เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let’s have Minimore fun!minimore
"ศิลปะการต่อสู้" ถ้าเรามีมวยไทย ประเทศอื่นเขามีอะไรกันบ้าง
  •     เดี๋ยวนี้มินิมอร์ได้ยินข่าวทำร้ายร่างกาย ปล้นชิงทรัพย์บ่อยมากเลย แถมเหยื่อก็มักเป็นสาวๆ ที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวอีก สมัยนี้โจรไม่รอให้มืดก็ออกปล้นกันแล้วด้วย! ไม่ใช่แค่สาวๆ นะ หนุ่มๆ ก็อาจเป็นอันตรายได้เหมือนกัน วันนี้มินิมอร์เลยนำศิลปะการต่อสู้มาแนะนำเพื่อนๆ จะได้เรียนไว้ใช้ป้องกันตัวเองยังไงล่ะ!


    Martial Arts ศิลปะการต่อสู้

            ศิลปะการต่อสู้ คือ การฝึกฝนประสาทการตอบโต้ และเป็นประเพณีการต่อสู้ ซึ่งการฝึกฝนมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น เพื่อป้องกันตัวเอง เพื่อพัฒนาจิตใจ หรือเพื่อถ่ายทอดเป็นมรดกให้คนรุ่นหลัง เหมือนกับมวยไทยของเราที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ปัจจุบันศิลปะการต่อสู้มีการศึกษาอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นกีฬาแต่ละชนิดไป แถมยังเกิดการผสมผสานของศิลปะการต่อสู้แต่ละชนิด จนเกิดเป็นชนิดใหม่ขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันศิลปะการต่อสู้มักแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ศิลปะการต่อสู้แบบกีฬา จะลดความรุนแรงลง และมีกติกาบังคับ อีกแบบคือ ศิลปะการต่อสู้ที่ยึดตามแบบแผนเดิม ไม่มีการแข่งขัน สอนเพื่อใช้ต่อสู้ป้องกันตัวเท่านั้น


    บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู (Brazilian Jiu-jitsu) จาก ประเทศบราซิล


           "บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู" เป็นการต่อสู้ที่มีความโดดเด่นในการจับล็อกบนพื้น ถือเป็นพื้นฐานการต่อสู้ของ MMA ด้วยนะ นักสู้ MMA หรือ UFC หลายคนเคยเรียนวิชานี้กันทั้งนั้น "บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู หรือ BJJ" มีถิ่นกำเนิดในประเทศบราซิล มีรากฐานมากจากวิชาโคโดกัน ยูโด และยูยิสสูของญี่ปุ่น นักยูโดชาวญี่ปุ่นชื่อ "มิตซึโยะ มาเอดะ" เป็นผู้เดินทางออกไปเผยแพร่ในประเทศต่างๆ ก่อนมาถึงบราซิลในปี 1914 และได้พบกับ "คาร์ลอส กราซี" ในวัย 14 ปี เขากลายเป็นลูกศิษย์ของมาเอดะ ก่อนต่อมาคาร์ลอสจะสอนวิชานี้ให้ครอบครัวของเขาด้วย ทำให้ "ตระกูลกราซี" มียูยิสสูในแบบของตัวเอง วิชายูยิสสูแบบดั้งเดิมถูกพัฒนาและเผยแพร่โดยคาร์ลอส จนเป็นที่รู้จักในชื่อว่า บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู

           BJJ เป็นวิชาป้องกันตัวที่เหมาะกับคนตัวเล็ก แรงน้อยกว่าคู่ต่อสู้ หากได้เรียนเทคนิค วิธีการที่ถูกต้อง แม้เราจะนอนอยู่บนพื้นก็สามารถหนีจากอันตรายได้เช่นกัน ผู้หญิงอย่างเราควรเรียนไว้นะ หากเกิดอันตรายขึ้นจะได้หาทางรอดเป็น!


    เทควันโด (Taekwondo) จาก ประเทศเกาหลี

    มีใครรู้จัก ลี แดฮุน นักกีฬาเทควันโดจากเกาหลีบ้างไหมเอ่ย
    แหล่งที่มา

           ต้องไม่มีใครไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้แน่ๆ เพราะเป็นกีฬาที่มีชื่อเสียงมากกก "เทควันโด" เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวโดยไม่ใช้อาวุธ คำว่า "แท" (태) แปลว่า เท้า การโจมตีด้วยเท้า "คว็อน" (권) แปลว่า มือ การโจมตีด้วยมือ ส่วน "โท" (도) แปลว่า วิถีทาง รวมกันแล้ว เทควันโด จึงหมายถึง "วิถีการต่อสู้ป้องกันตัวโดยการใช้มือและเท้า" จากประวัติศาสตร์พบว่าเทควันโดมีรากฐานมาจาก คาราเต้ และศิลปะการต่อสู้จากจีน ผสมเข้ากับศิลปะการต่อสู้ของเกาหลี สมาคมเทควันโดที่เก่าแก่ที่สุด คือ Korea Taekwondo Association (KTA) ก่อตั้งขึ้นในปี 1959 เพื่อเป็นตัวแทนการร่วมมือกันของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ดั้งเดิมทั้ง 9 แห่งในเกาหลี 

           ศิลปะการต่อสู้เทควันโดมีการใช้ทั้งมือ เท้า เข่า และศอก แต่หากเป็นกีฬาแล้วจะมีกฎข้อบังคับต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ผู้แข่งขัน ปัจจุบันเทควันโดถือว่าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก และในประเทศไทยก็มีสถาบันสอนหลายแห่ง นอกจากจะฝึกฝนเพื่อป้องกันตัวแล้ว เทควันโดก็ทำให้เหงื่อออกได้เยอะเลยล่ะ


    หวิงชุน (Wing Chun) จาก ประเทศจีน

    ภาพปรมาจารย์ยิปมัน และ บรูซ ลี กำลังฝึกวิชาหวิงชุน
    แหล่งที่มา

           เพื่อนๆ หลายคนแน่เลยที่ไม่เคยได้ยินชื่อศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ สารภาพเลยว่ามินิมอร์เองก็เช่นกัน แต่ "หวิงชุน" เป็นศิลปะป้องกันตัวจากจีนที่มีประวัติน่าสนใจมากๆ เพราะ หวิงชุนเป็นศิลปะป้องกันตัวชนิดแรกที่ผู้หญิงเป็นผู้คิดขึ้น! นอกจากนั้นยังเป็นวิชาที่ดาราผู้โด่งดังทั่วโลกอย่าง "บรูซ ลี" ร่ำเรียนอีกด้วย ประวัติของวิชานี้ถูกเล่ากันแบบปากต่อปาก ทำให้ไม่ค่อยมีความชัดเจนเท่าไหร่ว่าเกิดขึ้นอย่างไร จากตำนานเล่ากันว่า ผู้หญิงคนหนึ่งได้เห็นการต่อสู้ระหว่างงูและนกกระเรียน จึงนำลักษณะการต่อสู้นั้นมาพัฒนา และผสมเข้ากับกังฟูจากวัดเส้าหลิน จนเกิดเป็น "วิชาหวิงชุน" วิชานี้เริ่มเป็นที่รู้จักเนื่องจาก "ปรมาจารย์ยิปมัน" อาจารย์ผู้สอนมวยหวิงชุนให้บรูซ ลี และบรูซ ลี ดาราผู้โด่งดังที่ทำให้มวยหวิงชุนเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

           มวยหวิงชุนเป็นวิชาที่เหมาะกับผู้หญิงมากๆ เพราะเป็นวิชาที่ผู้หญิงเป็นผู้คิดค้นขึ้น เพื่อใช้ป้องกันตัวและต่อสู้กับผู้ที่มีพละกำลังและขนาดตัวที่มากกว่า หวิงชุนเน้นการป้องกันตัวเอง และจู่โจมอย่างรวดเร็ว หากใครสนใจก็ลองหาที่เรียนกันดูนะจ๊ะ


    ฮับกีโด (Hapkido) จาก ประเทศเกาหลี


           ศิลปะการต่อสู้อีกหนึ่งชนิดจากประเทศเกาหลีที่น่าสนใจมากๆ แอบกระซิบนิดนึงว่า ไอดอลอย่าง "แบคฮยอน วง EXO" และ "โชรง วง Apink" ก็เรียนวิชานี้นะจ๊ะ "ฮับกีโด" เป็นการต่อสู้แบบผสมผสาน ทั้งแบบมีอาวุธและมือเปล่า มีทั้งการล็อก การจับ การทุ่ม รวมทั้งเตะ ต่อยด้วย แถมใช้ได้ทั้งการต่อสู้ระยะไกล ระยะประชิด หรือบนพื้น วิชาฮับกีโด เป็นการดึงพลังจากข้างในมาใช้ และใช้การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ให้เป็นประโยชน์ คำว่า "ฮับ" (합) แปลว่า การประสาน "คิ" (기) แปลว่า พลัง ความแข็งแรง จิตวิญญาณ "โท" (도) แปลว่า วิถีทาง ฮับกีโด จึงมีความหมายว่า "วิธีการต่อสู้และการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกัน" 

           ฮับกีโด ถูกก่อตั้งโดย "ชเว ยงซุล" เขาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลา 30 ปี ระหว่างนั้นเขาได้เรียนศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นด้วย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ชเว ยงซุล จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิดที่ประเทศเกาหลี ก่อนนำศิลปะการต่อสู้ที่เรียนมาผสมเข้ากับวิชาการต่อสู้ของเกาหลี จนเกิดเป็น ฮับกีโด ขึ้นนั่นเอง ทหารและตำรวจเกาหลีก็เรียนวิชานี้เพื่อใช้ต่อสู้ป้องกันตัวเองด้วยนะ

           ฮับกีโดเป็นอีกหนึ่งวิชาที่ใช้ป้องกันตัวได้ดีมาก เพราะมีทั้งการหลบหลีก การปลดอาวุธเมื่อเราโดนมีดจี้หรือจ่อคอ ถ้าได้เรียนเทคนิคที่ถูกต้องแล้วรับรองว่ารอดแน่นอนจ้า แถมในบ้านเราก็มีสอนด้วยนะ


    คราฟ มากา (Krav Maga) จาก ประเทศอิสราเอล


           ศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้อาจยังไม่เคยได้ยินกัน แต่ "คราฟมากา" เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ดีที่สุดในโลกเลยนะ! เพราะเป็นศิลปะการต่อสู้ที่รวมการต่อยมวย มวยปล้ำ มวยไทย ยูยิสสู ไอคิโด ยูโด และการต่อสู้ในชีวิตจริงเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด ถูกคิดค้นขึ้นโดย "อีมี ลิกเตนเฟลด์" ชาวฮังการี-อิสราเอล เพื่อใช้ปกป้องชาวยิวจากกลุ่มฟาสซิสต์ ในเชโกสโลวาเกีย ก่อนเขาจะอพยพมาที่อิสราเอล และสอนการต่อสู้นี้ให้แก่กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF)

           "คราฟมากา" แปลว่า "การต่อสู้แบบปะทะ" เป็นการป้องกันพร้อมโจมตีกลับ ต่างจากการป้องกันก่อนแล้วค่อนตอบโต้อย่างศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น คราฟมากาเน้นการต่อสู้ป้องกันตัวในชีวิตจริง เราต้องนำตัวเองออกจากจุดอันตรายให้เร็วที่สุด วิชานี้เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย


    ยูโด (Judo) จาก ประเทศญี่ปุ่น

    แหล่งที่มา

           "ยูโด" มีความหมายว่า "วิถีที่นุ่มนวล" ผู้ฝึกฝนยูโดจะถูกเรียกว่า ยูโดกะ (Judoka) ยูโดสร้างขึ้นโดย "จิโกโร่ คาโนะ" ชาวญี่ปุ่น ใช้ฝึกสอนด้านร่างกาย จิตใจ และคุณธรรม ซึ่งเดิม ยูโด ก็คือ ยูยิสสูของญี่ปุ่นนั่นเอง แต่เพราะยูยิสสูมีความอันตรายมาก ทำให้ฝึกฝนได้ไม่เต็มที่ เพราะอาจทำให้คู่ซ้อมบาดเจ็บ ถึงแม้ไม่ได้หมายถึงชีวิต แต่ก็อาจทำให้พิการ หรือบาดเจ็บหนัก เมื่อบ้านเมืองเปลี่ยนไป ยูยิสสูก็ถูกปรับให้เข้ากับสภาพสังคม ทำให้เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีศีลธรรมมากขึ้น โดยการตัดทอนท่าที่อันตรายออก สอดแทรกสิ่งใหม่ และมีการสร้างมาตรฐานให้ยูยิสสู ก่อนจิโกโร่ คาโนะจะเปลี่ยนชื่อศิลปะการต่อสู้นี้เป็น "ยูโด" การปรับเปลี่ยนวิชาทำให้ผู้ฝึกซ้อมสามารถฝึกฝนต่อสู้กันได้อย่างเต็มที่ และได้ผลมากกว่าด้วย

           ยูโด เน้นการจับคู่ต่อสู้ ก่อนทุ่มลงพื้นด้วยท่าต่างๆ หรือล้มคู่ต่อสู้ลงพื้นแล้วทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ด้วยการล็อกข้อต่อกระดูก หรือทำให้หายใจไม่ออก การโจมตีหรือสวนกลับด้วยมือและเท้าก็เป็นอีกอาวุธหนึ่งของยูโด แต่หากเป็นการแข่งขันจะห้ามใช้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิชาที่น่าสนใจ เพราะผู้ที่ฝึกฝนยูโดจนชำนาญแล้วจะสามารถสู้กับคนที่ตัวใหญ่กว่า หรือมีอาวุธได้เลย


     บ็อกกาตอ (Bokator) จาก ประเทศเขมร 

    แหล่งที่มา

           "บ็อกกาตอ" เป็นศิลปะการป้องกันตัวโบราณของเขมร มีประวัติยาวนานกว่า 2000 ปี มีทั้งการจับ เตะ ศอก และอาวุธ เล่ากันว่าบ็อกกาตอเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในกองทัพเขมรในอดีตด้วย คำว่า "บ็อกกาตอ" มีความหมายว่า "การขย้ำสิงโต" ด้วยการโจมตีและการใช้อาวุธที่หลากหลาย ทำให้มีคนเสียชีวิตมาแล้วด้วยนะ เมื่อมีการต่อสู้ด้วยบ็อกกาตอ นักสู้ทั้งสองฝ่ายจะใส่เครื่องแบบของทหารเขมรโบราณคือ ใช้ผ้าพันรอบเอว และใช้ผ้าสีน้ำเงินแดงโพกรอบศรีษะและต้นแขน ศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ก็เหมือนหลายๆ วิชาในแถบเอเชียที่ศึกษาและสังเกตุจากธรรมชาติ เช่น ม้า นก เหยี่ยว นกกระเรียน เป็นต้น

           หากดูด้วยสายตา ทำให้มีหลายคนเข้าใจผิดว่า บ็อกกาตอ เป็นมวยเตะสมัยใหม่ แต่ที่จริงแล้วบ็อกกาตอเป็นศิลปะการต่อสู้ของทหารโบราณ ทำให้มีความรุนแรงและอันตรายมาก บ็อกกาตอถูกเรียกอีกอย่างว่า "มวยเขมร" นั่นเอง


    มวยไทย (Muay Thai) จาก ประเทศไทย

    แหล่งที่มา

           ดูของประเทศอื่นกันไปแล้ว มาดูของบ้านเรากันบ้างดีกว่า เพราะ "มวยไทย" ก็มีชื่อเสียงไม่เบา ชาวต่างชาติมากมายอยากมาเรียนมวยไทยถึงถิ่นกำเนิด มวยไทยขึ้นชื่อเรื่อง "นวอาวุธ" คือ "ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด" ได้แก่ สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า มวยไทย มีรากฐานมาจาก "มวยโบราณ" คำว่า "สำนักมวย" จะแตกต่างจาก ค่ายมวย ซึ่งเป็นสถานที่รวมผู้ที่ชื่นชอบการชกมวย เน้นการแลกเปลี่ยนเพื่อการประลองแข่งขัน สำนักมวยจะมีครูมวยที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือโด่งดัง ครูมวยจะถ่ายทอดวิชามวยให้แก่ผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น

           มวยไทย เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อ นายขนมต้ม ครูมวยอยุธยา ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกที่พม่า และได้ประลองมวยกับชาวพม่าจนได้รับชัยชนะหลายครั้ง ทำให้ชาวพม่ารู้ว่ามวยไทยนั้นน่ากลัวไม่เบา จนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มวยไทยอยู่ในยุคเฟื่องฟู แต่สมัยนั้นยังใช้เชือกพันมือชกอยู่ จนมีการประลองหนึ่งที่คู่ต่อสู้โดนนักมวยไทยชกจนเสียชีวิต ทำให้มีการเปลี่ยนมาใส่นวมชกแทน ปัจจุบัน มวยไทยกลายเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมและโด่งดังมาก แถมยังหาที่ฝึกฝนได้ง่ายด้วย นอกจากเป็นการออกกำลังกายที่ดีมากแล้ว มวยไทยก็เป็นอีกหนึ่งวิชาป้องกันตัวที่น่ากลัวไม่เบาเลยล่ะ


        วิชาต่อสู้ที่นำมาให้อ่านกันในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากร้อยกว่าชนิดทั่วโลก แต่ละวิชาก็มีจุดเด่นต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญที่เหมือนกันก็คือ ความปลอดภัย เราเรียนเพื่อใช้ป้องกันตัวเองจากอันตรายต่างๆ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายใครนะจ๊ะ แถมบางท่าก็อันตรายมาก หากไม่เรียนวิธีที่ถูกต้องก็อาจเกิดอันตรายต่อตัวเองด้วย ดังนั้น เรามาเรียนเพื่อออกกำลังกาย และเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเองจากอันตรายดีกว่าเนอะ!


    เขียนโดย Minimore Trainee : aaommm


    ข้อมูลจาก
    en.wikipedia.org
    mantelligence.com
    listverse.com
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in