เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
based on true stroryLa Pipe
A year in 2016
  •       ถ้าพูดถึงเลข 16 .... เราว่าเราพูดพันกับเลขนี้มากๆเลยนะ ทั้งตอนมัธยมเราเลขที่ 16 เราเรียนจบมอปลายรุ่นที่ 16 เลขรหัศบัตรนักศึกษาเรามีเลข 16 ความเชื่อบ้าๆไรแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกว่าปี 2016 จะต้องเป็นปีที่วิเศษสำหรับเราเเน่เลยๆ

         เอาเข้าจริงๆ...เราว่ามันไม่ใช่เลย หากใครหลายๆคนนิยามปีนี้ว่าเป็น "การเปลี่ยนแปลง" คำนิยามของเรามันคงตรงข้ามกันเลยมั้ง...จะเปลี่ยน ก็ไม่ได้เปลี่ยน จะรุ่งก็ไม่ได้รุ่ง เราขอนิยามให้เป็นปีแห่ง "ความใหม่" งั้นขอให้เราเล่าให้ฟังดีกว่านะว่ามันเป็นยังไง


     January : เริ่มต้นปีด้วยการทำค่ายสร้างในจังหวัดแพร่ เป็นครั้งแรกที่เรากับเพื่อนที่คัดกันมา หากันได้ว่า เออเนี่ยะแหละทีมงานคุณภาพที่จะทำให้ 13 วันของเรามันออกมาแบบดีแบบเออให้ประทับใจทุกคน บอกได้เลยว่าเหนื่อย! แต่สนุกมากๆ เราเห็นเพื่อนๆในค่าย เห็นลูกค่ายที่สู้มาด้วยกัน เห็นเพื่อนที่เป็นประธานที่ตั้งแต่จัดค่ายกันมาตั้งแต่วันแรก นึกกี่ครั้งกี่ครั้งก็ดีใจเสมอมาได้ทำค่ายด้วยกันจนจบ พอมาถึง

    February : เดือนนี้เป็นที่เหมือนชีวิตจะสงบนะ แต่เอาจริงๆพอจบค่ายมา มันก็มีนั่นนี่นู่นมาให้กวนใจเสมอๆ จำได้ว่าเดือนนี้แม่งเป็นเดือนที่ค่อนข้างวุ่นวาย ไหนจะเรียน ไหนจะสอบ ไหนจะจัดบายเนียร์ ไหนจะแข่งอีก เดือนนี้แม่งเป็นเดือนที่แบบโคตรจะยุ่งเลย ยาวยันเดือนหน้าแหน่ะ แต่ข่าวดีคือเราได้ที่ฝึกงานจากการไปสัมภาษณ์เอง

    March : เดือนนี้เป็นเดือนเกิดเราเอง เดือนนี้จำได้ว่าเป็นไปอย่างเรียบง่ายนะ เด่วๆๆๆ ไม่ใช่สิ มันไม่ได้ เราจัดค่าย English camp ที่เป็นค่ายสุดท้ายแล้วในการเป็นคนจัด ทั้งไปเซอร์เวย์ คิดกิจกรรม วางสคริปต์ กำหนดกติกา บลาๆๆๆ นั่นแหละ เราทำเองในทุกๆขั้นตอนเลย แต่ก็มีเพื่อนๆช่วยในเกือบๆทุกขั้นตอนเหมือนกัน ไม่งั้นเราแย่แย่ พอสุดท้ายออกมาอย่างที่เราอยากให้เป็นก็โล่งใจไป พอมาถึง

    April : นับว่าเป็นเดือนที่สงบๆแหละ เราได้อ่านหนังสืออยู่บ้านสบายๆแบบชิวๆ แต่เอาจริงๆมีความรู้สึกว่าเมษายนที่ผ่านมาแม่งโครตรจะร้อนกวาทุกๆปีที่ผ่านมาเลยอ่ะ 55555 คิดงั้นไหม แม่งร้อนแบบจะตายอ่ะ 55555 แต่เอาจริงๆนะ

    May : ของจริงมันคือเดือนนี้แหละ เราต้องสอบไฟนอลที่เยอะและยากที่สุดในการเรียนนิติอ่ะดิ สอบแต่ละตัวเราจำได้ว่าเราเศร้ามาก เราอ่านหนังสือไปร้องไห้ไป เราได้เซคชั่นที่โหด และเป็นตำนานมากๆ เรียกได้ว่าแทบทุกตัว'คนตกมากกว่าคนผ่าน นี่สิต้องของจริง เราเลยรู้สึกว่าแบบเครียด เครียด และเครียดมากๆๆๆ อ่านหนังสือถึงแม่งโน่นอ่ะ ตี 4 ตี 5 นึกแล้วก้เหนื่อยแทนตัวเอง ใช้ร่างกายได้พังแบบพังมากกก ากขอโทษด้วย

             ชีวิตครึ่งปีแรก ถ้าไม่นับการทำค่ายกับสอบไฟนอล มันคงเป็นอะไรที่ดูแล้วมีสีสันแบบพอประปราย เหนื่อยบ้าง มีงานใหญ่ๆบ้าง แต่ก็สนุกนะเพราะมีเพื่อนทำด้วยตลอดทุกๆงาน เราได้เพื่อนสนิทจากการทำกิจกรรมและได้รู้จักคนใหม่ๆตลอดเวลา 


      แต่เรื่องราวของครึ่งปีหลังก็น่าประทับใจไม่แพ้กันนะ ..... และก็น่าเศร้าไม่แพ้กัน

     
    เชื่อสิ
    ไม่มีใครอยากเจอหรอก...ความผิดหวังอ่ะ



    June : ครึ่งปีแล้วสินะ เราเริ่มต้นเดือนให้ด้วยการกลับมาบ้านแล้วพักผ่อนโดยมีเวลาพักแค่ 1 วัน เพราะ เราจะต้องไปึกงานที่ law firm (ไปอ่านได้ในอีเรื่องนึงนะ) ซึ่งเราต้องตื่นตี 5 กลับบ้านเกือบเที่ยงคืนทุกวัน เพราะบ้านเราไกล รถติดและเลิกดึกมากๆ เราโดนแม่ด่าเกือบทุกวันเพราะเข้าใจว่าเราหนีเที่ยว ให้ตายเถอะ 555555555 โดยที่เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆมากมาย ได้รู้จักการทำงานกฎหมายแบบจริงๆ ทำตั้งแต่ถ่ายเอกสารยันไปศาลจริงๆ น้อยคนที่จะมีโอกาศแบบนี้ ที่สำคัญเรายังได้เงินเดือนที่เรามองว่าเป็นค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆที่เราสามารถหาเงินมาได้เองโดยที่ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ นั่นสิ...ได้เงินมาเป็นก้อนที่เรานำมาทำอะไรได้เยอะมากมายเลย ยิ่งไปกว่านั้น

    July : เรายังคงฝึกงานต่อ และเดือนนี้ก็เป็นเดือนสุดท้าย แป๊ปๆเองนะ เราก็ก้าวมายังเดือนสุดท้ายพอดีแหละ อีกทั้งเดือนนี้เราต้องทำงานใหญ่ๆมากมาย ทำงานให้ลูกความต่างชาติที่ต้องทำงานเป็นภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่นะจริงๆแล้ว แต่เราก็ต้องไปสอบซ่อม !! หลังจากที่เราดันพลาดสอบตกตั้งแต่เทอม 1 อีกด้วยน่ะสิ ....และแล้วความพีคก็มาถึง

    August : เดือนนี้เป็นเดือนที่เต็มไปด้วยความหวังและความผิดหวัง เราฝึกงานเสร็จแล้ว เราได้เงิน ได้เพื่อน ได้รุ่นพี่ ได้ตักตวงความรู้และสิ่งดีๆกลับมาเยอะแยะเลย.....พอเปิดเทอมเราได้ทำงานพิเศษที่คอมมอนคณะ และเราก็วางแผนไว้ว่าจะลงสมัครสอบตั๋วทนายและลงทะเบียนให้จบ 3 ปีครึ่ง เพื่อที่จะเอาเวลาเดือนกุมภาปีหน้าไป wwoof ที่ญี่ปุ่น และช่วงปีหน้าเราลงสมัครไป work and travel ที่ดีสนีย์ที่เมกา ... ฟังดูมันไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรใช่มั้ย ทั้งๆที่คะแนนเรากำลังดี เราอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบไปเยอะมาก เรามั่นใจแบบเตรียมเฮได้เลยว่าต้องผ่าน แล้วอีกทั้งทักษะด้านภาษาเรา กับไอเรื่องการคัดเลือกนี่ธรรมดามาก เรามั่นใจมาเสมอ ทำให้เราต้องโดดรับน้องโต้ะซึ่งมีแค่ปีละครั้งที่เรา้องไป แต่เราไปสัมภาษณ์เพราะคิดว่ายังไงมิกกี้เมาส์ก้รอเราอยู่..... เงินพร้อม กายพร้อม ภาษาพร้อม ใจพร้อม ยังไงมันก็ต้องได้ดิวะ แต่พอผลออกมา....เราสอบไม่ผ่านเลย เราช็อคมาก เราอ่านหนังสือมาดีมาก มั่นใจมาเสมอ วินาทีนั้นแม่งโคตรเหมือนกับโลกมันหยุดหมุนไปแบบหยุดไปเลย และผลดีสนีย์ออกมาว่า'เสียใจด้วยค่ะ น้องไม่ผ่าน....มันเลยทำให้เราไม่สามารถจบ 3 ปีครึ่งได้ เราต้องลงเรียนใหม่ เราต้องสอบใหม่ เราไม่ได้ไปรับน้อง เราไม่ได้ไป wwoof เราไม่ได้ไปเมกา เราไม่ได้ลงเรียนเนติ เราไม่ได้สอบตั๋วทนาย ............ วันนั้นเรากลับหอด้วความเศร้าแบบขนาดที่เรายิ้มแล้วเพื่อนยังดูออกเลยว่าทำไมเรายิ้มแต่ปาก แต่ตาเราไม่ยิ้มออกมาด้วย :( เราทั้งอาย ทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ  แต่เราก็เื่อนะว่า ฟ้าหลังฝนมันสวยงามเสมอ

    September : พอเราผิดหวังเสียใจ ทำให้เราต้องออกเดินทางและที่สำคัญ...เราไปคนเดียว ครั้งแรกเราตัดสินใจจะไปเชียงใหม่เพื่อไปเยี่ยมเพื่อนสนิทเราก่อน เราไปพักใจกับเพื่อน นั่งคุยกันบ้าง นอนคุยกันถึงเรื่องอนาคตต่างๆ เราปรับทุกข์กับเพื่อนแต่มันก็ยังไม่สะใจ เราขับรถมอไซค์ท่องไปทั่วๆจังหวัด สนุกดีนะ เราร้องเพลงไปด้วย เหนื่อยก็พัก เหนื่อยก็ถายรูปเพลินดี ..... แต่มันยังไม่พออ่ะดิ จริงๆแล้วววันนั้นที่เราทราบผลสัมภาษณ์ว่าไม่ได้ไปแล้ว เรากลับมาบ้านกดจองตั๋วเครื่องบินไปเวียงจันทร์ทันที และกำหนดเดินทางคืนหลังจากกลับเชียงใหม่ทันทีนั่นเอง ! ไปแบบไปตายเอาดาบหน้าทริป 555555555 อิผี ! แผนก็ไม่ได้วางอาศัยวอคอินเอา ค่ำไหนนอนนั่น เป้าหมายคือได้ไปโดดน้ำที่ blue lagoon ที่วังเวียงพอและ แต่เราได้มากกว่านั้น ... เราได้เพื่อนจากคนในทัวร์ มีไกด์คนที่ไทยพักที่เดียวกันช่วยเหลือ มีคนลาวใจดีๆคอยช่วยเหลือดีนะ เรียนรู้ที่จะทำอะไรคนเดียว เรียนรู้ที่จะเที่ยวคนเดียวเป็น และเปิดประสบการณ์ที่เราไม่เคยได้ทำที่ไหนมาก่อน โดยเฉพาะความรู้สึกตอนนั่งเครื่องบิน....มันเหมือนเดิมทุกครั้ง ตื่นเต้นทุกครั้งที่เครื่องจะ take off และ landing ชอบจริงๆ

    October : เราไปเที่ยวกาญจน์ต่อและพร้อมกับทำงานพิเศษไปด้วย เราได้กลับไปเจอพี่ๆที่บริษัท ได้ไปเจอเพื่อนๆอีกครั้ง ไปพักผ่อน แ่น้ำพุร้อน ล่องแพ เล่นน้ำ สนุกดีนะ ได้รู้จักผู้ใหญ่หลายๆคนที่คอยเมตตาเราอีกด้วย ทำให้เราได้กลับมาตั้งหลักใหม่กับชีวิตและหาแง่ดีๆของมัน แต่ในขณะเดียวกันเราได้ทำงานหนังสือที่เราเคยอยากทำโดยการยืนตลอดทั้ง 12 วัน แต่เราก็ชอบนะ หรือเพราะมีเพื่อนร่วมงานดีด้วยแหละเลยคิดว่ามันไม่เบื่อ แต่ก็มีข่าวของในหลวงรักาลที่ 9 ที่ทำให้โลกถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะเลยก็ได้

    November : เดือนนี้เราได้อยู่กับตัวเอง กับตัวเองจริงๆ เราไปอ่านหนังสือคนเดียว เรียนคนเดียวบ้างบางวิชา เราเดินเล่นในมอคนเดียว เรากินข้าวคนเดียว ออกกำลังกายคนเดียว ฟังๆดูเหมือนจะเหงานะ แต่กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่เลยสักนิด เราได้ตามใจตัวเองบ้างและได้เรียนรู้ว่าความสุขเล็กมาจากตัวเรานี่แหละที่จะให้ค่าของมัน

    December : และแล้วบทสุดท้ายก็มาถึงสักที พรุ่งนี้ก็จะเป็น....ไม่สิ วันนี้สิ ตอนนี้ตีหนึ่งกว่าแล้ว เดือนนี้เราสอบไฟนอล 6 ตัวเลย หนักเหมือนกัน ซึ่งเราก็ทำไปเต็มที่แล้วก็หวังว่า เราจะไม่ผิดหวังนะ เราไม่อยากไปซ่อม เราอยากเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ เอาจริงๆเหอะ ขอเหอะ ! 

    สำหรับปี 2016 เลยนะ....เป็นปีที่ผิดหวังมากที่สุดในชีวิตเราเลย เราเหนื่อย เราร้องไห้ เราเศร้า ... แต่ก็ไม่ได้ตลอดไปหรอก แต่มองอีกบางมุมมันก็ทำให้เราได้เห็นจริงๆว่าเวลาที่เราแย่ มีใครที่เหลืออยู่ข้างเราบ้าง เรามีพ่อแม่ เรามีปู่กับย่า เป็นกำลังใจหลักๆ เรามีเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจ อยู่ด้วยและเข้าใจเราสเมอมา 

        เรารู้สึกว่าสังคมของเราในปี 2016 มันแคบลงนะ เพื่อนที่เคยๆรู้จักก็หายไปบ้าง เราอาจจะทำเขาหล่นหายไปในชีวิตด้วยแหละ หายไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือเขาไม่คิดจะกลับมาด้วยมั้ง .... แต่ยังไงก็ตามสังคมที่แคบลง ก็จะเหลือแต่คนที่มีคุณภาพ ช่วยเหลือกัน เราช่วยเหลือเขา เขาช่วยเหลือเรา เราดีใจสำหรับคนทีี่ยังอยู่กับเรานะ 

        สุดท้ายแล้ว เราเองก้ทำ New year's resolution ไว้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งก้ต้องนับว่าทำได้มากกว่าครึ่งก็โอเคนะ ทั้งได้ไปแบ็คแพ็คทั้งในไทยและตปท. ได้หาเงินถึงครึ่งแสนเองด้วย ได้ทำพาสปอตใหม่ ซื้อกล้องด้วย เก็บเงิน จะว่าไปคงไม่มีปีไหนที่แย่ทั้งปีหรอก อย่างน้อยก้ไม่ทุกวัน ยังไงสำหรับปี 2017 ก็ขอให้อะไรๆดีขึ้น ไม่ผิดหวังเหมือนปีนี้ก็พอ ...... ถึงยังก็ สวัสดีปีใหม่นะครับ  Bon nouvel an !!!


    Ps. 2017 New year's resolution : เรียนจบ รับปริญญา ได้ทำงานมีเงินเดือนเป็นของตนเอง สอบตั๋วทนายผ่าน ซื้อกล้องถ่ายรูป และสอบเนติผ่านอย่างน้อย 1 ขา  



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in