เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
การุณยฆาต
  • 'การุณยฆาต' (Euthanasia) คือ การทำให้เสียชีวิตอย่างถูกต้องทางมนุษยธรรม มาจากคำว่า การุณ หรือกรุณานั่นเอง บวกกับคำว่า ฆาต ที่แปลว่า ตาย รวมๆคือการทำให้ตายอย่างมีความกรุณานั่นเอง การการุณยฆาตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท (บางแหล่งก็บอกว่ามี 3 ประเภท แต่เอาเป็นว่าไม่ว่าจะกี่ประเภท ทางสุดท้ายคือความตายทั้งสิ้น)
    1. การุณยฆาตเชิงรับ (Passive Euthanasia) คือ การยุติการรักษาและปล่อยให้ผู้ป่วยตายไปเอง
    2. การุณยฆาตเชิงรุก (Active Euthanasia) คือ การใช้สารหรือวัตถุเพื่อเร่งให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
    การการุณยฆาตนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ในสังคมไทย ในมาตรา 12 ของกฏหมายไทย ได้ระบุเอาไว้ว่า "บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงความเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดระยะเวลาการตายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้" เพราะฉะนั้นมีบางคนอาจจะเคยได้ยินว่ามีคนเขียนจดหมายเอาไว้ตอนที่ตัวเองรู้ว่าเป็นโรคร้ายแรงว่า ไม่ต้องการให้ปั๊มหัวใจหรือเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจใดๆเมื่อตัวเองใกล้จะสิ้นลม แต่การการุณยฆาตแบบเชิงรุกหรือแบบใช้สารเร่งความตายยังเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายในประเทศไทย มีใครหลายคนพยายามขับเคลื่อนแนวคิดทำให้กฏหมายการุณยฆาตในไทยให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและทำได้ แต่แนวคิดนี้ก็ไม่ค่อยได้รับความยอมรับหรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวมากนักอาจจะเพราะในประเทศไทยยังมีคนอีกจำนวนมากที่เชื่อในศาสนาพุทธ คือ การไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่นั่นเอง ประเทศในโลกนี้ที่มีกฏหมายการุณยฆาตเชิงรุกมีด้วยกัน 11 ประเทศ คือ เนเธอแลนด์, เบลเยี่ยม, ลักเซมเบิร์ก, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, แคนาดา, อเมริกา (บางรัฐ), โคลอมเบีย, เยอรมันนี และญี่ปุ่น (มีข่าวแว่วๆมาว่านิวซีแลนด์ก็เพิ่งเคาะกฏหมายออกมาเช่นกัน) ในแต่ละประเทศก็ได้กำหนดกฏเกณฑ์การการุณยฆาตแตกต่างกันออกไป ที่คนนิยมและได้ยินกันเยอะแยะคงจะไม่พ้นการไปทำการุณยฆาตที่สวิตฯหรือเนเธอแลนด์ ถึงอย่างไรก็ตามการทำการุณยฆาตก็ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆเหมือนการเดินเข้าไปในเซเว่นแล้วสั่งพายใส้มะพร้าวอ่อนอบร้อนซักชิ้น ผู้ที่จะรับการทำการุณยฆาตนั้นต้องผ่านการตรวจเช็คร่างกายมากมายจากทีมแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งมีการตรวจจิตใจจากจิตแพทย์ด้วย นั่นคือสาเหตุที่คนที่เจ็บป่วยด้วยโรคทางจิตเวชไม่ได้รับการยอมรับให้รับการการุณยฆาตนั่นเอง ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับผู้ป่วยทางจิตเวช รวมไปถึงตัวฉันด้วย 
    จิตแพทย์หลายคน(ส่วนมาก)มักพูดปลอบใจผู้ป่วยทางจิตเวชที่ต้องต่อสู้กับอาการของโรค, การกินยาและการรักษาอย่างยาวนานว่า โรคทางจิตเวชนั้นก็เปรียบเสมือนโรคทางกายทั่วๆไป เหมือนคนเป็นโรคเบาหวานหรือความดันที่ต้องกินยาประคับประคองระดับน้ำตาลหรือระดับความดันให้คงที่ กินยาเยอะไปน้ำตาลต่ำก็ไม่ดี กินยาน้อยไปความดันสูงก็ไม่ดี โรคทางจิตเวชก็เช่นกัน กินยาเยอะไปก็จะส่งผลเสียทางร่างกาย กินยาน้อยไประดับสารสื่อประสาทในสมองก็ไม่สมดุล แต่เมื่อพูดกันถึงเรื่องความตาย จิตแพทย์จะเป็นแพทย์ที่ห้ามผู้ป่วยไปตายอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าอาการป่วยจะรุนแรงและเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตมากมายสักเพียงใด วันหนึ่งในขณะที่ฉันนั่งฟังเพลง(เศร้า)ใน Youtube ไปเรื่อยๆ ฉันก็ได้เจอกับวิดีโอของ Adam Maier-Clayton ถ้ามีใครซักคนมาเห็นคุณอดัมจากภายนอก เค้าคือชายหนุ่มหุ่นล่ำสุขภาพดีคนหนึ่ง อาจจะเป็นนักกีฬา เช่น อเมริกันฟุตบอล เพราะหุ่นเค้าให้จริงๆ แต่ไม่มีใครคิดว่าชีวิตของคุณอดัมต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายมากมายทางจิตใจด้วยโรคทางจิตเวช สมองของเค้าจะ Create ความเจ็บปวดขึ้นมาอย่างที่ไม่สามารถคาดการก่อนได้ แน่นอนว่าคุณอดัมไปหาหมอเพื่อรักษาโรคดังกล่าวนี้และต้องกินยาหลายกระปุกเพื่อรักษามัน แต่ร่างกายของเค้าก็เจ็บปวดแทบมอดไหม้ตั้งแต่ที่เค้าตื่นขึ้นมา ตอนนี้คุณอดัมได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยการฆ่าตัวตายในปี 2017 ซึ่งฉันดีใจกับเค้าด้วยที่เค้าก้าวข้ามความหวาดกลัวและหายจากความเจ็บปวดเหล่านั้นเสียที คุณอดัมไม่ได้รับการการุณยฆาตอย่างถูกต้องตามกฏหมายเพราะโรคที่เค้าเป็นจัดอยู่ในโรคทางจิตเวช 
    'RIP Adam, I'll follow you some day and I hope you are staying in the good place without any pain right now.'
    ทำไม?? Why?? ทั้งๆที่ผู้ที่เจ็บป่วยทางกายสามารถเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลงได้เมื่อไปสุดทางของการรักษาแล้วหรือเมื่อไม่สามารถทนต่อความทรมานทางกายได้อีกต่อไป (สมมติว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในประเทศที่การการุณยฆาตคือสิ่งที่ถูกกฏหมาย) เรากำลังละเลยผู้ป่วยทางจิตใจไปรึเปล่า ทุกครั้งที่ฉันถามหาความตาย หมอมักจะพูดว่า "ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณนะครับ แต่การตัดสินใจเหล่านั้นต้องปราศจากอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง" ฉันเคยเชื่อคำพูดของหมอและคิดว่า "เอ๊ะ! หรือว่าที่ฉันกำลังคิดอยู่นี้มันเป็นอารมณ์ของฉัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากสารสื่อประสาทในสมองไม่สมดุล" ฉันลองทุกวิถีทางเพื่อทำให้สารสื่อประสาทในสมองสมดุลให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกินยาตามหมอสั่งอย่างเคร่งครัด, การออกกำลังกาย, พบปะผู้คน และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายๆอย่าง ฉันกลับค้นพบว่า ความคิดของฉันมันยังเหมือนเดิม ฉันยังอยากตาย ไม่อยากอยู่ และคิดว่าชีวิตของฉันนั้นมันเป็น 0 คือไม่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่มันก็ค่าเท่ากัน ลองจินตนาการว่าฉันเป็นเพียงฝุ่น 1 เม็ดบนโต๊ะ ต่อให้มีฝุ่น 1 เม็ดนี้อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครเหลียวแลหรือเดือดร้อน ต่อให้เอาผ้าสะอาดมาเช็ดฝุ่น 1 เม็ดนั้นออกไปก็ไม่มีใครเดือดร้อนอีกเช่นกัน ฉันทนทรมานกับความเจ็บป่วยของตัวเองมาตั้งแต่ม.ปลาย ทนเห็นภาพความตายของตัวเองและคนรอบตัว อินกับภาพเหล่านั้น และร้องไห้จนปวดหัว ฉันเสียสละความทรงจำดีๆบางส่วนไปกับการรักษาด้วยการช๊อตไฟฟ้า (ECT) เมื่อเพียงแค่ยามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ฉันทนลอยเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศหลายต่อหลายรอบเมื่อการรักษาด้วยไฟฟ้ามันก็ยังไม่ได้ผลอีก หมอเปลี่ยนยาทุกแขนงเพื่อให้เหมาะสมที่สุดกับตัวฉัน ตอนนี้ยาที่ฉันได้รับมันไม่มีผลข้างเคียงต่อฉันแล้ว แต่ความคิดฉันยังเหมือนเดิม ฉันได้รับยาเคตามีนมากกว่า 20 ครั้ง และการบำบัดมากมายทั้ง Art Therapy และ CBT แต่ความคิดของฉันยังเหมือนเดิม นี่รึเปล่าสิ่งที่พิสูจน์ว่า ความคิดอยากตายของฉันมันไม่ได้มาจากอารมณ์ ตอนนี้สารสื่อประสาทในสองของฉันมันอาจจะสมดุลกันแล้วก็ได้ อารมณ์ของฉันก็พลอยนิ่งขึ้นเยอะ แต่ความคิดมันยังอยู่ นี่ไม่ใช่หรือสิ่งที่บอกว่าฉันผ่านการทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อเข้าไปรับการการุณยฆาตแล้ว ฉันขอเป็นตัวแทนผู้ป่วยทางจิตเวชและผู้ที่กำลังทุกข์ทรมานกับโรคทางจิตเวชต่างๆเรียกร้องให้ประเทศไทยมีกฏหมายการุณยฆาต และเอื้อเฟื้อกฏหมายเหล่านั้นไปถึงผู้ป่วยทางจิตใจให้เท่าเทียมกับผู้ป่วยทางกายด้วย
    ในปัจจุบันนี้ผู้คนที่ยังมีสติสัมชัญญะดีสามารถเขียน Living Will ได้ล่วงหน้าได้ อย่างเช่น ไม่ต้องปั๊มหัวใจถ้าสัญญาณชีพไม่เหลือแล้ว, ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเมื่อร่างกายหายใจเองไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เริ่มเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันมากขึ้นกว่าในอดีต ที่ผ่านมาแค่พูดถึงความตายก็อัปมงคลจะแย่ แต่พอผู้ป่วยจิตเวชเขียนจดหมายลาตายขึ้นมาบ้าง สิ่งนี้กลับไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมและยังคงเป็นสิ่งอัปมงคลอยู่ ทำไม?? คุณลองทบทวนสิ่งที่ฉันเขียนขึ้นมาให้ดีๆ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองสิว่า "คุณกำลังทอดทิ้งผู้ป่วยจิตเวชให้ทรมานกับความเจ็บป่วยทางใจอยู่รีเปล่า?"
    ลิงค์สั่งซื้อ "สมุดเบาใจ" เผื่อใครอยากเขียน Living will ของตัวเองทิ้งไว้ก่อนตาย >> https://peacefuldeath.co/product/baojai/

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in