เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let’s have Minimore fun!minimore
นี่คือภาพยอดเยี่ยมของปี 2016 จาก National Geographic งามจับตา เนื้อหาจับใจ
  • ปีที่ผ่านพ้นไปนั้นมีเรื่องราวมากมายที่น่าจดจำ และเป็นภาพที่ติดตาจากสำนักข่าวต่างๆ แต่ก็มีสื่อบางองค์กรที่นำเสนอเรื่องราวในมุมเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป ด้วยภาพถ่ายที่แลกมาด้วยความตั้งใจ บุกบั่น และความตั้งใจที่จะนำเสนอเรื่องน่าสนใจให้โลกรู้ และภาพของเขานั้นจับหัวใจของผู้คนได้แทบทุกครั้ง 

    พบกับภาพยอดเยี่ยมประจำปี 2016 ของ National Geographic 



    หลายๆ คนอาจจะรู้จัก National Geographic จากการเป็นช่องสารคดี ที่มีสัญลักษณ์เป็นหน้าต่างสีเหลืองสด นอกจากสารคดีที่เป็นภาพเคลื่อนไหวของที่นี่จะนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ พวกเขายังมีนิตยสารสารคดี ที่มีความโดดเด่นในเรื่องเนื้อหา มุมมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพถ่ายสารคดีที่มีความงามจับตาและจับใจ





    ในทุกๆ ปี ช่างภาพมากมายที่อยู่ในสังกัดของ NG (ตัวย่อของ National Geographic) จะไปตามที่ต่างๆ รอบโลกเพื่อถ่ายภาพและนำเรื่องราวจากที่นั่นมาบอกเล่า หมายความว่าไม่ใช่แค่ไปเฉยๆ ถ่ายรูปกับป้ายชื่อเมืองแล้วกลับ แต่เขาต้องทำการบ้านก่อนพาตัวลงไปคลุกคลีกับสิ่งที่ตนเองจะนำเสนอ อีกทั้งยังต้องวางแผนอย่างรัดกุมว่าจะใช้เครื่องมืออะไรดี เทคนิคการถ่ายแบบไหน ถึงจะเหมาะกับเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอ

    มินิมอร์จึงขอเอาเรื่องราวและภาพบางส่วนมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน เผื่อว่าจะสนใจแล้วได้เข้าไปอ่าน เผื่อได้เจอเรื่องราวที่ตนเองสนใจจนไปศึกษาต่อ และกลายเป็นเรื่องสนุกหรืออาจจะมีประโยชน์ในวันใดวันหนึ่งจ้ะ

    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน "Why There’s New Hope About Ending Blindness," กันยายน 2016. ภาพถ่ายโดย BRENT STIRTON
     
    หลายคนที่มีปัญหาสายตา (เช่นมินิมอร์) อาจจะคิดว่า เออ ก็สัดสายตาประกอบแว่นธรรมดานี่นา แต่จริงๆ แล้วภาพที่เห็นนี้คือเจ้าหน้าที่กำลังวัดสายตาจริงๆ นั่นแหละ (อ้าว ทำเหมือนมันจะพิเศษ) แต่! นี่คือโครงการช่วยเหลือทางด้านการมองเห็น เพราะประชากรจำนวนมากของอินเดียมีปัญหาสายตาแต่ไม่สามารถเข้าถึงการดูแลรักษาได้สะดวกนัก โครงการนี้จึงมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนคนที่มีปัญหาสายตาเรื้อรังจนกลายเป็นผู้พิการทางการมองเห็น


    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน "Pandas Get to Know Their Wild Side," สิงหาคม 2016. ภาพถ่ายโดย AMI VITALE

    พี่เขาคอสเพลย์เป็นนักรบมังกรในกังฟูแพนด้าเหรอ! เปล่า ไม่ใช่เลย แต่นี่คือเจ้าหน้าที่ดูแลแพนด้าในสวนสัตว์ เหตุที่เขาเอาเสือดาวสตัฟฟ์เข็นใส่รถเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะวิญญาณเสือดาวมาร้องขอแต่อย่างใด แต่เขาจะเอาไปใช้ฝึกให้เหล่าแพนด้าที่เติบโตในศูนย์อนุรักษ์นี้ได้รู้จักศัตรูอันร้ายกาจที่สุดในธรรมชาติ ในยามที่ปล่อยพวกมันคืนสู่ป่า จะได้รู้จักเอาตัวรอดได้ 

    บางคนอาจจะคิดว่า เออ ลงทุนไปปะวะ แต่งตัวเป็นแพนด้าเหมือนกันเนี่ย มินิมอร์ก็ว่าลงทุนไป๊ แต่ทุกอย่างมันมีเหตุผล ที่เจ้าหน้าที่ทำเช่นนี้ก็เพราะอยากให้ลูกแพนด้าทั้งหลายไม่รู้สึกแปลกแยกเพราะมีคนแปลกหน้า อีกทั้งยังไม่อยากให้พวกมันเคยชินกับมนุษย์(ซึ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของทุกอย่างบนโลก) และการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเขาเหล่านี้ ที่ทำกันหลากหลายหน้าที่...  ในปี 2016 แพนด้าจึงหลุดออกจากการเป็นสัตว์ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์แล้ว เพราะศูนย์เพาะพันธุ์ได้ผสมพันธุ์และอนุบาลลูกแพนด้าจนปล่อยคืนสู่ป่าได้มากมาย

    มนุษย์เราก็ทำเรื่องมหัศจรรย์ได้นะ ว่าไหม? มาทำเรื่องดีๆ กันเถอะ!


    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน "How Science Is Putting a New Face on Crime Solving," กรกฎาคม 2016
    ภาพถ่ายโดย MAX AGUILERA-HELLWEG

    ชายคนนี้คือเหยื่อ ที่เรียกเช่นนี้เพราะเขาต้องโทษจำคุกหลายปีในคดีอาชญากรรมทางเพศ เขาโดนข้อกล่าวหาว่าข่มขืนผู้อื่น หลายปีต่อมา การตรวจสอบ DNA ซึ่งเป็นกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ และล้างมลทินทางกฎหมายทั้งหมดได้ แต่... ช่วงเวลาที่เสียไปในเรือนจำ ก็คงทำให้เขาเสียอะไรไปมากมายด้วยเช่นกัน และยากที่จะเรียกคืนมาได้

    ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะเคยดูกันไหมนะ? กับซีรีส์ที่ชื่อว่า CSI : Crime Scene Investigation ซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ห้องแล็บอาชญากรรม ที่ใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาในการสืบสวนคดีต่างๆ ซีรีส์นี้โด่งดังมาก แยกออกเป็นสามภาคเลยทีเดียว และมีอิทธิพลให้การศึกษาและวิจัยด้านนิติวิทยาศาสตร์รุดหน้า ศาลเองก็เชื่อถือหลักฐานเหล่านี้และใช้ประกอบในการพิจารณาสำนวนคดีมากขึ้น

    แม้ตอนนี้เราจะยังตรวจสอบได้ไม่เร็วปรู๊ดปร๊าดเหมือนในซีรีส์ก็ตาม แต่มันก็สร้างความหวังให้แก่ผู้ที่ต้องรับโทษอย่างอยุติธรรม


    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน "Surviving the Fall of Isis," ตุลาคม 2016 ภาพถ่ายโดย MOISES SAMAN
    ภาพนี้คือซากเมืองของประเทศอิรักที่เป็นซากปรักหักพังภายหลังจากการโดน ISIS และมีการตีกลับคืนมา แม้เด็กชายผู้อพยพเบื้องหน้าจะมีรอยยิ้มจางๆ ระบาย แต่พวกเขาก็สูญเสียหลายๆ สิ่งไป ทั้งบ้าน วันคืนที่ควรมีความสุข และเกือบเสียกระทั่งชีวิตของตนเองไป 

    การรุกคืบของ ISIS ส่งผลมากกว่าที่หลายคนคิด โดยเฉพาะอย่างกรณีล่าสุดที่โด่งดังขึ้นมาในโลกโซเชียลเน็ทเวิร์ค คือการที่หนูน้อยซึ่งเป็นชาวเมือง Aleppo ของประเทศซีเรีย ทวิตหา เจ. เค. โรลว์ลิ่ง นักเขียนดัง ว่าอยากอ่านหนังสือของเธอ แต่เมืองที่เธออยู่นั้นกำลังจะล่มสลายจากการโจมตีของ ISIS จากนั้นชาวเมือง Aleppo มากมายก็ต่างใช้โซเชียลเน็ทเวิร์คโพสต์ข้อความ "อำลา" เนื่องจาก ISIS กำลังจะเข้าโจมตี และตนคงไม่มีชีวิตรอด ทำให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของคนทั้งโลก กระทั่งมีการช่วยเหลือในที่สุด  


    มินิมอร์ไม่ได้นำภาพทั้งหมดมาเสนอ เพราะบางภาพแม้ว่าจะชอบมากจริงๆ แต่ก็เป็นภาพ Graphic หมายถึงมีความรุนแรง ควรแก่การเบลอ แต่ในความรุนแรงนั้นกลับเป็นสัจธรรม หรือบ้างก็เป็นความจริงที่คนหมู่มากไม่รู้​ ฉะนั้นจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ลองเข้าไปอ่านเองเลยจ้ะ BEST PHOTOS OF 2016


    มินิมอร์ชอบภาพนี้แหละ เด็กน้อยน่ารัก และดูกลมกลืนกับธรรมชาติ
    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน "This Park in Peru Is Nature ‘in Its Full Glory’—With Hunters," in มิถุนายน 2016
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in