เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องสั้นจากฉันถึงเธอJ A R O
คนแปลกหน้าในคืนวันจันทร์
  •             วันนี้ฉันเลิกงานดึกเป็นพิเศษ เพราะต้องอยู่ช่วยรุ่นพี่ที่ทำงานทำโอที ให้ตายเถอะ.. มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันเลยสักนิดเดียว แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธอะไรได้เลย นอกจากจำยอมต้องทำตามน้ำไปเรื่อย ๆ กว่าจะเสร็จก็เกือบ ทุ่ม ..ชีวิตสาวโสดในกรุงเทพมหานครฯ เมืองหลวงของประเทศไทยที่มีผู้คนวุ่นวายอยู่ทุกวินาที ไม่มีเลยสักช่วงที่จะสงบ แม้แต่ในยามค่ำคืนก็ยังคงมีรถสัญจรให้เห็นขวักไขว่ตามท้องถนน มองไปทางไหนก็มีแต่ความรู้สึกอึดอัด เบื่อ’ เป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองฉันทุกชั่วโมง 


                “ขอบคุณมากนะฟ้า ช่วยพี่ได้เยอะเลย” พี่ข้าวเอ่ยปากขอบคุณยกใหญ่หลังจากที่ปิดคอมและเก็บของเตรียมออกออฟฟิศเสร็จ “ไม่เป็นไรค่ะพี่” ฉันยกยิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ว่าพี่ข้าวเองก็เหนื่อยที่ต้องมาทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ อย่างนี้ ลองคิดดูสิ ถ้าหากไม่มีฉันยืนอยู่ตรงนี้ พี่เขาก็คงต้องนั่งทำอยู่คนเดียวเป็นแน่ เพราะเท่าที่สังเกตมา ฉันก็พอจะรู้อยู่ว่าพี่ข้าวเข้าไม่ค่อยได้กับคนในออฟฟิศ แต่อันที่จริงฉันเคยได้ยินคนในออฟฟิศนินทาพี่ข้าวให้ฟังอยู่เหมือนกัน

                “ไม่เป็นไรค่ะพี่ อย่างน้อยพี่จะได้ไม่เหนื่อยคนเดียวไงคะ” ฉันเอ่ยปากตอบรับคำขอบคุณ อย่างน้อยถ้าพูดไปแบบนี้หล่อนน่าจะสบายใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เอาเถอะ ถึงอย่างไรเสียก็ใช่ว่าจะได้ทำดึก ๆ อย่างนี้ทุกวันซะที่ไหน อีกอย่างคงเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ฉันจึงยอมอยู่ดึกด้วย ฉันยิ้มให้พี่ข้าวอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกมาเพราะกลัวไม่ทันรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้าย 

                

                “ครืน คึกๆ..” เสียงรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้ายดังไปทั่วบริเวณก่อนจะออกไปมุ่งหน้าไปยังสถานีต่อไป ตอนนี้ฉันเข้ามายืนอยู่บนรถไฟฟ้าแล้ว ก้มมองดูนาฬิกา 22:00 สถานีข้างหน้าฉันจะได้พบกับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เขามักจะขึ้นรถไฟฟ้าทุกวันจันทร์ตอน ทุ่ม ที่สถานีสนามเป้า และจะลงสถานีก่อนหน้าฉันไป สถานี ตอนแรกฉันก็ไม่ทันได้สังเกตอะไร แต่ทุกวันจันทร์ มักเป็นวันที่มีเหตุให้ฉันต้องกลับดึกเสมอ มันจึงทำให้ฉันเริ่มสังเกต เพราะทั้งขบวนมีเพียงแค่ไม่กี่ 10 คน แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่ใส่เสื้อตัวเดิม สีเดิม สะพายกระเป๋าแบบเดิม ถือร่มคันเดิม และสวมหน้ากากอนามัยสีดำเสมอ ในทุกวันจันทร์ 


                 ฉันเจอเขาทุกวันจันทร์มาได้ประมาณเกือบปีแล้ว ฉันคิดว่าเขาคงไม่รู้ว่าฉันคอยสังเกตเขาอยู่ ฉันไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นเค้าจะกำลังยิ้มอยู่หรือทำหน้านิ่ง ๆ อยู่ แต่วันนี้แววตาของเขาดูเหนื่อยกว่าทุกวัน ฉันอยากถามเขาว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทำงานมาเหนื่อยหรือเปล่า แต่ฉันก็ทำได้เพียงถามคำถามในใจ ฉันเลือกจะลุกขึ้นยืนเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ใกล้เขาขึ้นมาอีกหน่อย แต่ยังคงเว้นระยะห่างไว้อยู่ .. รถไฟฟ้ายังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ สถานีแล้วสถานีเล่า อีกไม่ถึง สถานีเขาก็จะลงแล้ว ฉันเหลือบไปมองเขา เหมือนเป็นการทักทายทางสายตา ในขณะที่เขาก็เหลือบมองฉันเช่นกัน ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่จะเริ่มทักทายใครก่อนเพราะมันน่าอายเกินกว่าจะพูดออกไป อีกอย่างเขาอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงโรคจิตก็ได้ ฉันรีบหลบสายตาก่อนที่เขาจะรู้ว่าฉันมองเขา 

                

                ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงรู้สึกเบื่อกับทุกวัน ที่ต้องนั่งรถไฟฟ้า แล้วยังต้องต่อวินมอเตอร์ไซน์เพื่อกลับห้องพักอีก แต่อย่างน้อยปีที่ผ่านมาฉันรู้สึกเหมือนในทุกวันแรกของการทำงานของทุกสัปดาห์ ฉันจะได้เจอกับเพื่อนที่ฉันไม่รู้จัก และมันน่าสนุกกับการรอคอยใครสักคน บางทีฉันก็คิดว่าคนแปลกหน้าคนนี้เป็นเพื่อนที่คอยมาส่งฉันที่บ้านในทุกคืนวันจันทร์ แม้ฉันจะไม่รู้จักเขา ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ หรือน้ำเสียงของเขา แต่ฉันกลับรู้สึกสบายใจทุกครั้งเวลาที่พบเจอ เหมือนกับว่าวันนี้ฉันไม่ได้กลับบ้านตัวคนเดียว 


                แต่น่าแปลกวันนี้เขาไม่ลงสถานีที่เขาลงเป็นประจำ แต่เขากลับลงสถานีเดียวกับฉัน .. ฉันค่อย ๆ เดินลัดเลาะทางลงมาริมถนน เพื่อเดินไปหน้าปากซอยและเรียกวินมอเตอร์ไซน์ “ตึก..ก.. ตึก..” เสียงฝีเท้าจากด้านหลังของฉันเดินหยุด เดินหยุดเป็นจังหวะ ราวกับกำลังมีใครสักคนเดินตามหลังฉันอยู่ ฉันหันกลับไปมองและฉันก็เจอเขา ชายแปลกหน้าคนนั้น เขาจ้องมองมาที่ฉัน และนั่นทำให้ฉันรู้สึกกลัว ฉันเริ่มก้าวขาเร็วขึ้น เร็วขึ้น.. จนกลายเป็นเริ่มวิ่ง “ตึก.. ๆ ๆ” เสียงฝีเท้าที่ตามมาก็วิ่งตามฉันเร็วขึ้นเช่นกัน “กรี๊ด!” ฉันร้องก่อนจะ สะดุดล้มลงหน้าฟุตบาท รองเท้าส้นสูงของฉันหัก ในขณะที่ฉันกำลังพยุงตัวขึ้น “ฉึบ! ฉันก็สัมผัสได้ถึงของแข็งที่แทงทะลุจากด้านหลังโผล่มาที่ท้องของฉัน “ฉึก!” ของแข็งนั้นถูกชักออกไปอีกรอบพร้อมกับแทงเข้ามาใหม่จากด้านหลัง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดหลังจากที่มีดปลายแหลมถูกดึงออก และยังคงไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ฉันไม่มีแรงพอจะกรีดร้อง .. “กรี๊ด!!!! มีคนแทงผู้หญิง! มีเสียงของคุณป้าคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกฝั่งของถนน ฉันล้มตัวลงนอนนาบไปกับพื้น ก่อนที่เปลือกตาฉันจะปิดลง ฉันเห็นรองเท้าคู่เดิมคู่นั้น ที่ฉันเห็นมาเกือบปีกำลังวิ่งเหยียบรอยเลือดของฉันวิ่งหนีไป 

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in