เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Do not let the death love youRaccool
In another life

  •  

    นี่รู้ไหม เขาว่ากันว่า รอยปานที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดจะบอกว่าชาติที่แล้วตายยังไง...

    หา

    อย่างถ้าเป็นปานเล็กๆ ก็อาจจะเป็นโดนเข็มฉีดยา รอยใหญ่ๆก็อาจจะโดนฟันอะไรงี้

    อืม...

    “...ปานขนาดหัวแม่โป้งก็อาจจะถูกยิง

    เหมือนที่หน้าอกนายใช่มั้ย

    ใช่ ตลกดีเนอะ มันอยู่ตรงกลางหัวใจพอดีเลย

    เขาถอนหายใจส่ายหัวราวกับว่าผมพูดเรื่องไร้สาระ และมันคงจริงเพราะผมเองก็ส่งยิ้มขันให้เขาเหมือนกัน เหตุเพราะจู่ๆตัวอักษรที่เคยเจอในหนังสือก็ปรากฏเข้ามาในหัวทำให้ผมอยากเล่าสู่กันฟังให้เขารับรู้บ้าง

    ผมขยับไปข้างตัวเขาลูบไล้ใบหน้าแสนรัก ก่อนจะค่อยๆ ไล่นิ้วมือไปยังขมับข้างขวา เกลี่ยไล่เส้นผมเผยให้เห็นรอยปานขนาดเท่านิ้วโป้งประทับอยู่บนขมับของเขา

    น่าแปลกที่รอยปานของเขากับของผมมีขนาดใกล้เคียงกันอย่างน่าตกใจ

    อย่างนายก็อาจจะโดนยิงหัว

    ไม่ก็ฆ่าตัวตายเขาหัวเราะ ตำแหน่งมันได้

    เขาทำมือเป็นรูปปืนจิ้มที่หัวตัวเองสองที ผมหัวเราะตามก่อนเอนตัวล้มลงซบบนตักเขาขยับแขนไปโอบกอดเอวหนาไว้แน่น เขาลูบหัวผมกลับเล่นกับปลายเส้นผมของผมราวกับมันเป็นเรื่องสนุกนักหนา

    เรามีความสุขจัง

    ผมบอกงึมงำอยู่กับหน้าท้องเขา ปล่อยให้เขาลูบหัวอย่างสบายใจเหมือนแมวเลี้ยงเชื่องๆตัวนึง

    เราก็มีความสุข

    ผมขยับยิ้มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เบียดใบหน้าตัวเองให้ซุกซบลงไปบนหน้าขาของเขามากขึ้นก่อนปล่อยตัวตามสบาย จัดท่าทางให้ผ่อนคลาย หลับตาพริ้มพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

    เดือนหน้าเราจะแต่งงานกัน

    งานแต่งงานของผมกับเขาจะเกิดขึ้นที่แคนาดาเพราะเป็นประเทศที่รองรับการแต่งงานของเพศเดียวกันอย่างถูกกฎหมาย และหลังจากนั้นเราจะได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา เช่นเดียวกับคู่รักคู่อื่นๆ

    ขยับยิ้มอีกครั้ง

    มีความสุขมากจริงๆ





    ผมผล็อยหลับไป...และตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินไม่มีไออุ่นจากเขา เมื่อลืมตาได้เต็มตาแล้ว...ก็พบว่าไม่มีเขาด้วยซ้ำห้องร้างว่างเปล่าราวกับอยู่ในโกดังเก่าๆ ที่ไม่มีใครใช้งานผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อพบว่าเมื่อครู่ตัวเองนอนจมกองฟางเหี่ยวๆ ขยี้ตาอยู่สองสามทีพลันประตูโกดังก็เปิดออก

    เป็นเขาที่ก้าวเข้ามา

    ผมมองเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเพราะแสงจากข้างนอกย้อนเข้ามาทำให้ใบหน้าเขาพร่าเบลอ แต่ไม่สำคัญอะไรเท่ากับผมรับรู้ได้ว่าเขาเป็นเขาคนรักของผม และคนที่ผมรักที่สุด

    เขาเดินมานั่งข้างผมพร้อมถอนหายใจ

    มีอะไรหรือ?” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเขามีท่าทีไม่สบายใจ

    เราอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแล้ว รีบออกไปก่อนที่จะมีคนมาเห็นเถอะ

    ผมไม่เข้าใจแต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นตามแรงดึงของเขา เราเดินออกจากโกดังร้าง แหวกผ่านพงหญ้ากิ่งไม้และเถาวัลย์ น่าแปลกที่ผมย่ำเดินราวกับรู้จักสถานที่แห่งนี้ดี ทั้งๆที่มั่นใจว่าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก สองมือของเราจับจูงกันมาตลอดทางเขาพยายามนำทางให้ผม ปัดป่ายสิ่งกีดขวางให้ จนเราเดินมาถึงลานกว้างกลางป่าไร้ซึ่งต้นไม้รกชัน

    แล้วเขาก็ปล่อยมือผม

    นายไปก่อนเถอะ อีกสักพักฉันค่อยตามไป

    ผมไม่เข้าใจประโยคของเขาสักนิดแต่กลับพยักหน้าราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเราที่จะต้องเป็นเช่นนี้และผมก็ก้าวต่อไป มุดเข้าไปในป่ารกทึบอีกครั้งอย่างไม่เคยรู้จักทว่าสองขากลับก้าวเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว คล้ายว่าเป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยดี

    ผมโผล่มาที่สนามหญ้าผืนใหญ่มีเด็กๆ วิ่งเล่นกันประปราย ผมสิ่งยิ้มให้เด็กน้อยคนหนึ่งที่หันมาเห็นผมก่อนเขาจะวิ่งจากไป ส่วนผมก็เดินต่อไปตามทางอีกครั้งที่ผมสอดส่องสภาพแวดล้อมไปรอบๆ ตัว ไม่เคยรู้จักสถานที่พวกนี้แต่ร่างกายกลับจดจำได้อย่างดี สองขาก้าวไปตามทางอย่างที่ผมไม่คิดจะหยุดเดินผ่านบ้านไม้หลังต่างๆ จนมาถึงบ้านไม้หลังหนึ่ง

    ผมเปิดเข้าไปอย่างไม่ลังเลเจอผู้หญิงสูงวัยเดินผ่านไป หล่อนเอ่ยทักทายผมพร้อมกับบอกให้ไปทานข้าวได้เลย

    ผมนั่งลงที่โต๊ะอาหารไม่นานก็มีชายมีอายุคนหนึ่งมานั่งลงตรงข้ามและผู้หญิงคนนั้นก็กลับมานั่งข้างผมอีกที

    และผมถึงได้รู้ว่าสองคนนี้คือพ่อและแม่ของตัวเอง

    เราลงมือรับประทานอาหารเย็นด้วยกันจนซุปหยดสุดท้ายถูกตักกินจนหมด ผู้เป็นแม่ก็เอ่ยขึ้น

    ลูกยังติดต่อกับเขาอยู่รึเปล่า

    ผมเลิกคิ้วสงสัยเธอพูดชื่อเขาที่ผมไม่เคยได้ยิน แต่กลับรับรู้ได้ว่าเป็นใครถ้าไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ผมเจอที่โกดังในวันนี้

    ก็มีบ้างผมตอบเธอไปครานี้ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว

    เลิกติดต่อเขาซะ

    “...”

    ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปมื้ออาหารเย็นจบลงแค่นั้น หญิงสูงอายุบอกให้ผมเตรียมเข้านอน ผมรับคำขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้านอย่างคล่องแคล่วเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของผมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกครั้ง

    ผมล้มตัวบนฟูกและจบวันนี้ด้วยตัวเอง

    แสงอาทิตย์ส่องพาดหน้าผมจนตื่นเพราะความร้อนผมชันตัวลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตัวเองอยู่ในโกดังเก่าๆ นั่นอีกครั้ง

    อ่า...ใช่เมื่อคืนเขามาแอบเคาะหน้าต่างบ้านผม พร้อมกับส่งข้อความว่าให้เจอกันที่เดิม เหมือนที่ผ่านๆมา และหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็ออกจากบ้าน เดินไปตามทุ่งหญ้าโล่งมุดเข้าป่ารกทึบ เดินตามเส้นทางมายังโกดังแห่งนี้ในที่สุด

    ตื่นแล้วหรือเจ้าขี้เซา

    เสียงคนคุ้นเคยทำให้ผมหันหน้าไปหาต้นเสียงและแย้มยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ว่าเป็นเขา

    นายนัดเช้าเกินไป

    สายกว่านี้ก็แย่สิ

    ผมโคลงหัวต่อบทสนทนาอย่างลื่นไหล อย่างน้อยก็น่าจะมีที่ที่ใกล้กว่านี้

    กว่าเราจะเจอที่นี่ก็ใช้เวลาตั้งนานเขายกยิ้มและผมเข้าใจรูปประโยคบอกเล่านั้นได้ทันทีว่ามันไม่มีที่ไหนสำหรับเราแล้วนอกจากที่นี่

    ผมขยับตัวไปใกล้เขาช้อนใบหน้าแสนรักนั้นมาให้ใกล้ตัวมากขึ้นก่อนประกบจูบลงไป

    เนิบช้าทว่าเร่าร้อนจูบของเขาทำให้ผมคลุ้มคลั่งได้ทุกครั้งที่สัมผัส แลกลิ้นแลกเปลี่ยนรสน้ำหวานผลัดกันเล้าโลมลูบไล้ไปทั่วร่างกาย จนเขาผลักให้ผมนอนลงจมกองฟางแห้งๆ นั่น

    แล้วเราก็เริ่มบรรเลงเพลงรักกัน

    จบทำนองสวาทผมนอนซบแผ่นอกของเขา ลอบสูดดมกลิ่นกายของเขาที่ลอยคลุ้งเจือจางเขาหลับตาพริ้มมุมปากขยับยิ้ม ขยับมือที่ผมนอนทับให้ออกมาจากการจับกุมลูบไหล่ผมอย่างแผ่วเบา ผมรับรู้ในความรักอย่างหาที่สุดไม่ได้ของเขา พร้อมๆกับรับรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในห้วงรักของเขามากมายแค่ไหน

    รักจนล้นใจไปหมดรักจนคิดว่านิยามคำว่ารักแสดงความรู้สึกของผมได้ไม่มากพอ

    และถ้าหากบัญญัติคำว่ารักใหม่ได้ผมจะใช้เป็นชื่อของเขา

    เรากลับบ้านกันในช่วงเย็นเช่นเดิมและเป็นเหมือนเดิมที่เขาจะรอให้ผมออกจากป่าไปก่อนสักพักแล้วถึงจะตามออกไปผมเข้าใจดีว่าความรักของเราทั้งสองไม่อาจเป็นที่ยอมรับและมันถึงได้กลายเป็นความลับเสมอมา

    ลูกออกไปหาเขามาอีกแล้วใช่ไหม

    “...”

    พ่อกับแม่จะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย...อย่าไปหาเขาอีก

    ผมวางช้อนส้อมลุกออกจากโต๊ะอาหาร พึมพำบอกว่าอิ่มแล้วก่อนขึ้นไปเก็บตัวนอนอยู่ในห้องตัวเอง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงขัดขวางในความรักของพวกเราพวกเขาบอกว่ามันผิดพระเจ้าไม่อนุญาตให้เรารักกันเพราะเช่นนั้นมันจึงถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงผิดทั้งๆ ที่เราไม่เคยทำร้ายใคร

    ผิดแค่เพราะมันแตกต่างจากคนทั่วไป

    ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างสะลึมสะลือไปเปิดผ้าม่านและเป็นเขาที่ปรากฏอยู่ภายนอกกรอบกระจก ผมปลดล็อกเปิดให้เขาเข้ามา ทว่าเขายังคงค้างตัวอยู่อย่างนั้น

    มีอะไรหรือ

    เราต้องรีบออกไปแล้ว

    ทำไม?”

    บาทหลวงและชาวบ้านคนอื่นๆ รู้เรื่องพวกเราแล้วมีชาวบ้านคนนึงเห็นเราจับมือกันกลางป่าแล้วเอาไปป่าวประกาศ นายรีบออกมาเถอะก่อนที่พวกเขาจะมาตามตัวนาย

    ผมที่เพิ่งตื่นยังคงสับสนในคำพูดของเขาแต่ก็ยอมสวมรองเท้าและปีนหน้าต่าง กระโดดลงมาจากชั้นสองของบ้านตามเขาไป

    นายรู้ได้ไงว่าคนอื่นรู้เรื่องเราแล้ว

    ผมถามในขณะที่เรากำลังออกวิ่งในความมืด ตะเกียงไฟแทบไม่ช่วยนำแสงสว่างได้เท่าไหร่

    พวกเขามาเคาะประตูหน้าบ้านฉัน ตะโกนเรียกชื่อฉัน ดีที่ฉันออกมาทัน

    “...”

    และเดี๋ยวพวกนั้นคงไปที่บ้านนาย...

    “...เราทำผิดอะไร

    “...”

    ทำไมเราต้องหนี ทำไมพวกเขาทำเหมือนเราเป็นฆาตรกร

    เขาหยุดวิ่งหันหน้ามาหาผมก่อนรวบตัวผมเข้าไปกอด ฉันก็ไม่รู้

    “...”

    เราอาจจะไม่ได้ผิด แต่พวกเขามองเราเป็นตัวประหลาด

    ผมน้ำตาไหลเสียใจกับความรักที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาคนทั่วไปเขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกครั้งก่อนปล่อย

    ตอนนี้เราต้องหนีออกจากที่นี่ให้ไกลที่สุดก่อน

    ผมพยักหน้าปาดน้ำตาทิ้งไป แล้วเสียงโวยวายข้างหลังก็ดังขึ้น

    พวกเขาคงมาถึงบ้านนายแล้ว รีบเข้าเถอะ

    สี่เท้าของสองคนรีบจ้ำไปตามทางมืดมิดทว่าผมกลับวิ่งบนเส้นทางที่มองไม่เห็นและไม่คุ้นเคยได้ปราดเปรียวราวกับรู้จักมันมาตั้งแต่เกิดเขาพาเราอ้อมป่าของหมู่บ้านเพื่อที่จะได้ไม่เตะตา ลักลอบเข้าสวนของชาวบ้านไปเรื่อยๆจนเจอทุ่งหญ้าก่อนถึงทางเข้าป่า

    พวกมันอยู่นั่น!

    ใจผมสั่นระรัวเมื่อหันไปทางต้นเสียงก็เห็นกลุ่มคนเป็นเงาลางๆ อยู่อีกฝั่งของทุ่งหญ้าและกำลังพุ่งเข้ามาทางเรา

    เร็วเข้า

    เขาร้องคว้ามือผมก่อนออกวิ่งเข้าไปในป่า เส้นทางรกทึบเป็นอุปสรรคเล็กน้อยในการหลบหนีทว่าเส้นทางพวกนี้เราคุ้นชินกับมันมานานนับปีความคุ้นเคยทำให้เราผ่านใบไม้ทึบและเถาวัลย์ไปได้เรื่อยๆ

    ผ่านลานกว้างกลางป่าผ่านต้นไม้ลำต้นใหญ่เล็ก กิ่งไม้และใบไม้ พงหญ้าและกอหญ้าจนมาถึงโกดังร้างอันคุ้นเคย สถานที่ซึ่งเป็นสรวงสวรรค์ของเรา

    หรือเคยเป็น

    เขาหอบหายใจรวมถึงผมด้วยเราค่อยๆ เข้าไปยังโกดังแห่งนั้นช้าๆ เขาล็อกประตูลงกลอนมันไว้ขังพวกเราให้อยู่ในนี้กันแค่สองคน

    ตอนกลางคืนป่าทึบทำให้ค้นหายาก พวกนั้นคงหาเราไม่เจอเร็วๆ นี้หรอกเรารีบนอนพักเอาแรง แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางต่อ

    ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเขาทว่ายังเกิดคำถาม

    เราจะไปไหน...?”

    เขาหันมาส่งยิ้มให้ผมเป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วรวดร้าวจนแทบจะร้องไห้ออกมา

    “...ไม่รู้จบคำพูดเขาสวมกอดผมแน่น ความเปียกชื้นปรากฏบนไหล่ของผมและไหล่เขาเองก็คงเปื้อนน้ำตาผมไม่ต่างกัน

    แต่เราต้องไป นายเข้าใจใช่ไหม

    ฉันรู้

    ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาทำอะไรนาย เพราะอย่างนั้นเราจะต้องออกจากที่นี่

    อืม เราจะไปด้วยกัน

    คืนนั้นเรานอนกอดกันกกกอดแลกรสจูบให้กันราวกับวันสิ้นโลกจะมาถึง และมันอาจเป็นวันสิ้นโลกจริงๆ ก็ได้ผมซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขากอดก่ายกันพลันวันจนแทบอยากจะหลอมละลายให้ร่างกายตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวเขาหรือไม่ก็ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของตัวผม เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

    ตึง!

    เสียงดังสนั่นปลุกให้พวกเราตื่นและเรารู้แล้วว่าเราพลาด พวกนั้นเจอเราเร็วกว่าที่คิด ยามเช้ายังมาไม่ถึงดีทว่าพวกเขามาถึงกันแล้ว

    เรารู้ว่าพวกนายอยู่ในนั้น!

    ผมหน้าถอดสีส่วนเขารีบลุกขึ้น ปีนกองฟางเพื่อมองผ่านช่องแสงออกไปข้างนอก

    พวกมัน...ล้อมอยู่เต็มไปหมด

    จบคำพูดเขาผมน้ำตาร่วง รับรู้แล้วว่าเราคงจบสิ้นกันเท่านี้ หลังจากวันนี้ไปจะไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเราพวกเขาจะลากเรากลับหมู่บ้าน จับมัดกับเสาบนแท่นพิธีอะไรสักอย่างก่อนเฆี่ยนตีเราจนกว่าจะหมดลมหายใจ

    เสียงดังตึงยังคงดังอยู่ข้างนอกประตูพวกเขาคงทำลายประตูเก่าๆ นี้ได้ในไม่ช้า

    เขาเดินมากอดผมแน่นส่วนผมก็จมอยู่ในอ้อมกอดเขาไม่ไปไหนสวรรค์ของเราถูกค้นพบและกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า รวมถึงพวกเราด้วย

    อันที่จริง...คงไม่มีสวรรค์สำหรับตัวประหลาดอย่างพวกเรา

    ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเขากระซิบบอกถ้อยคำรักไม่หยุดปาก

    เขาตอบกลับมาด้วยถ้อยคำบอกรักเช่นกันพร้อมกับค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออก

    ใบหน้าเขายังคงไม่ชัดเจนในสายตาแต่ชัดเจนเสมอในความรู้สึก เขาเปิดเสื้อตัวเองเผยให้เห็นวัตถุสีดำอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ใต้สาบเสื้อเหน็บอยู่กับขอบกางเกงนั้น

    น้ำตาผมไหลพรั่งพรูเมื่อเขาหยิบสิ่งๆนั้นออกมา บรรจุลูกกระสุนไว้สองนัดก่อนเงยหน้ามายิ้มให้ผม

    และผมก็เข้าใจทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา

    ผมแย้มยิ้มให้เขา

    เชื่อใจฉันนะ ไม่ว่าจะต้องเกิดใหม่เป็นตัวอะไรหรือเป็นใคร ฉันก็จะมีแค่นาย

    ผมพยักหน้ารับเชื่อมั่นในคำพูดของเขาสุดใจ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ฉันจะเป็นของนายผมเอ่ยตอบ

    เขากอดผมอีกครั้งกระซิบบอกถ้อยคำรักข้างหู พร้อมกับกดจูบลงมาเป็นครั้งสุดท้าย

    รอฉันนะ อีกสักพักจะตามไป

    เขากระซิบบอกจ่อปืนตรงกับหัวใจของผม

    ผมยิ้มหลับตาและพยักหน้า ผมเชื่อเขาอยู่แล้ว เชื่อว่าเขาจะตามมา

    ปัง!

    เสียงประตูถูกเปิดออกดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงปืนที่ลั่นไกเข้ากับร่างผมทั้งโลกหมุนเคว้งทันทีที่กระสุนทะลุผ่านตัวผม ร่างกายผมกระแทกลงกับผิวดินมันไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ทุกสรรพเสียงหายไป ภาพตรงหน้าเลือนรางเต็มที

    ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความมืดภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือเขาลั่นไกเข้าที่ขมับตัวเอง

    และร่วงหล่นลงมานอนข้างกายผม







    ฝันร้ายหรือ

    ใบหน้าที่คุ้นเคยของเขาปรากฏขึ้นมาเป็นอย่างแรกหลังจากที่ฝ่ามืออุ่นปาดน้ำตาของผมออกไปให้พ้นจากการมองเห็นผมพยักหน้า หันไปมองรอบๆ ตัวที่เป็นห้องพักของพวกเรา ทุกอย่างเหมือนเดิมของทุกอย่างที่เราเลือกซื้อมาด้วยกันตั้งไว้ที่เดิม ผ้าปูที่นอนสีเดิมผ้าม่านสีเดิม

    และเขาคนเดิม

    ผมน้ำตาไหลไม่หยุดจนเขาต้องโอบกอดประคองผมเอาไว้ ลูบหัวลูบหลังราวกับปลอบเด็กทารก

    เราอยู่นี่ ไม่เป็นไรแล้ว

    ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดเขาเขาหอบฮักให้กับความฝันที่สมจริงยิ่งกว่าครั้งไหนทุกเรื่องราวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเสมือนความทรงจำเมื่อวันวานแตกต่างตรงที่ทั้งเขาและผมอยู่ด้วยกันตอนนี้ และเรายังมีชีวิต

    ผมเงยหน้ามองใบหน้าของเขาขยับตัวลูบไล้โครงหน้าสวย ก่อนขยับมือไปยังเส้นผมข้างหน้าที่ปรกบังขมับข้างขวาผมเผยมันออก เห็นรอยปานขนาดเท่าหัวแม่โป้งประทับอยู่ตรงนั้นนิ้วโป้งผมเกลี่ยมันอย่างแผ่วเบาลูบรอยปานที่ผนึกอยู่บนใบหน้าของเขาเช่นเดียวกับการลูบถ้วยแก้วเปราะบาง

    ก่อนประกบจูบลงไปที่รอยสีเข้มนั้น

    ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราหากันเจอในชาตินี้

    และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นความรักของผมจะเป็นเขาตลอดไป

     

    End

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in