อย่าลืมพกผ้าเช็ดหน้าไปด้วยล่ะ




    อย่าลืมไปดู Die Tomorrow กันเยอะๆ นะ 

    ซื้อตั๋วได้ที่ SF Cinema

    ฉายจริง 23 พ.ย. เป็นต้นไป


    ฝากในเพจด้วยละกัน



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in