เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
Covid-19
  • "พรุ่งให้เคตามีนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วใช่ไหมครับ"หมอ C ถามฉันในขณะที่อ่านข้อมูลการรักษาในคอมพิวเตอร์

                "ใช่ค่ะ"

                การให้เคตามีน 5ครั้งที่ผ่านมาทำให้ฉันอาการดีขึ้นมากอย่างแปลกประหลาด ฉันรู้สึกสดชื่น, แจ่มใส และโลกนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไปที่จะใช้ชีวิตอยู่ฉันไม่ได้ปล่อยให้เคตามีนทำงานอยู่อย่างเดียวฉันเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตเล็กน้อยด้วย ฉันไปออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30 นาที ฉันเปิดร้านขายหนังสือมือสองออนไลน์ทำให้ฉันสนุกกับการขายของมากขึ้นสมัยก่อนสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หมอเคี่ยวเข็ญให้ฉันออกกำลังกายเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งขี้เกียจมากขึ้นเท่านั้น คำแนะนำจากหมอ C ว่าให้ลองหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองฉันก็เมินอย่างไร้มารยาทแต่เมื่อทำเคตามีนไปเรื่อยๆ ฉันก็คิดเพียงว่า 'จะไม่ทำให้หมอผิดหวัง'

                ฉันไม่มีค่า ไม่มีความหมาย เปลี่ยนเป็นฉันมีค่าสำหรับครอบครัวของฉันนะ

                ฉันมันไอ้คนตกงาน เปลี่ยนเป็นมันแค่ยังไม่ถึงเวลา ขายหนังสือเล่นไปก่อน

                ฉันไม่มีใครต้องการ เปลี่ยนเป็น หมอทุกคนต้องการคนไข้เสมอไม่มีคนไข้จะมีหมอได้ยังไง

                ออกกำลังกายไปทำไม เดี๋ยวก็ตายแล้ว เปลี่ยนเป็นถ้าการออกกำลังกายมันช่วยให้ดีขึ้นได้ ฉันจะไม่ลองทำมันหน่อยเหรอ

                แต่เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ฉันต้องทำเคตามีนเป็นครั้งสุดท้ายน้ำตาฉันก็นองเต็มหน้า ฉันอาจจะไม่ได้พบหมอ A อีกแล้ว หมอสาวสวยตัวเล็กที่แสนดีผู้ที่คอยกุมมือฉันเพื่อให้กำลังใจในการทำเคตามีนทุกครั้งคนที่คอยตอบคำถามสรรพเพเหระของฉันทางเมล์พรุ่งนี้เหตุการณ์เหล่านี้จะกลายเป็นเพียงอดีตที่งดงามในใจฉัน

    ตอนบ่ายหลังจากที่ฉันหมดธุระกับหมอC แล้ว พี่ T นักสังคมสงเคราะห์คนสวยก็มาพบฉัน เรามีนัดทำการ์ดป็อปอัพด้วยกัน

                "คิดไว้แล้วยังว่าจะเอาไปให้ใคร" พี่ T ถามขึ้น

                "ฉันจะเอาไปให้หมอ A ค่ะ"ฉันตอบขณะกำลังพับกระดาษ

                "โอ้โห! ดีเลย แสดงว่าลืมหมอ J ได้แล้วใช่ไหม"พี่ T พูด นั่นสินะตั้งแต่ฉันได้รับเคตามีน หมอ J ก็ค่อย ๆ หายไปจากความทรงจำ มีเพียงหมอ A และหมอ Cที่เคารพเท่านั้น

                รุ่งเช้าถัดไปฉันเตรียมตัวไปทำเคตามีนพร้อมกระเป๋าเป้เดินทางใบไม่ใหญ่มากบนหลังเนื่องจากหลังทำเคตามีนฉันและแม่ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดฉันไม่ลืมที่จะเอาการ์ดที่ฉันทำเองกับมือไปให้หมอ A ด้วยฉันเขียนไว้ในการ์ดว่า 'ขอบคุณรอยยิ้มที่แสนหวาน, ขอบคุณกำลังใจที่เปี่ยมล้น และขอบคุณที่ทำให้ฉันมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้’

                'เติมไฟที่กำลังจะหมดได้ดีจริงๆ' หมอ A ถ่ายรูปการ์ดของฉันพร้อมแคปชั่นนี้ลงในโซเชี่ยวมีเดีย บอกตรง ๆ ว่าโพสแบบนี้ก็เติมไฟให้ฉันได้ดีเหมือนกัน

                ฉันและแม่ระหกระเหินอยู่ในสนามบินด้วยความเบื่อหน่ายเราสองคนหิ้วกระเป๋าและเป้กันคนละใบเมื่อเดินผ่านร้านโดนัทชื่อดังก็ยังไม่ลืมที่จะซื้อไปให้เด็ก ๆ ที่บ้านตอนฉันจากมาเด็ก ๆ มีกันสองคนพี่น้อง แต่ตอนฉันกลับไปคราวนี้พวกเขามีกัน 3 พี่น้องแล้ว เด็ก ๆ พวกนี้มีความสำคัญมากในการรักษาโรคทางจิตเวชของฉันพ่อของฉันจะคอยส่งรูปถ่ายหรือคลิปวิดีโอของเด็กๆมาให้ฉันดูอยู่เรื่อย ๆความน่ารักและความไร้เดียงสาของพวกเขามันคอยเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของฉันได้ดี

                วิกฤต Covid-19 กำลังพัดโหมเข้ามาฉันต้องกักตัวในบ้านเป็นเวลา 14 วันฉันค้นพบว่าการตะโกนคุยกับเด็ก  ๆ ที่อีกฟากของถนนนั้นน่าปวดใจนัก ยิ่งต้องกักตัวนานเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งอารมณ์ร้อนมากขึ้นเท่านั้นพาลคนในครอบครัวทุกวันบางครั้งก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ  อย่างหายาแต้มสิวไม่เจอเป็นต้นที่แย่ที่สุดคือฉันไม่สามารถไปหาหมอตามนัดได้ ทั้งเครื่องบิน, รถทัวร์ และรถไฟต่างหยุดทำการพร้อมกัน น้ำตาฉันนองอาบแก้ม

                "แกลองทำแบบทดสอบนี้ดู เราได้ทิกเกอร์ โรคไฮเปอร์"วันหนึ่งเพื่อนของฉันส่งแบบทดสอบออนไลน์มาให้ทำมันเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับบุคลิกภาพและทายนิสัยทั่วไปหัวข้อในเว็บไซต์ให้มันชื่อว่า แบบทดสอบจิตวิทยาหมีพูห์คือเป็นการเอาแก๊งหมีพูห์ที่มีนิสัยต่างกันมาเป็นตัวแทนของกลุ่มคนนิสัยต่างๆถึงมันจะเป็นแบบทดสอบที่มีเกลื่อนเน็ต ฉันก็ยังเจียดเวลาว่างไปลองทำดู

                คนอื่นคิดว่าฉันพูดจาแปลก ๆ - อืม ก็ไม่นะ

                บางครั้งฉันก็มีพลังงานล้นเหลือจนทำให้คนอื่นรำคาญ - ไม่ใช่แน่นอน

                ฉันว่าชีวิตของฉันส่วนใหญ่จมอยู่กับความเศร้าหมอง - จริงมากๆ

                ฉันมักจะฝันกลางวันอยู่บ่อย ๆ - เขาหมายถึงนอนกลางวันแล้วฝันหรือหมายถึงความคิดเพ้อเจ้อในหัวกันแน่นะ

                ฉันมักวิตกกังวลไปได้ในทุก ๆ เรื่อง - จริงมาก ให้ 9เต็ม 10 เลย

                บางครั้งฉันก็คิดว่าฉันมีความสามารถพิเศษบางอย่างที่คนอื่นไม่เข้าใจ -ก็ไม่นะ

                บางครั้งผู้คนตามท้องถนนก็ส่งยิ้มให้ฉัน - ไม่มีทาง

                ฉันมักตัดสินใจทำอะไรฉุกละหุกเสมอ - อืม ก็มีบ้างแล้วแต่สถานการณ์นะ

                เมื่อไหร่ที่ฉันหดหู่ ฉันจะจมดิ่งอยู่ในความรู้สึกนั้น - ก็บ่อยอยู่นะ

                ฉันมักรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเวลาที่อยู่กับคนแปลกหน้า - ก็ต้องใช่สินั่นคนแปลกหน้านะ

                ฉันคิดว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ยากที่จะควบคุมได้ ถ้าฉันไม่ควบคุมเอง - โหฉันไม่เก่งขนาดนั้นหรอก

                ฉันจะรู้สึกดีหากมีคนคอยชี้นำเวลาที่ต้องตัดสินใจต่าง ๆ -มีคนนำมันก็ดีกว่าทำคนเดียวนะ

                ฉันมักทำของหายอยู่เรื่อย - ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่

                ฉันจะทำงานให้เรียบร้อยก่อนไปทำงานอดิเรก -มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นงานอะไร

                การไม่มีคนคอยดูแลฉันใกล้ ๆ ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัว -จะว่าไปก็น่ากลัวอยู่นะ

                ฉันเป็นคนไม่ทันคนและระวังภัยใกล้ตัว - ไม่นะ ฉันระวังสิ่งรอบตัวจนคิดว่าระวังมากเกินไปด้วยซ้ำ

                ฉันมักกังวลว่าความสุขรอบๆตัวฉันจะอยู่ได้ไม่นาน -ทุกข์สุขย่อมมีจุดสิ้นสุด

                ความคิดของฉันมันกระโดดข้ามไปข้ามมาตลอด - ไม่รู้นะ ไม่ทันได้คิดถึงจุดนี้

                ฉันพูดมากและยังสมองไวกว่าคนอื่น ๆ - ตรงกันข้ามเลยต่างหาก

                ฉันมีการตัดสินใจที่ถูกต้องและน่าเคารพ - ก็ไม่นะ ไม่รู้สิ

                ฉันคิดอยู่เสมอว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นการหาเรื่องใส่ตัว -ในบางสถานการณ์ก็ใช่นะ

                ฉันมักตรวจสอบเสมอว่างานของฉันวางแผนออกมาเป็นอย่างดี -ก็ขึ้นอยู่กับว่างานอะไร

                ฉันมักถูกกดดันให้มีหน้าที่เติมสีสันในงานเลี้ยง - ไม่เลยยยยยย

                ฉันวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ - ก็เป็นบางทีนะ

                ฉันมักมีปัญหากับการจดจ่อสมาธิกับงานที่อยู่ตรงหน้า -ก็มันมีเรื่องอะไรก็ไม่รู้มากวนฉันอยู่เรื่อย

                ฉันมักตอบไม่ตรงคำถาม - ตรงสิ

                คำพูดเสียดสีมักไม่ค่อยมีผลกระทบกับฉัน - ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนเสียดสีนะ

                ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวฉันมักรู้สึกว่ามีบางอย่างจ้องมองฉันอยู่ - ใช่บางครั้งมันเหมือนมีคนกำลังมองหรือจับผิดฉันอยู่จริง ๆ

                เมื่อใดที่ความรู้สึกของฉันล้นเอ่อ ฉันจำเป็นต้องปลีกตัวออกมาก่อน -จริงไหมนะ นึกไม่ออก

                ถึงแม้จะมีเรื่องดี ๆ ผ่านเข้ามา ฉันก็ไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ -ส่วนใหญ่ก็จริงนั้นแหละ

                ฉันมักรับฟังสิ่งต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา - แน่นอนอยู่แล้ว

                ฉันแทบไม่เคยมีความสุขในชีวิตเลย - ตรงมาก น้ำตาจะไหล

                ความคิดของฉันมักเอนเอียงไปในแนวประหลาด ๆ - ไม่ค่อยนะ

                จบแบบทดสอบ

                "ฉันได้อียอร์ โรคซึมเศร้า" ฉันบอกเพื่อนหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จในผลแบบทดสอบยังอธิบายอีกว่า ฉันมักประสบปัญหาอารมณ์ซึมเศร้าเรื้อรังรู้สึกสิ้นหวังอยู่เป็นประจำ ฉันมักมีอาการซึมเศร้าแทบทุกวันและมองโลกและสถานการณ์ต่าง ๆ ในแง่ลบเสมอ

                สรุปว่าอาการป่วยของฉันมันดีขึ้นบ้างไหมเนี่ย

                เพื่อนของฉันบอกว่าไปเอาแบบทดสอบนี้มาจากทวิตเตอร์ของคุณทราย เจริญปุระดาราที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า ฉันเคยอ่านงานเขียนของคุณทรายชื่อ 3วันดี 4 วันเศร้า มันเป็นหนังสือที่เป็นแรกผลักดันให้ฉันตัดสินใจไปหาหมอ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in