เสียงกระดิ่งตรงประตูหน้าร้านดังขึ้นเพราะแรงผลักพร้อมร่างของใครบางคน ค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ก่อนจะตีมือลงกับโต๊ะเพื่อบอกให้คนที่จมอยู่ในห้วงความคิดมาสนใจตน
" รอนานไหม "
เอ่ยถามก่อนจะวางของเอาไว้ค่อยเดินไปสั่งเครื่องดื่มอุ่นๆสักแก้ว กลับมานั่งลงที่โต๊ะเหมือนเดิมก่อนจะจัดผมตัวเองให้เข้าที
" ผมเพิ่งถึงเมื่อกี้เอง "
" โกหก คนอย่างนายเนี่ยนะจะมาใกล้ๆเวลานัด "
ตอบอย่างรู้ทันก่อนจะชี้หน้าคาดโทษแบบไม่จริงจังนัก ฮยอนบินอมยิ้มเบาๆก่อนแสร้งยกมือขึ้นมาเก้าท้ายทอยแก้เขิน เพราะแฟนตัวเองรู้ทันไปเสียทุกเรื่อง ทั้งสองคนนั่งคุยกันอะไรไปเรื่อยเปื่อย บางครั้งก็หยิบผู้คนด้านนอกที่เดินผ่านไปมาเป็นหัวข้อบ้าง ไม่นานนักเครื่องดื่มก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ยงกุกรับเอาไว้ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างกุมความอุ่นจากแก้วเพื่อคลายหนาว
" ขี้หนาวแล้วยังจะนัดผมออกมาอีกนะ "
ดุอย่างไม่จริงจังมากก่อนจะหยิบเสื้อหนาวอีกตัวที่ตนนำมาเผื่ออีกฝ่ายแล้วจัดการเดินอ้อมไปข้างหลังสวมมันให้ยงกุกค่อยกลับมานั่งเหมือนเดิม
" ก็วันนี้วันคริสมาสต์นี้หน่า "
" ผมไปหาพี่ที่บ้านก็ได้ "
" อย่าบ่นเยอะ แก่ไวนะ "
" ตัวเองน่ะ แก่กว่าผมอีก "
จับมืออีกคนมากุมเอาไว้ก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วลูบไปมาตรงแหวนสีเงินสลักตัวอักษรย่อตามชื่อของทั้งสองคน นั่งกันอยู่สักพักหลังจากหิมะตกน้อยลงแล้วยงกุกก็ชวนอีกคนออกไปเดินเล่นด้านนอก เพื่อหาของขวัญเล็กๆน้อยๆ รวมถึงหาอะไรลงท้องด้วย
ทั้งสองคนไม่ได้เดินจับมือหรือเดินควงแขนกันเหมือนคู่รักทั่วไป ทำเพียงแค่เดินข้างกันไปเรื่อยๆแบบนั้น เจออะไรข้างทางที่น่าสนใจต่างฝ่ายต่างก็เรียกให้ดู แต่ไม่ได้รู้สึกแย่หรืออึดอัด หาร้านข้าวกันอยู่เสียนานก็มาจบกันลงที่ร้านหมูย่างใกล้ๆที่คนไม่เยอะมาก ฮยอนบินสั่งเนื้อหมูสองจาน พร้อมกับซุปกิมจิของโปรดอีกฝ่าย
ไม่นานนักทุกอย่างก็ถูกนำมาเสริฟ หัวข้อสนทนาเริ่มก่อขึ้นอีกครั้งระหว่างช่วยกันปิ้งเนื้อให้สุก เสียงบ่นถึงที่ทำงานพร้อมกับหน้าที่แสนเบื่อหน่ายนั้นสำหรับเขาแล้วมันน่าเอ็นดูเสียจนต้องยื่นมือไปบีบแก้มเบาๆ และได้ผลยงกุกสะดุ้งพร้อมกับยกมือขึ้นคล้ายแมวกำลังตะบปเยื่อยหรือของเล่นสักอย่าง
" น่าเบื่อก็ลาออกมาสิ "
" แล้วจะเอาไรกิน "
" ผมเลี้ยงได้ พี่ก็รู้ดี "
" ไม่เอาหรอก "
" ผมพูดจริงนะ "
ไม่ได้มีท่าทีซีเรียสแต่น้ำเสียงนะ ยงกุกสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายจริงจังแค่ไหน มือหนาวางที่คีบลงกับโต๊ะก่อนจะใช้ตะเกียบคีบชิ้นที่สุกแล้วใส่จานอีกคน
" รอได้หน่า พี่อยากออกตอนไหนก็ค่อยว่ากัน "
" ขอโทษนะ แต่พี่.. "
" หยุดเลย ถ้าจะหงอยผมเขกหัวจริงๆด้วย "
ไม่เพียงแค่พูดแต่ฮยอนบินแกล้งยกตะเกียบขึ้นมาไว้เหนือหัวอีกคน ก่อนจะหัวเราะเบาๆกับท่าทีน่ารักเหล่านั้นแล้วเปลี่ยนตำแหน่งมาคีบอาหารบนเตาแทน
พอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดูเหมือนยงกุกจะผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี ฮยอนบินไม่ได้เร่งรัดอะไรยังไงเลิกงานกลับบ้านไปก็เจอกันอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้ามันเครียดมากเขาก็ไม่ค่อยอยากสนับสนุนให้ทำต่อก็เท่านั้น
ใช้เวลาสักพักกับอาหารทั้งหมด ก่อนจะนั่งเพื่อให้ย่อยพร้อมกับช่วยกันคิดว่าก่อนกลับบ้านจะไปนั่งเล่นตรงสวนที่ชอบไปประจำ หลังออกมาจากร้านฮยอนบินบอกให้อีกฝ่ายรออยู่ตรงนี้ค่อยข้ามถนนไปซื้อเครื่องดื่มอุ่นๆมาให้อีกคนถือ
ทั้งสองเดินไปอย่างไม่เร่งรีบ บนถนนที่มีผู้คนมากมายบ้างก็มาเดี่ยว บ้างก็มาเป็นกลุ่ม แน่นอนว่าเทศกาลการชวนคนรักออกมาเดินข้างนอกพร้อมกอดแขนกันนะ เป็นสิ่งที่ใครๆหลายคนอยากทำ
" นี้ "
ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบสัมผัสจากมือเล็กที่สอดเข้ามาในกระเป๋าเสื้อโค้ทนั้นเล่นเอาฮยอนบินตกใจเล็กน้อยลอบมองอีกฝ่ายที่แกล้งยกแก้วน้ำขี้นมาดื่มแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสอดนิ้วประสานเข้าหากันแล้วกุมเอาไว้
หุบยิ้มไม่ได้เลย แหะ
แต่ไม่เป็นไรหรอก
ก็เขาใส่ผ้าพันคออยู่นี่หน่า
เดินกันจนมาถึงที่ขึ้นรถก่อนจะโบกแท็กซี่เพื่อไปยังที่หมาย ใช้เวลาไม่นานเนื่องจากการจราจรไม่ได้ติดขัดแม้จะเป็นวันเทศกาลก็ตาม
" เดินดีๆ เดี๋ยวก็ล้ม "
" บ่นอยู่ได้ นายนะเดินเร็วๆ "
ไม่ได้ว่าเปล่ายงกุกยังหันมาดึงมือเขาให้เดินตามจนตอนนี้กลายเป็นว่าอีกคนกอดแขนตัวเองเอาไว้ ฮยอนบินยิ้มกับตัวเองรอบที่ล้านก็ว่าได้ มือหนาเลื่อนลงมากุมเอาไว้และสัมผัสแรกคือคนข้างกายน่าจะหนาวไม่ใช่น้อย
" มือเย็นเนี่ย "
" อืออ ก็อากาศเย็นไง "
" กลับบ้านได้แล้ว "
" ไม่เอา อย่าขัดใจดิ "
คนดื้อขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะผละออกแล้ววิ่งขึ้นไปบนเนินสูงที่มีม้านั่งอยู่พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงแต่ก็สะดุ้งเบาๆ เพราะความเย็น ฮยอนบินยืนขำก่อนจะเดินตามขึ้นไปแต่เขาเลือกจะยืนมองอีกคน
" ไม่นั่งหรอ "
" ไม่เป็นไร ผมนั่งเยอะละ "
มือหนาเลื่อนไปปัดปอยผมที่ปกลงมาบนใบหน้านั้นเบาๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบแก้มด้วยความรู้สึกที่ล้นหัวใจ ก้มลงไปหาอย่างเชื่องช้าประทับรอยจูบ..
ลงบนความเย็นของป้ายชื่อ
ห้วงเวลาหยุดเคลื่อนไหว
ทุกอย่างหมุนไปข้างหน้าอย่างรวด
ราวกับเข็มของนาฬิกา
ที่หมุนวนจนเหมือนใกล้จะพัง
ความเย็นของแผ่นป้ายชื่อหลุมศพเรียกสติให้กลับคืนมา จับช่อดอกไม้ที่ใกล้ล่วงหล่นกลับเข้าที่เช่นเดิมก่อนจะยิ้มที่ยังคงฉายความเศร้าปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมถึงมือหนาเองยังคงลูบมันอยู่..
ตรงใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
ดวงตาที่มีแต่ความสุข
รูป.. ของคนที่เขารักจนหมดหัวใจ
" ผมคิดถึงพี่มากเลย พี่คิดถึงผมไหม? มองจากบนนั้นนะ"
.
.
.
.
" เหงารึเปล่า "
เสียงทุ้มยังคงเอ่ยอยู่เพียงลำพังโดยไม่ต้องการคำตอบ ฮยอนบินปัดหิมะที่เริ่มต้นหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจกางร่มที่พกมาเพื่อบดบังความหนาวเย็นเหล่านั่น ถึงแม้น้ำเสียงจะเศร้ามากขนาดไหน แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้มราวกับไม่รู้สึก
" แรกๆผมเหงามากเลยละ "
" แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ชุนฮโยน่ะ ซนมาก "
" แถมยังสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วด้วย "
" ลูกดื้อขนาดนี้ จริงๆพี่ต้องช่วยผมดูแลสิ "
หลังจบประโยคก็ไอเบาๆเพราะแพ้ความเย็นที่เริ่มลงคอ กระชับผ้าพันคอผืนโปรดที่แม้จะไม่ได้ทำจากผ้าไหมชั้นดี แต่ก็มีคุณค่ามากเสียจนที่เปรียบไม่ได้ ผ้าพันคอผืนเดียวในโลก ผืนที่ถูกถักทอด้วยความรัก ผืนที่พี่ยงกุกถักให้เป็นของขวัญวันเกิด ฮยอนบินนั่งอยู่แบบนั้นสักพักโดยไม่พูดอะไรก็จะตัดสินใจกลับบ้าน
" ผมออกมานานแล้ว "
" ต้องกลับแล้วละ "
" สุขสันต์วันครอบ 4 ปีของเรานะครับ "
" ผมนะ "
.
.
.
.
.
.
" รักพี่มากๆ "
" ที่สุดเลย "
เอ่ยประโยคเดิมๆที่ก็เหมือนกับทุกปี ไม่มีคำสวยหรูหรือการฉลองแสนหอมหวาน มีเพียงช่อดอกไม้สุดโปรดหนึ่งช่อ กับตัวเขาที่แต่งตัวด้วยชุดเดิมในเดตวันแรกถึงอย่างงั้นทุกครั้งที่ต้องพูดมันฮยอนบินไม่เคยรู้สึกเหมือนเดิมเลยสักนิด
คิดถึงมากขึ้นกว่าปีก่อน
และปีหน้าก็จะคิดถึงมากกว่าปีนี้
รักมากขนาดไหนในปีก่อน
ปีนี้ก็ไม่เคยลดลงเลย
" ร่มกางเอาไว้แบบนี้ละ "
" ไม่ต้องห่วงหรอก ผมพกมาสองอัน "
" พี่ยงกุก "
" ผมกลับแล้วนะ "
ถึงแม้จะผ่านมาเท่าใดแต่วันเวลาไม่อาจหวนคืน คนบนฟ้าเองก็ไม่ได้ประทานพรให้คนบนพื้นดินได้เสียทุกเรื่อง ค่อยๆประทับริมฝีปากแผ่วเบาลงบนป้ายเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้ นั่งมองอยู่สักพักฮยอนบินก็บังคับให้ตัวเองลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปยังรถของตัวเอง ยังไงที่บ้านก็ยังมีใครบางคนที่รอให้เขากลับไป
ทุกอย่างมันไม่ง่ายขนาดนั้น
การใช้ชีวิตอยู่โดยมองใครสักคนจากไป
แล้วเรายังต้องเดินหน้าต่อ
มันไม่ง่ายเลย จริงๆนั้นละ
แต่ความตายก็ไม่ใช่เสมอไปสำหรับทางออกของความเสียใจ ชีวิตหลังความตายนะ.. ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะสวยงาม หอมหวานเหมือนตอนมีลมหายใจ หรือต้องทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอยู่
ตุ๊กตาไอร่อนแมนที่เหมาะกับเด็กผู้ชายถูกห่อด้วยกล่องขวัญพร้อมผูกโบว์ ฮยอนบินเหลือบมองแล้วยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะต่อสายกลับไปยังที่บ้าน
" กำลังกลับแล้ว "
(รีบๆมา ลูกรอมึงอยู่)
" อืม แค่นี้ละขับรถ "
กดวางจากสายเพื่อนสนิทที่อาสามาช่วยอยู่ดูแลหลานแทนระหว่างที่เขาออกมาข้างนอก ใช้เวลาไม่นานกับจราจรบนถนนที่ไม่ค่อยมีรถประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงบ้าน
" คุณพ่อ! "
เสียงเด็กผู้ชายเอ่ยดังลั่นพร้อมกับสองขาที่วิ่งเข้ามากอดเอวไว้อย่างแนบแน่น ดวงตาที่เติมแต่งด้วยความสุขเหมือนไฟอุ่นๆในเตาผิงที่กำลังโอบกอดหัวใจอันแสบหนาวเหน็บของฮยอนบินได้เป็นอย่างดี
" ไปเยี่ยมคุณแม่มาหรอครับ "
" ครับ ชุนกินข้าวรึยัง "
" กินแล้วว อาเคนตะป้อนเยอะมากๆๆ "
ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจ ในตอนที่ทำสัญญารับเลี้ยง พี่ยงกุกมองเห็นอะไรในเด็กคนนี้ ในสายตาของฮยอนบินแล้วก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่
พูดเยอะเฉพาะกับคนสนิท
ชอบทำให้เป็นห่วง
แต่ก็เป็นเด็กที่ดี
และเป็นเหตุผล
ที่ทำให้เขายิ้มได้เสมอ
สะบัดหัวเบาๆหลุดออกจากห้วงความคิดที่ภาพของยงกุกซ้อนเข้ามา ฮยอนบินจึงพยักหน้ารับคำก่อนจะยื่นกล่องขวัญให้ลูกชายเพียงคนเดียวในชีวิต แล้วเดินเข้าไปในบ้าน จังหวะพอดีที่ดงฮันเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำดื่มก่อนจะยื่นให้และขอตัวกลับเนื่องจากพรุ่งนี้เคนตะมีงานทำแต่เช้า
" ชุนฮโย เดี๋ยวแปรงฟันเข้านอนได้แล้วนะ "
" ครับผม! อันนี้ผมเอาไปเล่นในห้องได้ไหม? "
" ได้สิ แต่อย่าดึกละ "
เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะรีบนำเศษกระดาษที่แกะเมื่อสักครู่ทิ้งลงถังขยะ แล้วเดินเข้าห้องน้ำปีนเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อให้ถึงตัวอ่างล้างหน้า หยิบแปรงสีฟันก่อนจะบีบแล้วเริ่มถู
ฮยอนบินเองก็เก็บกวาดในส่วนที่เหลือ ตรวจความเรียบร้อยอีกรอบ และไม่ลืมจะเดินล็อคประตูบ้านให้สนิทก่อนเดินเข้าห้องนอน เห็นลูกชายกำลังเล่นตุ๊กตาแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย
ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็พร้อมสำหรับการเข้านอน เสียงในห้องที่เงียบสนิทบ่งบอกได้เลยว่าตัวแสบได้เข้าสู่นิทราเรียบร้อย ยืนยิ้มกับภาพตรงหน้าที่แม้จะหลับก็ยังกอดของขวัญชิ้นใหม่ไว้อย่างแนบแน่น
เดินเข้าไปใกล้ๆแล้วจัดระเบียบท่านอนรวมถึงผ้าห่มให้เข้าทางค่อยทิ้งตัวลงเตียง ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความอุ่นชุนฮโยก็เขยิบเข้าหาอย่างคุ้ยเคย
" ฝันดีนะลูก "
จูบหน้าผากลูกชายเบาๆก่อนจะกระชับผ้าห่มอีกครั้งเพื่อกันความหนาวจากอากาศด้านนอก และไม่นานฮยอนบินเองก็คล้อยหลับไปเช่นกันจมเข้าสู่นิทรา โลกแห่งความฝันที่เขาจะได้พบเจอกับใครบางคนที่ยังคงชัดเจนเสมอในความคิดถึง ไม่เคยจางหายหรือลืมไป ภาพของรอยยิ้มที่สดใสดุจดวงอาทิตย์ยามเช้า
ขอแค่ให้เราได้พบกัน
ณ ที่แห่งหนึ่งในห้วงเวลา
คุณผู้ไม่เคยตายจาก
และยังคงงดงามเหมือนวันแรกที่พบกัน
ผู้เป็นเหมือนรุ่งอรุณฤดูใบ้ไม้ผลิ
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในความคิด
ที่คุณและผมนั้น
อยู่ด้วยกันตลอดกาล
เพียงแค่นั้นก็มากพอแล้ว
END.
#storyofbinguk
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in