เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FactographySuparada Fuangfu
หมากฝรั่ง
  • "มึงไม่จำเป็นต้องวิ่งเข้าไปให้มีดเสียบ เพื่อจะพิสูจน์ว่ามึงเจ็บได้ และมีดมันคมหรอก เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันจะต้องเจ็บปวด ถึงแม้บางทีเราก็อดไม่ได้ที่จะทำ แต่มันก็ต้องพอเสียที" เสียงเพื่อนสาวคนสนิทของฉันพูดมาตามสายโทรศัพท์อย่างเรียบเนือย  

             แทบจะเรียกได้ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทที่มีเชื้อความมาโซคิสม์ไหลเวียนอยู่ในตัวคล้ายกันแบบแปลกๆ ประสบการณ์ความเจ็บปวด การเรียนรู้ การเติบโตของเราสองคนมักจะเกิดขึ้นในเวลาไล่เรี่ยกันเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นความฟุ้งเฟ้อทางอารมณ์ที่เราหาทางออกให้มันอยู่กับร่องกับรอยไม่ได้  การดิ้นรนอยู่ในความเหนียวเหนอะ เปรอะโคลนของความสับสน เราแลกเปลี่ยนประสบการณ์ "ติดหล่ม" ของโคลนความคิด ความรู้สึกกันได้อย่างดี แล้วเราก็อ่อนแอ่ พ่ายแพ้ให้กับความปรารถนาที่ยั่วยวนให้เราพาตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่จะสร้างรอยแผล และความเจ็บปวด บางครั้งเราทั้งสองเหมือนคนไร้เดียงสาที่ไม่ไร้เดียงสา เราทำในสิ่งที่เราพอจะเดาได้ แต่เราก็รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรๆมันเดาไม่ได้หรอก เราแค่อยากคว้าจับปริศนาของตอนต่อไป อย่างน้อยก็อาจจะเป็นเฉพาะฉันที่มักจะเป็นแบบนั้น เราจึงไม่ได้เสแสร้งแกล้งโง่  เรายอมถูกกระทำเพื่อจะได้รู้สึกกระทำต่อตนเอง ต่อความปั่นป่วนในจิตใจ ในร่างกาย ที่มันพัลวันพันตูและหาทางปลดปล่อยไม่ได้เสียที  เราอยากจะบั่นทอน เราอยากถูกชำแหละชำแรกให้เรือนร่างแตกสาแหรกจากทุกอย่าง และฉันก็ป่นปี้ และฉันก็ได้ซึมซาบความจริงที่อาบทั่วในการรับรู้ ฉันเคยบอกกับเธอหนหนึ่งว่า  


    "กูอยากจะรู้ความจริง กูอยากจะรู้ว่ามันจะไปถึงไหน กูยอมตายดีกว่าถ้าจะต้องอยู่แบบไม่รู้ หรือหลอกตัวเองไปวันๆ"   


                  มันอาจจะเป็นความหมกมุ่นลุ่มหลงในตนเองอย่างถึงที่สุด ที่เรามักจะคิดว่าปัญหาหลายอยากต้องมองเห็นเรา ต้องมีเราเป็นหนึ่งในสาเหตุ และแววตาของปีศาจ ซาตาน จะต้องเหลือบมองมาให้เราส่งยิ้มกลับไป สมสู่กับความบัดซบเพื่อสร้างความวุ่นวายต่อ 

                  แต่ฉันขึงขังกว่าเธอมาก ส่วนเธออ่อนโยนและละเอียดอ่อนกว่าฉัันมากเหมือนกัน ฉันกล้าหาญและกักขฬะกว่าเธอ เธอเข้าอกเข้าใจผู้อื่นในแง่มุมที่ฉันมองไม่เห็น ส่วนฉันก็ท้าทายและมักจะลากจูง เสือกไสให้เธอลุกขึ้นมาต่อกรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่เธอจะปลอบใจเวลาที่ฉันกดดันตัวเองมากเกินไป 
    มิตรภาพของเรามันจึงแปลกประหลาด เชื้อในตัวของเราเหมือนกันหลายอย่าง  แต่ก็แตกต่างกันสุดขั้วในหลายๆอย่างเช่นกัน แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเพื่อนกันได้คือ การเปิดใจ คุยกัน และกล้าที่จะยอมรับความล้มเหลว ความอ่อนแอ ความดำมืดของจิตใจในตัวเองแล้วพูดเปลือยเปิดมันออกมาให้กันและกันรับฟัง ฉันไม่เคยอับอายที่จะเล่าเรื่องบัดซบบัดสี เธอก็เช่นกัน ศีลธรรมเป็นเรื่องที่เราเคยล้อเล่นกับมันอย่างสนุกสนานในทุกๆข้อ และหัวเราะคิกคักเมื่อได้แลกเปลี่ยนความท้าทายเหล่านั้นให้กันและกันฟัง  ใช่! บางทีเรากลับมาเจอกันอย่างถลอกปอกเปิก ฉันเองก็ใช่ก็เอาแต่ปลอบประโลม บางทีฉันก็ถ่มถุยยาแผลใส่เธอ เธอก็จะแก้ต่างพัลวันแก่ฉัน แต่เรารู้ไส้รู้พุงกันพอว่า เราสองคนเป็นผีสางเผ่าเดียวกัน ที่ไม่หนีพ้นไปจากความโสมมของโลกและของตัวเองได้ไกลกว่ากันนักหรอก 


    "เติบโต"


    ฉันไม่แน่ใจกับคำๆนี้นักว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่ บางทีเราอาจจะแค่ชินชา และเริ่มหมดเรี่ยวแรงในการท้าทายเรื่องต่างๆ หรือไล่ตามความปรารถนาในจิตใจ หรือเราอาจจะหวาดกลัวขึ้น 


    จริงๆนี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะเล่าหรอก 

                          ฉันแค่จะบอกว่า ฉันเองตอนนี้ก็ปั่นป่วน ยังหาที่ทางในจิตใจไม่ได้ และมันก็เป็นหน้าที่ของตัวอักษรเหล่านี้ที่ฉันมักจะถลามาซบอก พะเน้าพะนอให้ช่วยปลดปล่อยฉันที ให้พาฉันออกไปจากความกระอักกระอ่วนเหล่านี้ ถึงแม้ลึกๆฉันก็อับอายที่จะต้องเผยแพร่เรื่องพวกนี้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ พวกคุณก็คงไม่ได้มีชีวิตที่ใสสะอาด เรียบสบาย กันนักหรอก ฉันอาจจะถูกพิพากษา และมองว่าเป็นต่างๆนานา แต่ฉันจะทำอะไรได้  ฉันไม่ได้เป็นพระเจ้า ฉันอ่อนแอและมีความขัดแย้งเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่สิ้นสุด 



                        ความคิดเรื่องของเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัว ฉันพยายามหาทางดับมันด้วยบุหรี่และแอลกอฮอล์ และภาระงาน มันทั้งช่วยและไม่ช่วย ฉันเลยตัดสินใจที่จะพูดกับเขา ว่าจริงๆฉันยังอยากเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ จริงๆ ฉันอาจจะต้องการคนที่จะคุยเรื่อง production ของงานฉันมากกว่า แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกเรื่องนี้เอามาอ้าง เพราะมันก็เป็นเขาเท่านั้นที่ฉันอยากจะพูดด้วย



                      เราเลิกกันมาหลายเดือนแล้ว ด้วยเรื่องที่กัดกินจิตใจฉันและเพื่อนสาวอย่างแสนสาหัส แต่เราสองคนก็เข้าใจ การเป็นไปของสถานการณ์ได้กลบทับเรื่องอันเลวร้ายนี้ไว้หนาพอที่จะไม่มีผลทางจิตใจมาก การให้อภัยได้เกิดขึ้น เราใช้ชีวิตไปคนละทิศละทาง 


     
                      แต่เขากลับมาอีกครั้ง เขากลับไปยังเมืองๆหนึ่งและพบเพื่อนของฉัน ในร้านกาแฟ พวกเขาพูดคุยกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เธอไปเที่ยวต่อกับเขาและแฟนใหม่ของเขา ไปดื่มกิน ไปเต้นรำ ไปไหนต่อไหนกัน ฉันดีใจที่รู้ข่าวว่าเขามีคนใหม่แล้ว ฉันโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นผู้ชายที่โดดเดี่ยวตัวเองมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักในชีวิต



                       เขาไม่เคยโพสต์อะไรในเฟสบุ็ค เขาไม่ไปงานสังคมใด หากว่าไปเขามักจะอยู่ในซอกหลืบหนึ่งของงานที่อาจจะมีเฉพาะเพื่อนสนิทสองสามคนเท่านั้น เขาไม่ติดต่อญาติพี่น้องและครอบครัวหากไม่จำเป็น เพื่อนเก่าของเขามักจะถูกละเลยและทิ้งขว้างคำเชิญไปหมด  เขาอยู่คนเดียว บางทีเขาอาจจะทำร้ายใครต่อใครได้ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักคนเหล่านั้น แต่เพราะเขาไม่ได้รักใครเลยอยู่แล้วตั้งหาก  เพื่อนสนิทของเขาไม่ใช่ความสนิทที่เราจะคุ้นเคย พวกเขาจับกลุ่มไม่พูดอะไรต่อกัน สิบนาที ยี่สิบนาทีจะโพล่งขึ้นมาสักประโยคหนึ่ง ทุกคนมักแต่งชุดสีดำทึมเทา จนฉันเองก็หันไปแต่งตัวด้วยสีแบบนั้นด้วย เพราะสีสันที่สดใสทำให้โดดเด่นจนรบกวนสายตา 



                        ความโดดเดี่ยวของเขาคงจะบรรเทาลงมาก หากเขามีใครสักคนใหม่ที่ใกล้ชิดและคอยเป็นห่วงเป็นใยกัน  ฉันก็อนุโมทนา ฮ่าๆ แก่ใครก็ตามคนนั้น

                     เขาคงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็คงไม่มากพอเหมือนคนที่ตายแล้วเกิดใหม่  ส่วนหนึ่งที่ฉันรู้สึกเมื่อรู้ข่าวว่าเขาคบคนใหม่คือ ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนหมากฝรั่งที่ฉันดูดเคี้ยวเอาน้ำหวานออกไปจนหมดสิ้นแล้ว ฉันเคี้ยวรีดเค้นจนเมื่อยกราม และถึงเวลาที่ต้องถ่มถุย เหอะ ฟังดูใจร้ายชะมัด แต่ฉันก็แค่พูดออกมาอย่างจริงใจ ฉันปวดกรามเต็มที 

                    แต่สองสามวันต่อมา ฉันกลับปั่นป่วน ตะกอนฟุ้งขึ้นมาเป็นระยะๆ อาจจะเพราะท้องฟ้าขมุกขมัว ฝนใกล้ตก หรือไม่ฉันก็แค่อยากให้ใครสักคนพิสูจน์อักษรบทความเจ็ดพันคำของฉัน 



    "เขาต้องการใครสักคนมาล่ามโซ่แล้ว หลังจากที่ออกเดินทางไปยังเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งติดชายแดนพม่า" 
    เพื่อนสาวฉันเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ 


    ฉันเบะปากเมื่อได้ยิน 
    จะว่าไปแล้วเขาก็ยังคงเป็นคนทรามที่แสนโรแมนติคเหมือนเดิม ที่มันก็คงน่าอ่อนไหวและประทับใจไม่น้อยสำหรับคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน ฉันคิดว่าคุณสมบัติหลายอย่างของเขาเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นมิตรสหายทางความคิดของฉันต่อไป แต่ไม่ใช่คู่รักเด็ดขาด แม้ฉันอยากจะเป็นมาโซคิสต์บางครั้งก็ตาม 


                      เรารู้จักกันใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง เป็นที่ชืื้นใกล้ร่องน้ำเล็กๆในดงต้นไม้ มันเป็นพื้นที่สูบบุหรี่ของคณะใกล้กับร้านกาแฟ ฉันยังจำได้ดีว่าฉันเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาของเขาและเพื่อนสนิท ทักทายอย่างเป็นมิตรตามประสาฉัน พวกเขาคุยกันเรื่อง ระหว่างการหลับตาและลืมตาขณะมีเซ็กซ์ให้ประสบการณ์แตกต่างกันอย่างไร ฉันนั่งฟังอย่างสนใจ  


                      เมื่อคืนวานเรื่องตลกได้เกิดขึ้น ฉันบังเอิญรู้จักกับคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งในพื้นที่อ่านหนังสือ พวกเขาพาฉันขึ้นรถเมล์สายใหม่ๆกลับหอ เมื่อบังเอิญรู้ว่าเราพักอยู่ในย่านใกล้ๆกัน และบังเอิญอีกครั้งที่รู้ว่าพวกเขาก็รู้จักกับแฟนใหม่ของเขาด้วย โลกนี้มักจะตลกเมื่อฉันพยายามจะเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่ไม่เข้ากันให้เข้ากัน  ฉันคิดว่ามันเป็นพื้นที่ๆดีมากๆ  ที่ฉันได้ไป ฉันไม่คิดผิดจริงๆที่ถ่อร่างอันเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนและทำงานทั้งวันไปยังที่นั่น 



                          ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันบอกแล้วว่าตัวอักษรมันมีความสามารถแบบแปลกๆ ฉันก็คงจะสังคกรรมกับเขาบางวาระและโอกาส แต่คงจะไม่ร่วมกันแฟนใหม่ของเขา ฉันคิดว่าฉันบอกเขาว่าอยากจะเจอกันสามคนเป็นเรื่องงี่เง่าชะมัด ฉันไม่ควรวิ่งเข้าไปให้มีดเสียบแทง เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดใด ฉันควรเก็บเรี่ยวแรงไปทำอย่างอื่น  ฉันพยายามมามากพอแล้วที่ผ่านมา ฉันคิดว่าฉันทำเต็มที่แล้วเรื่องระหว่างเรา ฉันได้เรียนรู้หลายอย่าง อย่างแรกคือ ฉันรู้สึกไร้ค่าและซังกะตาย อึดอัดสับสนกับการเป็นตัวของตัวเองที่มักจะสับสน แต่พออยู่คนเดียวหรือกับคนที่สบายใจ แม้ฉันจะรู้สึกสับสนแต่ฉันไม่เคยสับสนในตัวเอง ฉันให้เวลาแก่ความสับสนได้ดี  ความสับสนคือการก่อจราจลทางความคิดแบบหนึ่งของฉัน ซึ่งฉันอยู่กับมันได้อย่างดี แต่ไม่เมื่ออยู่กับเขา  และแน่นอนว่าเขาหลอกลวงฉันมากเกินไป มากพอๆกับที่ฉันหลอกลวงเขา ความสัมพันธ์ของเราเต็มไปด้วยการปิดบังความรู้สึก ความคิดที่เกิดขึ้น แล้วเราก็ป้ายทับมันด้วยคำโกหก การปกปิด มันเต็มไปด้วยการแข็งขืนต่อคลื่นของการเป็นไปของชีวิต เต็มไปด้วยการฝืน การต้านทาน ด้วยการใช้กรอบคิดวิบัติมาเป็นตาข่ายดักจับ หันเหให้มันเป็นไปในทางที่มันไม่ต้องการจะไป แล้วฝืนมันด้วยกำลัง สุดท้ายฉันเองที่ป่วยไข้ เขาก็ติดเหล้างอมแงม ต่างฝ่ายต่างแหลกราน  เราป้ายความผิดให้กันและกัน โทษกันและกัน แต่ก็สัญญาว่าจะจับมือกันเผชิญหน้า แต่เราเหมือนสัตว์ร้ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน 



                 ฉันนึกถึงปลากัดที่เคยซื้อมาเลี้ยงกับเขา 
    ฉันเป็นคนจ่ายเงินเองทั้งค่าตู้ ค่าปลา ค่าอาหาร และเมื่อมันตายเขากลับเสียใจ ฉันโยนมันลงชักโครกอย่างสงบ เขาเสียใจทั้งที่เขาบ่นและตำหนิเรื่องที่ฉันเลี้ยงสัตว์และเอาสาหร่ายสกปรกมาใส่ให้ปลาจนทำให้ปลาเป็นเชื้อราตาย 



                  ฉันนึกถึงวันที่เขาสูบบุหรี่ในห้องจนควันโขมงขณะที่ฉันอาบน้ำ พัดลมดูดเอาควันเข้าไปในห้องน้ำ ฉันออกมาโวยวายถึงการละเมิดข้อตกลงของเรา เขาไม่แยแส ไม่ขอโทษ ไม่สำนึกผิดที่รมแก็สฉัน ฉันโมโหมากจนเอาน้ำหอมฉีดไปทั่วห้องจนห้องเหม็นแสบไปหมด แล้วหนีไปนอนโฮสเทลปล่อยให้เขาอยู่ในห้องแสบร้อนตลอดคืน 


                  ฉันนึกถึงวันที่เขาด่าฉันว่า โง่ เมื่อฉันเอาปลอกหมอนมาผิดขนาด ฉันน้อยใจมากจนตบโน้ตบุคเขา เขาโกรธจัด และเราก็เลิกกันจนฉันขู่จะกระโดดตึก และสุดท้ายฉันเองก็ยอมให้เรื่องมันผ่านๆไป 


                 ฉันจำได้ในวันที่ย่าของเขาเสีย เขาโศกเศร้ามาก มากจนฉันไม่กล้าปลอบนอกจากอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆและโทรศัพท์ไปปรึกษาเพื่อนสาว ความเศร้าของเขาทำให้ฉันพลอยเศร้าไปด้วย 


                 ฉันจำวันที่เราไปสัมภาษณ์ปโทหลักสูตรปรัชญาด้วยกัน ฉันดีใจที่รู้ผลว่าติดและพยายามจะชวนเขาเซลฟี่กับบอร์ดประกาศรายชื่อ แต่เขากลับโกรธที่ฉันเซ้าซี้เขา และเขาต้องการดีใจอย่างเงียบๆ 

              
               ฉันจำได้ว่าเราไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน เรามีความสุขมาก ฉันและเขาอ่านหนังสือเงียบๆ นอนเล่นที่หาด ขับมอเตอร์ไซรับลม เดินขึ้นเขา เดินไปในป่าโกงกาง กินอาหารทะเลที่อร่อยมากๆ 



              ฉันจำได้ที่เขาโยนข้าวของฉันใส่ฉันในวันที่ฉันไปพังประตูเพื่อขนของออกมาจากห้องตอนเลิกกัน เขาด่าทอต่อว่า ฉันรีบเก็บของใส่กระสอบ ไม่มีร่องรอยของความรักเหลืออยู่สักนิด

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in