เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FactographySuparada Fuangfu
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน 1
  •  "นายอธิบายทีได้ไหมว่าทำไมในโลกนี้ถึงไม่เคยมีเรื่องราวที่มีความสุขตั้งแต่ต้น ไปจนจบเลย"

    "ความสุขไม่ใช่เรื่องราวไง ความโชคร้ายต่างหาก" 

                                                     (จากหนังเรื่อง Us and Them ดูในเน็ตฟลิกซ์วันก่อนมาน่ะ) 



                      ฉันไม่แน่ใจอะไรมากนัก แต่อาจจะพูดได้ว่าในมวลหมู่ปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้เราเริ่มต้นรู้จักกันได้นั้น หนึ่งในนั้นมาจากความรู้สึกดิ้นรนหาทางออกเพื่อที่จะยุติความปั่นป่วนในจิตใจของฉันที่พยายามจะ "จบ" กับผู้ชายคนเก่าๆทั้งหลายให้ได้ ซึ่งฉันบังเอิญไปเจอประโยคหนึ่งในโลกอีกใบว่า "ผู้ชายคนหนึ่งอาจจะทำให้เราลืมอีกคนไม่ได้ เราต้องใช้หลายๆคนต่างหาก" และฉันก็สิ้นหวังกับความพยายามที่จะยุติให้เขาเข้ามาหลอกหลอนฉันในยามค่ำคืน ในยามสาย หรือยามดึกที่ข่มตาหลับไม่ลงเต็มที มันคงไม่มีอะไรเสียหายหากจะเชื่อประโยคบ้าๆแบบนี้สักครั้ง ในเมื่อเสียงในหัว หรือความต้องการในใจและร่างกายมันก็หลงทางและวุ่นวาย ฉันพยายามทุกอย่าง ฉันสาบานว่าฉันไม่ได้นอนอยู่เฉยๆและปล่อยให้ความเศร้า อดีต หรือความทรงจำกัดกินฉันแม้แต่น้อย ฉันได้พยายามอย่างสุดความสามารถจริงๆ อย่างน้อยก็ในความคิดของฉัน ถึงแม้ว่ามันจะล้มลุกคลุกคลานก็เหอะ 


                      อย่างไรก็ตามในช่วงนั้น ช่วงเวลาแห่งความพยายามของผู้หญิงสิ้นหวังติดจั่น อันกินระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน โดยฉันต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าในย่านที่ไม่คุ้นเคยในเมืองใหญ่ที่ไม่เคยเติบโตมาก่อน มันเป็นย่านคนจีนที่มีร้านก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ หมูกรอบ หมูแดงเยอะพอๆกับร้านอาหารทั้งหมดในอำเภอต่างจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของฉันรวมกัน ตลอดระยะเวลาที่ต้องเรียนหนังสือที่นี่คงเพียงพอหรืออาจจะมีอีกเมนูเหลือเฟือให้ฉันได้ลองโดยไม่ต้องออกไปไหนไกลกว่าย่านนี้ "บางขุนนนท์" ฉันใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยกับห้องสีเหลี่ยมกระเบื้องสีเขียวอ่อน และผนังสีเขียวอ่อน คล้ายกับโรงเรียนเด็กอนุบาลปฐมวัย มีผ้าม่านที่เจ้าของหอพักคู่รักวัยทองเลสเบี้ยนให้หยิบยืม เป็นผ้าฝ้ายสีขาวเหลืองที่ฉันเกลียด แต่ฉันก็ไม่สามารถหาผ้าม่านใหม่มาทดแทนได้ หนำซ้ำฉันซ้ำเติมความอัปลักษณ์ของห้องด้วยการซื้อผ้าปูเตียงและปลอกหมอนสีเขียวเทาอีก และเก้าอี้พลาสติกราคาถูกที่ฉันเดินแบกกลับหอในราคาหลักร้อย มาเพื่อจะนั่งอ่านหนังสือและนั่งสูบบุหรี่ริมระเบียง ฟังเสียงรถไฟเก่าๆ ดูฟ้าสีส้มและตึกอพาร์ตเม้นท์น่าโง่ตรงหน้าทุกเย็น


                         ในช่วงเดือนนั้นฉันทำทุกอย่างเพื่อให้แต่ละวันอันยากลำบากผ่านไปได้และไม่ตายไปเสียก่อน และผูกตัวเองไว้กับงานเขียนบทความวิชาการชิ้นหนึ่งที่ตั้งใจจะส่งไปเสนอในเวทีวิจัย ลึกๆในใจฉันอยากจะปรากฏและมองเห็น หลังจากที่ถูกผู้ชายพวกนั้นมองไม่เห็นมาสักพัก หรือบางช่วงในความสัมพันธ์ของเรา และมันคงจะดีไม่น้อยที่ฉันได้ไปอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเอง ฉันพยายามจะพิสูจน์ตัวเองว่าฉันสามารถเขียนงานออกมาได้โดยไม่ต้องให้พวกเขามาช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าจะมีการหยิบยืมหนังสือจากเขาและในตอนท้ายจะมีคนหนึ่งอาสามาพิสูจน์อักษรให้ฉันก็ตาม และช่วยวิจารณ์ไปชุดใหญ่ แต่ฉันก็ยังคิดว่าฉันพอจะภาคภูมิใจกับส่วนที่เหลือที่มาจากความสามารถของตัวเองไม่น้อย ในแต่ละวันฉันพาตัวเองไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดชั้นดีใกล้หอ ฉันไม่อยากบอกว่าเป็นที่ไหน เพราะถ้าคุณรู้ว่าบางขุนนนท์ใกล้อะไร คุณก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก ซึ่งงานก็ไม่ได้เดินนัก เพราะจิตใจฉันอาละวาดชุดใหญ่ มันคงเครียดที่ต้องผ่านเรื่องราวหนักหน่วงมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ไว้ฉันค่อยเล่าเรื่องนั้นทีหลัง ฉันเลยหมดเวลาไปกับการจัดการความปั่นป่วนไปเสียมาก และมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการลุกปล้ำตัวเองให้แก้งานชิ้นนั้น ซึ่งเป็นงานเก่าที่ฉันเพียงแต่แก้ไข เพิ่มเติมเนื้อหาและเรียบเรียงใหม่ 



                         มันคือสองวันสุดท้ายก่อนจะสิ้นสุดกำหนดการส่งบทความ และฉันก็เบื่อหน่ายบางอย่างและต้องการทำอะไรๆตื่นเต้น ฉันจึงเข้าไปในโลกนั้น ส่วนนั้นของโลกนั้นอีกครั้ง โดยฉันได้สมัครตัวตนหนึ่งๆเลือกรูปภาพที่คิดว่าดูดีสองสามรูปมาเป็นตัวแทนไว้นานแล้วอันมาจากคำแนะนำของเพื่อนสาวที่ได้แฟนฝรั่งรักระยะไกลทรหดจากพื้นที่ตรงนี้ "คนแบบแกน่าจะเหมาะกับฝรั่ง" 


    ส่วนมากฉันก็เลือกปัดชอบเฉพาะฝรั่ง และบางส่วนคนไทย จริงๆฉันต้องพูดว่าฉันไม่ได้ปัดชอบใครเลยทั้งนั้น นานๆทีฉันจะเลือกถูกใจฝรั่งที่ไม่ดูโอ้อวดเรือนร่างและความสามรถในการดื่มกิน และคนไทยที่ดูน่าจะพอคุยกันได้และไม่ถ่ายรูปรถยนต์ กล้ามใหญ่ เครื่องประดับ ในผับบาร์ และสวมแว่นตาดำ ฉันคุยกับหนุ่มแขกช่วงหนึ่ง แต่อินเตอร์เน็ตหอคุณภาพแย่ทำให้เขาใจร้อนและบอกฉันว่า  "บางที่ผมก็สงสัยนะว่าคุณอาจจะอยู่ที่ดวงจันทร์ เพราะคุณใช้เวลานานมากกว่าจะตอบผม" ฉันจึงยกเลิกการจับคู่ของเราไป เพราะฉันไม่ได้อยู่ดวงจันทร์


                     เอาล่ะ ฉันก็จับคู่กับหนุ่มไทยวัยกระเต๊าะนายหนึ่งขึ้นมาในช่วงสองวันก่อนส่งบทความ พูดกันตามจริง เขาทำให้ฉันกระตือรือร้นในการเขียนงานให้เสร็จไวๆมาก เพราะฉันอยากจะพักผ่อนกับเขาอย่างเต็มที่หลังจากนั้น ฉันอดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดเพื่อนสาวสายฝอร่วมล่าใบปริญญามหาบัณฑิตที่เคยบอกว่า "สองอย่างที่ทำให้งานเดินได้เร็วคือ ความโกรธและผู้ชาย" ข้อหลังฉันค้นพบว่าเป็นความจริงก็เอาตอนนี้แหละ เขาเพิ่งเรียนจบด้านการทำภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากฉันไม่กี่กิโลเมตร รูปภาพของเขาดูเป็นคนดื้อรั้นที่มั่นใจในตัวเอง แต่บางรูปกลับก้มหน้าก้มตาดูขี้อาย บางรูปดูขี้เซาเปื่อยเพราะมีหมอนรองคอเกาะบ่าไว้ และบางรูปดูทางการเพราะสวมสูทสีครีมผูกไทในสถานที่ดูขึงขัง และปิดท้ายด้วยรูปแมวที่ซุกตัวอยู่ในหมอนปลาวาฬเพชฆาต เขาแนะนำตัวด้วยข้อความสั้นๆว่าเป็น นักเรียนภาพยนตร์ ดนตรีซิตี้ป็อบ หนังสือ ศิลปะแนวทดลอง และคนรักแมว แต่สิ่งที่ฉันชอบเห็นจะเป็นภาพถ่ายเก่าๆของเขาสมัยเป็นเด็กที่ถ่ายคู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแม่ แทบหาไม่ได้ผู้ชายที่จะลงรูปครอบครัวในพื้นที่แบบนี้ เขาน่าจะไม่ธรรมดาดาดดื่นในแง่นี้นัก และแน่นอน ซิตี้ป็อบมิวสิค และหนังสือ และนักเรียนหนัง และภาพบุคลิกขัดแย้งเหล่านั้น จริงๆฉันว่าฉันไม่ได้วิเคราะห์มากมายขนาดนี้ในตอนนั้นหรอก ฉันเพิ่งมาแจกแจงก็เอาตอนนี้ตอนที่เล่าให้พวกคุณฟัง แต่ใครจะรู้ได้บางทีการรับรู้และการประมวลผลเราอาจจะเร็วขนาดที่สามารถวิเคราะห์ทั้งหมดภายในปัดเดียว แม้ว่าตอนนั้นฉันก็อาจจะแค่ ชอบและปัดขวาและ บูม! คุณจับคู่กับเขาแล้วก็ตาม เขาทักมาหลังจากนั้นไม่นานนัก แบบห้วนๆอย่างเช่น "หวัดดี" ฉันใช้ชื่อปลอมๆในการอยู่ในพื้นที่แบบนี้ เพราะฉันคิดว่ามันน่าจะทำให้ฉันอุ่นใจแบบแปลกๆ อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ไม่ได้รู้จักฉันจริงๆได้ในตอนแรก ฉันทักทายเขาว่า "โจ้ว โจ้ว" แบบแร็พเอก เขาเอาหนังสั้นที่ทำเป็นโปรเจ็คจบให้ฉันดูและกำชับไม่ให้ฉันแบ่งปันต่อเพราะต้องเอาไปฉายในงานสักที่ก่อน 








  •              มันเป็นหนังสั้นที่ทำให้ฉันร้องไห้สะอื้นออกมาเมื่อเครดิตขึ้น อารมณ์ของหนังเหมือนกับอาการอาหารเป็นพิษที่กินเข้าไปในตอนแรกและยังไม่ออกฤทธิ์จนกว่าหนังจะจบแล้วค่อยปวดมวนท้อง เป็นเรื่องราวของคุณยายของเขาผู้เป็นพยาบาลจิตเวชที่เยียวยาเพื่อนร่วมรุ่นของเขาซึ่งป่วยด้วยอาการทางจิตใจ ฉากที่คุณยายของเขาห่อพระแม่มารีในผ้าเพื่อจะส่งไปให้เพื่อนของเขาทำให้ฉันสะเทือนใจมาก ฉันแค่รู้สึกว่ามันคือการห่อความอบอุ่นใจไว้ในผืนผ้าเพื่อส่งต่อให้ใครสักคนที่กำลังอ่อนแออยู่อย่างจริงใจ ฉันคงจะต้องการอะไรแบบนี้จึงทำให้ฉันรู้สึกดีที่ได้เห็นภาพนั้น แต่ว่าฉันมันกักขฬะเกินกว่าสิ่งเหล่านี้จะปลอบประโลมได้ ฉันมันเป็นลูกสาวซาตานผุดเกิดมาจากนรกแห่งกรุงเทพ และถูกความบัดซบนานาพรรณปู้ยี่ปู้ยำ แต่เสียใจด้วยฉันยังไม่ตายและมีความสุขดีพอจะยังเห็นความสวยงามในความอัปลักษณ์นี้ได้ อย่างน้อยในวันนั้น วันที่ฉันยืนทำตัวเป็นสไนเปอร์อยู่ชั้นบนสุดของหอศิลป์กรุงเทพ มองเขายืนรอฉัน ฉันค่อนข้างกระวนกระวายใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเจอเขาในวันนั้นหรือวันไหนๆก็ตาม ฉันอยากจะหันหลังและเดินหนี จากไปเหมือนไม่เคยนัดกัน มันเป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน แต่เขาก็มาสายจนทำให้เราไม่ได้ดูหนังที่ตั้งใจไว้  เขาสวมเสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ สะพายกระเป๋าเป้และจามตลอดเวลาหน้าห้องฉายหนังนั้น เพื่อนสาวของเขาแตะตัวเขาหลายครั้งโดยไม่จำเป็นและหัวเราะคิกคัก เขายืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนสองสามคน คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนในคณะรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาก้มมองโทรศัพท์มือถือหลายครั้ง เดินออกห่างจากลุ่มและโทรหาฉัน ไม่สิฉันเองแหละที่โทรหาเขา 


    ฉันบอกเขาว่าไม่อยากไปเจอท่ามกลางเพื่อนๆของเขา เราเลยนัดเจอกันชั้นสามหลังจากที่ฉันดูงานศิลปะทุกชิ้นไปแล้ว และฉันก็อิ่มเอมใจกับวีดิโอสั้นบนจอทีวีที่มีผู้หญิงในร่างคนแก่พยายามกินผลไม้อย่างงกๆเงิ่นๆ อย่างไรก็ตามฉันเขินอายในระดับหนึ่ง เป็นระดับที่ฉันไม่กล้าสบตาหรือสร้างบทสนทนาอะไรได้ ฉันมองคางของเขาตลอดเวลาที่กินบะหมี่เย็นในห้าง เขาเหมือนพวกกี้กคอมพิวเตอร์ในวันนั้น ทำตัวสบายๆราวกับว่าไม่ได้คาดหวังอะไรนัก ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างนั้น เขาไม่ได้คาดหวังอะไรนักจากฉัน 



    "ถึงคนอย่างเธอจะหาได้ไม่ง่าย แต่เราก็มีสเปคหลายแบบน่ะ" 



    เขาบอกกับฉันแบบนี้ในตอนที่เราตัดสินใจเป็นแค่เพื่อนกัน เขายังคงความเสมอต้นเสมอปลายในการพูดจาอย่างจริงใจ "จริงใจ" เขาหมายความอย่างนั้นจริงๆตอนฉันบอกว่าฉันไม่กล้าพูดคำว่ารักออกมา เพราะกลัวว่ามันจะจริงไม่พอสำหรับตอนนี้ แต่เขาสวนกลับมาอย่างทันควันว่า จริงไม่จริงมันก็เป็นความรู้สึกจากใจตอนนั้น ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าเขาจริง ใจ จริง จริง 



    เขาทำให้ฉันประทับใจเมื่อเราได้คุยกัน เขาทำให้การคิดและการวิตกกังวลในความคิดกลายเป็นเรื่องไร้สาระ  ทุกอย่างกลับมาอยู่ตรงนี้ ตรงสิ่งที่เข้าเรียกว่า "หน้างาน" ความหมายของชีวิตกลับมาอยูู่ตรงนี้ตรงที่ "ลองดูก่อนน้า"  ซึ่งหลายๆอย่างในชีวิตของเขาแม้จะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาก็ยอมรับเมื่อเขาไม่อาจจะตอบปริศนาในชีวิตที่เกิดขึ้นได้ เขาไม่เย่อหยิ่งหรือทะนงตัวว่ารู้ เขาไม่จับมัด จัดกลุ่ม แปะป้าย ปิดสก็อตเทปใส่เหตุการณ์ใดใด แม้ว่าเขาจะท่วมท้นไปด้วยความไม่รู้บางอย่างก็ตามจนร้องไห้ออกมากลางดึกในคืนหนึ่งที่เราใช้เวลาร่วมกัน และฉันก็หลับไปแล้ว  ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในจิตใจของเขา แต่เขาบอกว่าจู่ๆก็รู้สึกแปลกแยกกับห้องอันคุ้นเคยของฉันขึ้นมา 


    "ทุกอย่างมันเป็นไปได้ด้วยดี ราบรื่นในตอนแรก ดีมากๆแต่สักพักก็เลิกรากันไปโดยที่เราก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้มันกลายเป็นแบบนี้จริงๆ เรายังอธิบายเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอ" 


    ฉันรู้สึกอ่อนไหวกับผู้ชายที่จริงใจกับโลกอันบ้าบอและบั่นทอนจิตใจเช่นเขามาก ฉันคิดว่ามันกล้าหาญมากที่จะบอกออกมาตรงๆว่า ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพราะพวกที่ฉันเคยรู้จักต่างมั่นอกมั่นใจกับคำอธิบายต่อโลกใบนี้จนน่าคลื่นไส้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ใช่พระเจ้า ฉันคงคลื่นเหียนกับคำพูดพวกเขา 


    "ถ้ามันเป็นหนังมันก็จบที่องก์แรกตลอด มันไม่เคยผ่านองก์หนึ่งไปได้เลย" 


    และก็เป็นฉันเองที่ถีบกระแทกฉากห่าเหว ความเหนียวแน่น คำสาป อาถรรพ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทะลุองก์แรกออกมาเพื่อไปต่อกับเขาในองก์สอง แม้ว่ามันก็จบที่องก์สองอยู่ดี เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ขอฉันเป็นแฟน ฉันไม่เคยถูกเลือก ฉันต้องการเลือก ฉันไม่ได้เชื่อใน free will หรือ choice อะไรทั้งนั้น ฉันแค่รู้ตัวดีว่ามีคนไม่มากนักที่จะสังคกรรมกับคนอย่างฉันได้ หรือฉันไปข้องแวะได้ไหว 

    ฉันปั่นจักรยานไปกับหมาที่บ้านสองตัว เพื่อไปซื้อเบียร์สองกระป๋องและไล่หมาเข้าบ้าน นั่งและยืนดื่มอยู่ตรงสะพานฝายน้ำล้นเก่าๆอันเป็นที่ดินของบรรพบุรุษที่ยกให้ สส คนโปรดเพื่อสร้างฝายน้ำล้นตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกๆของไทย ฉันกลัวผีนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากพอจะย้ายไปไหนได้ ฉันไม่แคร์ผีแล้ว หากว่าเขาจะมา ฉันจะบอกเขาว่า ฉันอยากเป็นผีดูสักครั้ง 

    จู่ๆ ฉันก็คิดว่าฉันคงเหงาแย่แน่หากว่ากลับไปกรุงเทพอีกครั้งในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ว่าฉันก็สะดุดใจด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ฉันสงสัยในคำว่า "ข้างหน้า" ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในรายการสัตตะที่ดูเมื่อบ่ายนี้ ธเนศ วงศ์ยานนาวา ได้พูดคำว่า โฮโม โปรเจคตุส ซัมติงทำนองนี้ มนุษย์พุ่งไปยังอนาคตข้างหน้า มันเป็นความคิดเรื่องเวลาแบบตะวันตกที่ทำให้ฉันเจ็บปวดและหวาดกลัว ช่างหัวแม่งสิ ฉันไม่ใช่โปรเจ็กตุ๊สอะไรนี่ทั้งนั้น ฉันยืนอยู่ตรงนี้มีเสียงน้ำล้นของฝาย และฉันก็แค่ย้ายที่ไปเรื่อยๆ ในโลกที่แม่งหมุน เพราะมันก็หมุนมาแต่ไหนแต่ไร ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร เมื่อฉันเองก็เพิ่งถูกโยนเข้ามาในโลกนี้ไม่นาน  หากว่าฉันจะซื้อ ฉันคงซื้อความคิดหนังสือที่ฉันเพิ่งเขียนรีวิวลงเพจไปว่า  การรับรู้ของเราทำงานได้ด้วยการเคลื่อนที่และความรู้สึก มิฉะนั้นเราคงเป็นก้อนหินที่ไร้จิตใจและวางอยู่แน่นิ่งปราศจากการเคลื่อนที่ บางทีฉันก็แค่ยังไม่ชิน มันไม่มีเวลาที่จะหมุนไปหมุนมาและทำให้ทำใจได้ แต่ฉันแค่ย้ายไปทั่ว รู้สึกไปทั่วและทับถมมันด้วยความสดใหม่ของเรื่องอื่นๆ สิ่งต่างๆ จนเรื่องของเราจมอยู่ชั้นที่ลึกลงไป


    ฉันคิดไม่ผิดที่ตัดใจซื้อนาฬิกาเรือนนั้นในห้างที่นครปฐมแล้ว  มิฉะนั้นใครต่อใครคงไม่อยากจะนัดกับฉันอีกแน่ หากว่าฉันจะเป็น โฮโม ทรานซิส อีโมชั่นนุส เบียร์เต็มท้องและเรอออกมา ฉันไม่รู้จะเศร้าอะไรก่อนหรือหลังดี มันปะปนไปทั่ว แต่ฉันจำสิ่งที่เขาพูดได้ 


    "เราให้เวลากับความเศร้าของตัวเอง ให้มันไปจนสุดโดยไม่ฝืนหรือกะเกณฑ์มัน" 


    ฉันให้เวลามันอยู่ หึ สนุกดีจัง ฉันคว้าจับมันไปอย่างสะเปะสะปะ ราวกับคนเสียสติ ความทรงจำในร้านอาหารอินเดียแถวบางรัก มันเป็นร้านอาหารสีเขียวที่น่ารัก ตกแต่งราวกับว่าถูกล่าอาณานิคมจากอังกฤษเรียบร้อยแล้ว โคมไฟ เพลงรักช้าๆเก่าๆ แนวกระถางต้นไม้ หน้าต่างกระจกตรงข้าง ฉันก้มหน้าซ่อนน้ำตาไม่ให้เขาเห็นในเดทแรกนี้ ฉันร้องไห้เพราะฉันคิดว่ามันเหนือจริงมาก ที่ได้แวดล้อมด้วยบรรยากาศแบบนี้ บรรยากาศชวนฝันที่ฉันคิดว่ามีแต่ในนิยาย ฉันเอาแต่ติ้นตันกับบรรยากาศแบบนี้ ข้าวหมกไก่อร่อยมาก ซุปหางวัวรสเปรี้ยวอ่อนๆจากมะเขือเทศ น้ำมะนาวปั่นใบสะระแหน่ ฉันรู้สึกผ่อนคลาย เขาไม่กดดันหรือดื้อรั้นเหมือนในรูป  ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะและวาระของมัน 


    ฉันยืนสูบบุหรี่ที่ระเบียง มองออกไป เขาบอกว่าเห็นแอ่งน้ำสะท้อนไฟข้างหน้า มันไม่มีแอ่งน้ำแบบนั้นใกล้หอพักของฉันหรอก เขายืนใกล้ฉัน เขายืนอยู่ข้างหลังฉัน ฉันตกอยู่ในอ้อมอกของเขา ทุกอย่างเชื่องช้า อาจเพราะฤทธิ์บุหรี่ ฉันไม่แคร์อะไรแล้ว ฉันปล่อยตัวปล่อยใจ และยืนมองออกไปไกลกับเขา ฉันจำไม่ได้ว่าเราพูดอะไรต่อกัน เขาอาจจะเป็นคนกะล่อน หรือหิวโหย และมีสัมพันธ์สั้นๆ แต่ฉันไม่แคร์ เขาปล้นอะไรไปจากฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้มีเงินมากพอจะให้เขาเสี่ยงคุกปล้น ฉันไม่มีความบริสุทธิ์ห่าเหวอะไรทั้งนั้น หากว่าเขาจะฆ่าฉันตาย ก็คงไม่ใช่กงการอะไรของฉันที่จะโศกเศร้าเพราะฉันก็คงตายไปแล้ว และเขาเองก็คงต้องดิ้นรนหลบหนี ฉันปล่อยตัวปล่อยใจไปกับทุกอย่างและฉันไม่กลัว 






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in