เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
2017DC K ToKa
November
  • เดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่ผมเตรียมตัวสอบครั้งสำคัญอยู่สองครั้งด้วยกัน

    ครั้งแรก เป็นการสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์
    เป็นการสอบที่เหมือนเป็นการเริ่มต้นการทำวิทยานิพนธ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งจริงๆก็เริ่มตั้งแต่ที่ลงทะเบียนวิทยานิพนธ์แล้วแหละ ซึ่งการสอบครั้งแรกก็จะเป็นการเสนอหัวข้อที่เราจะทำ พร้อมกับนำเสนอว่าจะทำอะไรบ้าง มีแผนจะทำอะไรต่อไป ซึ่งอันไหนที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางอาจารย์ก็จะแนะนำให้ไปแก้ไข ซึ่งการสอบหัวข้อส่วนใหญ่ก็จะผ่านอยู่แล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่กว่าจะได้สอบนี่อุปสรรคเยอะเต็มไปหมด

    เริ่มต้นต้องมีการเสนออาจารย์ที่ปรึกษาพร้อมกับกรรมการไปให้เจ้าหน้าที่ภาควิชาทำเรื่องต่อ ซึ่งก็ทำเสร็จสรรพเรียบร้อยเมื่อเดือนก่อน พอมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ ขั้นตอนต่อไปคือต้องปริ้นใบขอสอบหัวข้อไปให้อาจารย์เซ็น เพื่อที่จะส่งให้ทางเจ้าหน้าที่จองห้องสอบให้ ประเด็นคือผมให้อาจารย์ที่ปรึกษาและกรรมการที่เป็นอาจารย์ผู้หญิงเซ็นเรียบร้อยแล้ว (ตอนนี้ผมมีกรรมการสองคน อาจารย์ผู้หญิงคนนึงและอาจารย์ผู้ชายอีกคนนึง) แต่พอจะเอาไปให้อาจารย์อีกคนเซ็น (ซึ่งเหลือคนเดียว) อาจารย์ดันไม่อยู่อีก โอเคไม่เป็นไร รอได้ ช่วงเวลานั้นก็นั่งทำการบ้านไปจนตกเย็น ก็ไปหาอาจารย์ที่ห้องก็ไม่อยู่อีก เฮ้ย! กลายเป็นว่าแทนที่จะเรียบร้อยในวันนั้น มันก็ไม่เสร็จ ส่งไม่ได้อีก แถมวันนั้นเป็นวันศุกร์ด้วย อีกทีก็ต้องวันจันทร์เลย โอเค! วันจันทร์ก็ได้วะ!

    ก็เอาให้อาจารย์เซ็นวันจันทร์ และส่งให้เจ้าหน้าที่จองห้องเรียบร้อย ทีนี้ต่อไปคือต้องทำเล่มส่ง ซึ่งเริ่มไปได้แค่นิดหน่อยเอง ทีนี้ ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าส่งวันไหน เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องส่งก่อนสอบ 7 วัน

    ผมสอบวันที่ 24 นั่นหมายความว่าส่งวันสุดท้ายก็คือวัน 17 และวันนี้วันที่ 13 นั่นหมายความว่ามีเวลาปั่นแค่ 4 วันเท่านั้น โห! มันจะทันไหมเนี่ย! ไม่ใช่แค่นั้นนะ แถมต้องปริ้นใบส่งเล่มไปให้อาจารย์เซ็นอีก จะเซ็นอะไรเยอะขนาดนั้น เรียกได้ว่าเป็นอาทิตย์แห่งนรกของจริง เกมก็ไม่ได้เล่น การบ้านก็ไม่ได้ตรวจ งานอื่นๆก็ต้องวางไว้ก่อน เพราะต้องปั่นเล่มนี่แหละ แถมรูปเล่มเป็นภาษาอังกฤษอีก เอาเข้าไป!

    แต่สุดท้ายก็ปั่นเสร็จจนได้ในวันพฤหัส ก็ปริ้นออกมาเข้าสันรูดให้เรียบร้อยพร้อมใบเซ็นส่งรูปเล่ม กะว่าวันศุกร์ส่งรวดเดียวเรียบร้อยสบายใจ

    มาถึงวันศุกร์ ผมตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งเล่มกับอาจารย์กรรมการที่เป็นผู้หญิงก่อนเลย และกะว่าช่วงบ่ายจะไปส่งอีกสองเล่มกับอาจารย์กรรมการผู้ชายกับที่ปรึกษา พอไปถึงหน้าห้องก็เข้าไปส่องในห้องปรากฎว่าไฟไม่เปิด อาจารย์ไม่อยู่ ฉิบหายแล้ว! เพราะปกติอาจารย์คนนี้เช้าแบบนี้ต้องเข้ามาแล้ว และการที่อาจารย์ไม่มาในเวลานี้ นั่นคือวันนี้อาจารย์ไม่เข้ามหาลัยไง! บรรลัยแล้ว! แล้ววันนี้เป็นวันส่งเล่มด้วย ยังไงดีวะเนี่ย

    เช้าวันนั้น ผมเลยเดินคอตกกลับหอ ได้แต่คิดว่าจะโดนอะไรหรือเปล่าวะ จะดีลกับอาจารย์ยังไงดีเนี่ย ความเครียด ความวิตกกังวลเข้ามาแบบเต็มสูบ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องปลงแล้วแหละว่ายังไงคงส่งไม่ครบแน่ๆ

    ช่วงบ่าย ผมเอาเล่มไปส่งกับที่ปรึกษากับอาจารย์กรรมการที่เป็นผู้ชายเรียบร้อย เหลืออีกเล่มที่ถืออยู่ที่กะว่าจะส่งแต่อาจารย์ไม่อยู่นี่แหละ และได้รู้จากรุ่นพี่ที่มีกรรมการเป็นอาจารย์คนนี้ว่าวันนี้อาจารย์มีธุระที่ลพบุรี ก็เลยขอเบอร์อาจารย์กะจะดีลขอส่งวันจันทร์ แล้วก็ดีลสำเร็จ แถมอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกด้วย โอเค ส่งวันจันทร์ตามที่ดีลไป โดยในใบที่เซ็นก็ขอลงเป็นวันศุกร์ ทีนี้พอส่งเล่มเซ็นใบอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็เอาใบเซ็นไปส่งกับเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องดันไม่อยู่อีก! ไม่อยู่ถูกวันซะด้วย อะไรเนี่ย! มันจะมีซักครั้งไหมที่ราบรื่นเนี่ย ทำไมมันตะกุกตะกักอย่างนี้วะ ผมก็เลยวางไว้บนโต๊ะโดยเจ้าหน้าที่คนอื่นก็ช่วงรับรู้ว่า ผมเอาใบมาส่งแล้วนะ โอเคนะ ให้ผมสอบเถอะนะ ไหว้ล่ะนะ

    พอถึงวันสอบ ปรากฎว่าห้องที่จองมีการสอบ QE ของรุ่นพี่ป.เอก ก็ต้องย้ายห้องไปอีก อืมมมมมมมมมมม

    สรุปสุดท้าย 1 หน่วยกิจที่ผมลงไปเพื่อสอบหัวข้อก็ผ่านแบบไร้ปัญหา หัวข้อก็ไม่ต้องแก้ แต่เล่มที่ส่งน่ะแก้เพียบ! เนื่องด้วยรีบด้วยแหละ เลยได้ตรวจทานแค่รอบเดียว และรู้สึกว่าต้องทำให้ดีกว่านี้ทั้งรูปเล่มและการตอบคำถามที่ยังตอบให้อาจารย์เคลียร์ไม่ได้เท่าที่ควร

    หลังจากนั้น ผมมีเวลาพักแค่ 1 วันเพราะอีกอาทิตย์ก็ต้องสอบสัมมนา ก็ต้องทำ PowerPoint เพื่อนำเสนอ และต้องปริ้นพร้อมแบบประเมินให้อาจารย์อีก และการปริ้นสไลด์นี่เป็นอะไรที่ปวดหัวพอสมควร เพราะถ้าปริ้นจาก PowerPoint โดยตรง เวลาปริ้นแบบ 4 สไลด์ต่อแผ่น ตัวอักษรมันจะเล็กมากๆ ก็เลยต้องแปลงไฟล์จาก ppt เป็น pdf เพื่อจะปริ้นให้ขนาดสไลด์ใหญ่ขึ้น จะได้มองตัวอักษรได้ัชัด พอปริ้นเสร็จก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ภาคเพื่อทำการเสร็จแบบฟอร์มส่งโรเนียวต่อ

    ทีนี้ สัมมนามี 2 วัน วันแรกจะเป็นของป.เอก และวันที่สองเป็นของป.โท และแน่นอนผมนำเสนอวันที่สอง และต้องเข้าฟังวันแรกด้วย เป็นการบังคับจากอาจารย์ ซึ่งการนำเสนอก็ไม่เท่าไร แต่ตอนตอบคำถามนี่สิเรียกได้ว่าดุเดือดเหลือเกิน บางครั้งเดือดแค่ตอนถามเพราะตอนตอบตอบไม่ค่อยได้ ซึ่งผมนั่งฟังไปเรื่อยๆ ความกดดันก็เข้ามาถาโถมเรื่อยๆ อารมณ์ประมาณว่าพรุ่งนี้จะรอดไหมวะ

    คือกลายเป็นว่า การสอบหัวข้อเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ดูชิลไปเลย

    ทีนี้ พอผลออกมาปรากฎว่า ป.เอกที่นำเสนอทั้งหมด 6 คนมีคนผ่านแค่ 2 คน (คะแนนผ่านคือ 75 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน) ความเครียด ความกดดันก็ยิ่งหนักขึ้นอีก โอ้โห! กูจะได้พูดใหม่ไหมเนี่ย! วันนั้นไม่ได้เป็นอันทำอะไรเลย อ่านแต่ paper ที่พอจะช่วยตอบคำถามได้ หากอาจารย์ถามเข้ามา ถึงขนาดวันนั้นมี The Mask Singer ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะดู เรียกได้ว่าเครียดจริงเครียดจังจริงๆ

    พอถึงวันสอบ ก็พยายามควบคุมสติตัวเองไม่ให้เตลิดเปิดเปิง ทั้งตอนนำเสนอและตอนตอบคำถาม ซึ่งทำได้ดีเลยแหละ ตอบคำถามก็ตอบได้ อธิบายให้พอเคลียร์ได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะมีคำถามที่มันอยู่นอกเหนือจากการที่นำเสนอก็ตาม

    พอนำเสนอเสร็จครบทุกคน ก็ถึงเวลาฟังผล ผมเข้าไปฟังผล อาจารย์ถามมาว่า

    คิดว่าคุณจะผ่านสัมมนาไหม?

    หือ! ทำไมอาจารย์ถามงั้นวะ หรือว่ามันจะไม่ผ่านวะ หรือยังไงเนี่ย ผมเลยตอบไปแบบเสียงสั่นๆนิดๆว่า

    ก็... มันก็ต้องผ่านแหละครับอาจารย์

    ทีนี้ อาจารย์เลยถามต่อว่า คิดว่าตอนนำเสนอคุณทำได้ดีพอหรือเปล่า

    ผมก็ตอบไปว่า ผมก็พยายามคุมสติอยู่ครับอาจารย์ แต่ผมก็พยายามที่สุดแล้วนะครับอาจารย์!

    อาจารย์เลยหัวเราะแล้วบอกว่า โอเคคุณผ่าน!

    ผมเลยโหย โล่งอก! นึกว่าจะได้พูดใหม่ซะแล้ว! แต่ก็มีข้อปรับปรุงก็คือสไลด์ใช้สีแสบตาไปหน่อย และตัวอักษรมันเล็กเกินไป ซึ่งก็เป็นข้อปรับปรุงที่อาจารย์ส่วนใหญ่บอกกับผมตรงกันเลย ฮ่าๆ และประเด็นคือ ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงใช้สไลด์สีแสบตาแบบนั้น แต่ช่างมันเถอะ ผ่านก็คือผ่านโว้ย!

    นั่นแหละ เป็นเดือนที่เหนื่อย เครียด กดดัน สุดแล้วจริงๆ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in