เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storymoonshine
วันแรกในรอบหลายปีที่รู้สึกมีชีวิต
  • สวัสดี นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ตัดสินใจเขียนอะไรบางอย่างลงในเว็บดู จริงๆก็เป็นแค่การเริ่มเขียนไดอารี่ ไม่ได้เป็นคนเขียนเก่งอะไรแบบนั้นหรอก แค่อยากเขียนเก็บความทรงจำและรวบรวมความคิดในวันแบบนี้ไว้สักครั้ง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิตได้บ้าง หลังจากประสบกับความซึมเศร้าอย่างหนักหน่วงซึ่งเป็นมาหลายปีจนนับไม่ได้แล้ว แต่เราได้ไปอ่าน reasons to stay alive ของ matt haig มา เป็นหนังสือที่โคตรจะแตะใจไปทุกประโยคทุกหน้า อยากแนะนำให้ทุกคนไปอ่านแต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลามาพูดถึงเลย คนน่าจะมีรีวิวเยอะแล้ว สามารถไปหาอ่านได้นะ แล้วลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูสักครั้ง มันอาจจุดประกายการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในความคิดและตัวคุณได้ เอาล่ะ กลับมาที่เรื่องของเรา หลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบตอนตีสาม เราตื่นเช้ามาแบบมีสติขึ้นมาบ้าง และวันนี้ก็เหมือนเดิมตามประสานักศึกษาเภสัชที่อยู่ในช่วงสอบไฟนอล เราตื่นมาสอบอีกแล้ว เหมือนเกิดมาเพื่อเรียน แล้วก็สอบ มีอยู่แค่นี้  แต่ก็อย่างที่ว่าในวันนี้ที่มีสติรู้สึกเหมือนเป็นคนในรอบหลายเดือนหลังอ่านหนังสือเล่มที่ว่าจบ ระหว่างสอบก็มีความคิดที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบสี่เดือนติดนี้ว่า ชั้นจะต้องพาตัวเองออกไปจากห้องนอนสี่เหลี่ยมบ้านี่ นึกขึ้นมาว่าอยากพาตัวเองออกไปข้างนอก แต่แหงล่ะ เราอยู่ต่างจังหวัดในประเทศนี้ ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ ที่ๆจะไปก็มีแค่ห้างสรรพสินค้าเล็กๆแค่นั้น แต่ว่านะมันเป็นอะไรที่พิเศษมากสำหรับเราตั้งแต่ที่คิดถึงการออกไปข้างนอกได้ แทนที่จะนึกถึงแต่เรื่องอยากตายแล้ว ไม่ได้คิดถึงว่าจะตายเมื่อไหร่ ความล้มเหลวของตัวเอง หรือ เรื่องในอดีตที่ไม่เคยผ่านไป อะไรแบบนั้น พอไปก็แค่ไปเดินเล่นเฉยๆเอง ดูของนู่นนี่ไปเรื่อย แต่เราประหลาดใจมากว่านี่แทบจะเป็นครั้งแรกในหลายปีโคตรๆที่เราออกไปข้างนอกและเดินเข้าร้านเข้าบูธดูอะไรไปแบบที่ในหัวสมองไม่ได้คิดว่า มีใครคนอื่นกำลังจ้องมอง ด้วยสายตาว่าเราแปลก หรือคิดไปเองทุกการก้าวเดินว่าเราทำอะไรแปลกๆน่าอายไปหรือเปล่า เรากล้าเดินที่นั่นคนเดียว เข้าร้านเจอใครแบบที่โฟกัสกับตัวเองได้ โดยไม่ได้สนใจใครคนอื่นมากมาย จากที่ปกติเราเดินเข้าร้านอะไรไปเองไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงๆก็ได้แต่โคตรจะต้องรวบรวมความกล้าราวกับไปทำการใหญ่อะไรขนาดนั้นแหละ แต่วันนี้ไม่เป็นแบบนั้น รู้สึกสบายใจมากเลยที่ได้ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง แบบที่ไม่มีความคิดบ้าอะไรมาขัด เป็นแบบคนปกติอ่ะ แปลกมากเลย นี่เป็นเพราะว่าเราใส่แมส เหมือนมีอะไรมาปกปิดทำให้มั่นใจขึ้น เลยกลัวสายตากลัวการมองหมิ่นตัดสินจากคนอื่นน้อยลงมาก เพราะปกติก็จะกังวลตั้งแต่คนเห็นหน้าละ แต่นี่คนเห็นแค่ตากับคิ้ว เป็นเพราะแบบนั้นหรือเปล่านะ หรือเป็นเพราะการอ่านหนังสือเล่มนั้นช่วยให้มองอะไรเปลี่ยนไปได้บ้างแล้ว คิดว่าน่าจะทั้งคู่ แต่ว่าถ้าไม่ได้หนังสือเล่มนั้นคงคิดไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจะออกมาจากบ้านน่ะ จะว่าไปก็ได้ไปเดินดูหนังสือด้วย สุดท้ายก็ซื้อหนังสือของ matt haig มาอีก ดูเหมือนจิตใจเราถูกช่วยเหลือจากเขาอย่างมากเลยล่ะช่วงนี้ ซื้อเล่ม the midnight library มา วันนี้เป็นวันที่เรารู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่มากที่สุดเลย ไม่ได้รู้สึกมานานมากๆ มันไม่ได้มีความสุขอะไรมากมายแบบนั้น แต่มันคือปกติ ปกติที่คนอื่นเขาเป็นกัน อ่อ แล้วก็คืนนี้เราไม่มีความคิดอยากตาย ความปกตินี่เหมือรคือการเกิดอะไรมหัศจรรย์ขึ้นในชีวิตเลย เป็นหนึ่งวันเต็มที่ไม่มีความคิดว่าจะตายเมื่อไหร่ ทำไมเราห่วยแตกที่สุดในโลก ไม่มีความรู้สึกจมน้ำหรือหายใจไม่ออก ถึงตอนกลางคืนจะคิดเรื่องเครียดแบบไม่มีเพื่อนสักคนตอนแยกภาคที่มหาลัยขึ้นมาก็เหอะ ไม่อยากจะเชื่อเลย หวังว่าวันอื่นๆ ถึงพรุ่งนี้จะกลับไปเหมือนเดิม ก็จะมีวันแบบนี้อีกนะ ก็แบบนั้นแหละ แถมเป็นวันแรกที่มาเขีบนอะไรแบบนีครั้งแรกในชีวิตแทนการนอนเป็นผักด้วย ถึงไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีแรงเอาตัวเองมาเขียนหรือเปล่าอ่ะนะ เป็นวันที่ปกติดี และรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิต ที่สัมผัสได้ว่ายังเชื่อมต่ออยู่กับโลก ไม่ใช่ธาตุอากาศ หรือซอมบี้ไร้สมอง 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Resha Valentine (@me.impsd)
คุณเก่งมาก ๆ เลย ไว้เราจะลองไปอ่านหนังสือที่คุณอ่านนะ

ถ้าอยากไปเดินเล่น ลองไปที่ช่างชุ่ยดู
คนน่าจะไม่เยอะมาก เดินสะดวก
ช่วงนี้มีตลาดมือสองด้วยแหละะ

note: เรารอบทความที่ 2 อยู่ อย่าลืมมาอัพเดทล้ะ !