เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Learning mealLOTUS
Learn meal with P'Dora
  • พี่ดอร่าเป็นใคร?? 
    ตอนแรกเรารู้แค่ว่าเขาเป็นนิสิตเก่าบัญชีอินเตอร์จุฬาที่ตอนนี้ทำงานหลายอย่างในด้านการศึกษา

    เรารู้แค่นั้นจริงๆ ตอนแรกนะ

    ต่อมาพอเราหาประวัติพี่เขาเพิ่ม เราก็ประหลาดใจจนคิดกับตัวเองว่า 
    คนเรานี่สามารถทำงานได้หลายบริษัทขนาดนี้เลยหรอวะ??
     
    พี่ดอร่าทำงานที่ 3บริษัทในหลายๆตำแหน่ง
    (Sontora nakama,Learn corparation,skooldio)
    กับเป็นอาสาสมัครให้กับอีกหลายองค์กร

    ด้วยความที่เห็นว่าพี่เขาเป็นคนทำหลายงานอย่างนี้
    เราเลยคิดภาพว่าพี่เขาน่าจะเป็นคนจริงจัง เคร่งขรึม นิดๆ และมีความ splendid ตามประสา working women ที่ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ (มโนเอาจากรูปที่หาในgoogle)

    ปรากฏว่าผิดถนัดเลยจ้า
     
    พี่เขาเป็นคนที่เป็นกันเองมากกกกกกและมีอารมณ์ขันเหลือเฟือ ซึ่งเราจะเห็นได้จากวิธีพูดจาและตอนที่พี่เขาถูกใจอะไรแล้วหัวเราะแบบปากกว้างโดยไม่สนใจใจภาพลักษณ์ใดๆ  (ดูจริงใจดีเราชอบ)

    ส่วนความประทับใจแรกจริงๆเมื่อเราเห็นหน้าพี่เขาคือ ดูเป็นคนที่ใจดีโดยธรรมชาติ
    มันเป็นออร่าที่อยู่รอบตัวพี่เขาที่ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น

    จากการที่ได้คุยกับพี่เขาเป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมงกว่าก็ยิ่งยืนยันในความประทับใจแรกพบของเราว่าพี่เขาเป็นคนที่ใจดีมากจริงๆ  คำว่า "ใจดี" ในที่นี้หมายถึงคนที่พยายามทำความเข้าใจและมองหาด้านดีๆในคนอื่นแม้คนๆนั้นจะทำเรื่องที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจเพียงใดก็ตาม

     เห้ยยย นี่แหละ มันเป็นลักษณะดีงามของหัวใจที่จะมองข้ามประตุรั้วที่หักพังและเอาใจใส่แต่เฉพาะดอกไม้ที่สนามหญ้าถัดจากประตูนั้น 

    มัันเป็นคุณลักษณะทีี่ทำให้เราใส่ใจคนอื่นมากกว่าตัวเองอีกทั้งให้อภัยคนอื่นได้ง่ายขึ้นเพราะเราเข้าใจ "เหตุผล" ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนั้น

    เราคิดว่าเป็นเพราะลักษณะที่ดีงามของหัวใจเช่นนี้เองที่ทำให้พี่ดอร่าเป็นคนที่มีทัศนคติเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่ามนุษย์ทุกคนมีศัฒยภาพที่ดีอยู่ในตัวและจะสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้เพียงแต่ได้รับ "การศึกษา" ที่ดีขึ้น

    (ดูเขียนอวยพี่ดอร่าเว่อเนอะแต่เราคิดว่าคนที่passionในการทำงานที่ช่วยพัฒนาคุณภาพคนได้แบบพี่เขามันต้องมีความดีงามของหัวใจเป็นพื้นฐานจริงๆน่ะแหละ)

    และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่พี่ดอร่าได้ตัดสินใจอุทิศตนทำงานเพื่อพัฒนาด้านการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อที่จัดการปัญหาด้านการศึกษาหลายๆอย่างที่ยังแก้ไม่ได้ในปัจจุบัน


    มาดูกันดีกว่าว่าพี่ดอร่าพูดถึงการศึกษาไทยไว้ในแง่มุมไหนบ้าง



  • "ในฐานะที่พี่เรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่ดีมากตอนมัทยม เวลาที่นักเรียนทำอะไรผิด ครูโรงเรียนอินเตอร์จะถามว่า 

    ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้?
    คิดว่าทำอย่างนี้มันดีตรงไหนบ้าง?
    ครูคิดว่าทำแบบนี้น่าจะโอกว่านะ?

    ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนคิดด้วยตัวเองโดยที่ครูจะไม่ลงไปตัดสินว่าถูกหรือผิด  
    ต่างจากครูบางประเภทที่จะว่านักเรียนเมื่อทำไม่ถูกและสั่งให้ทำตามที่เขาเห็นว่าถูก 
    โดยทำให้นักเรียนกลัวที่จะทำผิดและไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิดเองว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นจริงๆแล้วถูกหรือผิด "
     
    "น้องรู้ไหมว่าปฏิกริยาตอบสนองของอาจารย์ทั้งสองที่มีต่อการที่นักเรียนทำผิดพลาดนั้นสามารถปลูกฝังแนวคิดสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงให้กับเด็กๆในโรงเรียน"

    "สิ่งที่อาจารย์โรงเรียนพี่ทำนั้นมันคือการสร้าง growth mindset ซึ่งคือการทำให้เด็กไม่กลัวที่จะผิดพลาดและสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้น 
    เพราะเราทำให้เขารู้สึกว่าการทำผิดไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรและเราสามารถแก้ไขจากตรงนัั้นได้ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาตัวเองในระยะยาว
    ในขณะที่อาจารย์ที่ตำหนินักเรียนนั้นกำลังสร้าง fixed mindset ที่ว่าถ้าคุณทำผิดคุณก็ล้มเหลวไปเลย ซึ่งทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาและไม่กล้าเสี่ยง"


    พี่ดอร่ายังพูดเสริมอีกต่อไปว่า

    "พี่ว่านะเพราะอย่างนี้แหละถึงทำให้การศึกษาไทยทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้กลัว 
    ทำให้เด็กไม่กล้าออกมาทำตามสิ่งที่ต้องการจริงๆเพราะกลัวล้มเหลว"

    คงไม่ต้องบอกว่าในฐานะเด็กที่อยู่ในระบบการศึกษาไทยมากว่า 16 ปี เราโคตรเห็นด้วยกับประโยคนี้

    เราเห็นจริงๆว่าถ้าเทียบกับเด็กฝรั่งเด็กไทยยังไม่กล้าทำตามที่หัวใจเรียกร้องเพราะกลัวแพ้ กลัวล้มเหลว เลยไม่กล้าเสี่ยง
    เพียงแต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าอะไรทำให้เด็กๆมีแนวคิดแบบนั้น

    หลังจากฟังพี่ดอร่าพูดเราถึงได้เข้าใจว่า ที่แท้ปัญหานี้มันมีที่มาส่วนหนึ่งมาจากวิธีการสอนในระบบการศึกษาไทยและส่วนหนึ่งก็มาจากแนวคิดของอาจารย์ด้วยนี่เอง

    และยังมีในประเด็นที่ว่านักเรียนไทย(ส่วนใหญ่นะไม่ใช่ทุกคน) คิดแบบ critical thinking ไม่เป็นและมี poor practical skill ตอนที่ทำงานจริงๆด้วย


  • ทำไมการศึกษาไทยถึงสร้างให้เด็กเป็นแบบนั้นไปได้???

    จากมุุุุุุุุมมองของเรานะ ( ถ้าผิดถูกไงก็ขอโทษเด้อ) 

    เราคิิิิดว่าการศึกษาไทยยััังมีีลัักษณะของระบบการศึกษาแบบเก่าที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดแรงงานให้มีความรู้และทักษะในการทำงานนั้นๆดังนั้นระบบการศึกษาแบบนี้จะเน้น 
    "การสอนแบบท่องจำ" มากกว่าจะสอนให้คิดสร้างสรรค์ ทัั้งนีี้เพื่อผลิตคนที่มีความรู้ในอาชีพและทักษะในการทำงานเท่านั้น 

    แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การศึกษาในปัจจุบันควรให้เรามากกว่าความรู้ในอาชีพนัั้นแต่ควรจะเน้นไปที่การปลูกฝัง "mind set" (ทัศนคติที่ดี) ที่ดีให้กับเด็กๆทุกคนที่เข้ารับการศึกษาและสนับสนุนความเป็นปัจเจกชนเพื่อให้เด็กแต่ละคนได้เป็น" the best version of themselves"(เป็นตัวเองในแบบที่ดีสุด)จริงๆ 

    การได้เป็นตัวเองในแบบที่ดีสุดนั้นหมายถึงเด็กๆเหล่านั้นได้รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบและถนัดอะไรอีกทั้งได้พัฒนาความสามารถตรงนั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพโดยอาศัยความช่วยเหลือของระบบการศึกษา

    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าระบบการศึกษาไทยยังไปไม่ถึงจุดนั้น(หรืออาจจะยังไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ)
    วัฒนธรรมการสอนแบบท่องจำและตัดสินโดยให้คะแนนนั้นได้สร้าง mindset ที่หวาดกลัวความล้มเหลวและทำลายความเป็นเอกลักษณ์ของนักเรียนแต่ละคนไปหมดสิ้น

    เนื่องจากการตัดสินโดยให้คะแนนนั้นทำให้เกิดแนวคิดของคนส่วนใหญ่ว่า

    เด็กเก่งและประสบความสำเร็จ = ได้คะแนนดี 

    ทั้งๆที่เด็กที่ได้คะแนนไม่ดีอาจจะเก่งในด้านอื่นก็ได้
    เพียงแต่ระบบการเรียนการสอนและการประเมินผลแบบนี้ไม่เหมาะกับพวกเขาเท่านั้นเอง

    แต่เด็กที่ได้คะแนนไม่ดีส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดหรอกว่าตังเองอาจจะมีดีด้านอื่น 
    แต่เด็กพวกนี้จะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง
    ซึ่งนั่นยิ่งทำให้พวกเขาค้นพบตัวเองได้ยากขึ้นไปอีก(ทั้งๆที่ตอนแรกก็ยากอยู่แล้ว)

    *อนึ่งที่เขียนมาเป็นแค่ความคิดเห็นของเราเฉยๆและเราหมายถึงแค่ส่วนหนึ่งของระบบการศึกษาไทยไม่ใช่ทั้งระบบ*


  • แล้วพี่ดอร่ากัับทีมที่มีอุดมการณ์เดียวกันทำยังไงเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้??

    ฟังจากที่พี่ดอร่าอธิบายผสมกับที่ได้ไปอ่านเพิ่มเติม เราเข้าใจว่า ตอนนี้พี่เขากำลังทำบริษัทที่สร้าง product อันสามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาสิ่งที่ไม่มีในระบบการศึกษาไทยได้ 

    เช่น บริษัท Learn corparation ที่มีโรงเรียนสอนพิเศษชื่อดังอย่าง on demand ซึ่งสามารถสอนความรู้ในสายวิทย์ คณิตกับเด็กๆ(ให้เข้าใจง่ายกว่าที่เรียนในโรงเรียน) และอื่นๆที่เราอาจจะไม่ค่อยคุ้น เช่น  skooldio ที่สอนสกิลหลายๆอย่างให้กับคนวัยทำงานรุ่นใหม่ เป็นต้น

    จริงๆคือเรารู้สึกว่ามันดีมากเลยนะที่ได้เห็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาการศึกษามารวมตัวกันแล้วสามารถสร้างบริษัทที่พัฒนาการศึกษาไทยได้ในทางใดทางหนึ่งได้จริงๆ (ถ้าใครที่เคยเรียนจะรู้เว้ยว่ามันเวิร์กอยู่)


    ดีใจก็ส่วนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามลึกๆเราหวังว่าเราจะไม่ต้องมาเรียนระบบการศึกษาทางเลือกแบบนี้


    เราหวังมากกว่าที่จะเห็นอนาคตการศึกษาไทยที่รัฐบาลจัดให้กับนักเรียนนั้นมีคุณภาพเท่ากับระบบการศึกษาที่พี่ๆในบริษัท Learn corparation จัดให้กับพวกเรา

    ซึ่งเราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ไกลเกินเอื้อมเว้ย การเกิดขึ้นของ Learn corporation เป็นหลักฐานอย่างดีที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

     สิ่งที่เราต้องการคือคนจำนวนมากกว่านี้ที่เห็นความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาจริงๆ และคนเหล่านั้นรวมถึงตัวเราจะต้องร่วมมือกันเพื่อเรียกร้องและช่วยพัฒนาระบบการศึกษาดีๆที่ควรได้จากการจ่ายภาษีของพวกเรา

    ใช่ มันเป็นงานยากมากบางทีอาจจะยากกว่าตั้งบริษัทซะอีก

    และใช่ มันจะใช้เวลานานมาก ไม่แน่อาจจะนานกว่าชีวิตของเราเสียอีก

    แต่มันก็คุ้มค่านะเพื่ออนาคตลูกหลานของพวกเราที่เขาจะได้มีโอกาสเข้าถึงระบบการศึกษาดีๆที่รัฐจัดให้

    จริงไหมล่ะ?

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in