เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Out of the Blue Short Storiesnokaeyp
เพื่อนบ้าน City Pop
  • ผมนึกว่านี่คือสิ่งที่ผมต้องการ คืนวันศุกร์ที่ได้เลิกงานไว กลับมาใช้เวลากับตัวเองที่ห้อง อยู่กับความเงียบ

    แต่มันไม่เห็นจะรื่นรมย์อย่างที่ผมคาดหวังไว้ ผมเดินออกไปที่ระเบียง จุดบุหรี่สูบ

    "เหม็น"

    ผมสะดุ้งตกใจ ทำบุหรี่ทั้งซองหลุดมือ หล่นลงไปนอกระเบียง

    "เชี่ย" ผมเตะกระถางต้นไม้อย่างหงุดหงิด แล้วก็ลงไปนั่งกุมเท้าตัวเอง "เชี่ยเอ๊ย เตะผิดกระถาง" ผมตั้งใจเตะกระถางพลาสติก แต่พลาดท่าฟาดเท้าลงบนกระถางเซรามิกเสียดาย

    "ซื่อบื้อ"

    "เงียบไปเลย!" ผมลุกเดินกะเผลกกลับเข้าห้อง ทิ้งตัวลงบนโซฟา เงยหน้ามองเพดานสีขาวเปลือย สองจิตใจสองว่าจะออกไปซื้อบุหรี่ดีไหม

    "ทำไมฉันถึงยังไม่ไปไหนนะ"

    "ตอนยังไม่ตายก็วุ่นวาย ตายแล้วก็ยังไม่วายวุ่น"

    "นี่พูดจาดีๆ หน่อยสิ อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนบ้านกันนะ"

    "เพื่อนบ้านดีๆ ที่ไหนเปิดเพลงดังลั่นตอนตีหนึ่งครึ่ง ไม่เกรงใจคนข้างห้องเลย"

    "คุณชอบ city pop มั้ย"

    "ผมชอบความเงียบ"

    "เอ้อ ดีเลย งั้นฉันพูดต่อนะ"

    กวนประสาทกันแบบนี้เสมอ ครั้งหนึ่งผมเอาโพสต์อิทไปแปะโน้ตบอกเธอว่าให้เบาเพลง เช้าวันต่อมาผมเจอทัมบ์ไดรฟ์อยู่ในกล่องจดหมาย พร้อมโน้ตเขียนไว้ว่า 'เผื่อฉันไม่อยู่แล้ว ละคุณอยากฟัง เพลงทั้งหมดอยู่ในนี้'

    เออว่ะ มันอยู่ไหนแล้วนะ ผมค้นทั่วห้อง ไปเจอมันหล่นอยู่ใต้เตียง "เจอแล้ว!" ผมดีดตัวขึ้นแต่ลืมว่าตัวเองอยู่ใต้เตียง หัวเลยโขกเข้าเต็มแรง

    "ซื่อบื้อ"

    ผมเหลือบมองเธอ เป็นผียังไง ทำไมรูปร่าง หน้าตา เหมือนคนดีๆ ทุกประการ

    "มองอะไร" เธอถามน้ำเสียงหาเรื่อง "ไม่เคยเห็นผีรึไง"

    ใครกันแน่ที่ซื่อบื้อ ถามมาได้ ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าผมเห็นเธอเต็มสองตา

    ผมเสียบทัมบ์ไดรฟ์เข้ากับโน้ตบุ๊ค แต่ไม่เห็นจะมีไฟล์เพลงสักอัน มีแต่ไฟล์เวิร์ด ผมคลิกเปิดมาก็เจอ url อันนึง ก็เลยก็อปไปแปะในบราวเซอร์ มันคือลิ้งเพลย์ลิสต์ Spotify

    "city pop" ผมหันไปมองเธอที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ "ถามจริง นี่ชื่อเพลย์ลิสต์เหรอ"

    "ก็มันเป็นเพลง city pop จะให้ตั้งชื่อว่า alternative หรือไง"

    "ทำไมไม่เขียน url มาให้เฉยๆ จะให้ทัมบ์ไดรฟ์มาทำไม" ผมกดเล่น เสียงดนตรีจังหวะสนุกสนานที่คุ้นเคยดังขึ้น แปลกดีที่มันไม่หนวกหูเหมือนทุกๆ คืนวันศุกร์ตอนตีหนึ่งครึ่ง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

    "ถ้าทำแบบนั้นมันจะกวนประสาทคุณได้ไหมล่ะ"

    ที่ผ่านมาผมมักจะนึกภาพเธอใส่เสื้อกล้ามสบายๆ โนบรา มือถือแก้วไวน์ แล้วก็เต้นไปตามจังหวะเสียงเพลงรอบห้อง เหมือนโลกนี้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว

    แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ทำอย่างนั้น เธอนั่งนิ่งๆ บนโซฟา และบรรยากาศก็ดูหงอยเหงา ผิดกับที่ผมคิดไว้ถนัด

    "นี่คุณ ไม่เต้นหน่อยเหรอ" ผมลุกขึ้นขยับตัวไปมาตามจังหวะเพลง พอจะเห็นภาพว่าตัวเองตอนนี้คงเหมือนตั๊กแตนที่ดิ้นพราดอยู่ในน้ำมันเดือดๆ

    "ปกติฉันเอาไว้ฟังในเซสชั่นร้องไห้" เธอปาดน้ำตาตัวเองแล้วเงยหน้ามองผม

    "เซสชั่นร้องไห้?"

    "คนเราก็มีวิธีจัดการกับความเศร้าแตกต่างกันไป ฉันชอบฟังเพลงสนุกๆ แล้วก็ร้องไห้"

    หนึ่งปีที่ผ่านมาเธอนั่งร้องไห้คนเดียวในห้องทุกคืนวันศุกร์ ในขณะที่ผมสูบบุหรี่ไปและสบถสาบานไปด้วยอย่างงั้นเหรอ

    "ทำไมฉันถึงยังไม่ไปไหนนะ"

    "เขาบอกว่าคนที่ตายแล้วยังไม่ไปไหนเพราะยังมีห่วง"

    "ห่วง? ฉันห่วงอะไร"

    "ก็อาจจะเป็นสิ่งที่รัก สิ่งที่ยังจัดการไม่เสร็จ คุณมีอะไรที่ยังค้างคาหรือเปล่าล่ะ"

    เธอทำท่าครุ่นคิด "ตำรวจเจอจดหมายที่ฉันทิ้งไว้ไหม"

    "คุณเรียกแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ที่เขียนคำว่า ลาก่อน ว่าจดหมายเหรอ"

    "นี่ เอาแต่แดกดันอยู่แบบนี้ ถึงยังไม่มีแฟนสักทีไงเล่า!" เธอพูดอย่างหงุดหงิด

    "แล้วใครบอกว่าผมอยากมีแฟน"

    "ฉันหมายถึงจดหมายจริงๆ น่ะ ฉันว่าฉันเขียนจดหมายไว้ฉบับนึงนะ"

    ผมยักไหล่ แล้วเปิดกล่องอีเมลของตัวเอง เพราะจะเช็กว่าบริษัทส่งของที่ทำของผมพังระหว่างการขนส่งตอบเมลกลับมาหรือยัง แต่ใน inbox ไม่มี ผมเลยลองกดเข้าไปใน spam ไล่ดูจนไปเห็นบางอย่าง

    หัวอีเมลเขียนว่า 'ถึงเพื่อนบ้าน'

    ผมกดเข้าไปดูทันที เนื้อความในอีเมลเขียนว่า

    'สวัสดีคุณเพื่อนบ้าน ฉันไปขออีเมลคุณมาจากเพื่อนที่ชอบมาบ้านคุณบ่อยๆ เผื่อคุณสงสัยว่าฉันรู้ได้ยังไง

    ถ้าคุณเช็กเมลอยู่พอดีตอนฉันกดส่งไป ฉันก็คงยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าคุณมาเปิดอ่านทีหลัง ฉันก็คงไปสบายแล้ว จริงๆ มันก็ไม่สบายหรอก การจากลามันเจ็บปวดเสมอ แต่บางทีการอยู่ต่อก็เจ็บปวดมากกว่า

    ฉันขอโทษที่ชอบเปิดเพลงดังๆ แต่ฉันทนได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ไหว เห็นแก่ตัวจังเลยเนอะ

    ขอบคุณที่พาฉันไปหาหมอตอนฉันเป็นไข้เลือดออก ขอบคุณที่ไปเลือกซื้อของขวัญเป็นเพื่อน ขอบคุณที่แวะซื้อเค้กเจ้าโปรดมาให้ประจำ ขอบคุณที่ช่วยขนของหนัก และอีกหลายๆ อย่าง

    ฉันเลือกการเขียนอีเมลแทนการพูด เพราะคุณโต้ตอบฉันไม่ได้ทันที ลองฉันพูดพารากราฟเมื่อกี้ต่อหน้าคุณสิ ไม่วายคุณได้พาเปลี่ยนเรื่องคุยออกไปนอกโลกนู่น ทำเป็นเก๊กเก็บความรู้สึกตลอดแหละ

    ฉันคิดไตร่ตรองมานานแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของใครเลย

    ดูแลตัวเองดีๆ นะ ทำงานหนักใช่มั้ยล่ะ บุหรี่ก็เพลาๆ บ้าง ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ

    ด้วยรักจากใจ
    เพื่อนบ้าน city pop'

    ผมหันไปจะพูดกับเธอ แต่คำพูดของผมลอยคว้างกลางอากาศ เพราะผู้รับสารไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ผมเดินหาเธอทั่วห้อง แต่ก็ไม่เจอเลย

    ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง เสียงเพลงสนุกสนานจากเพลย์ลิสต์ของเธอดังก้องไปทั่วห้อง น้ำใสไหลออกจาตา ผมก้มหน้ายกมือปิดปาก และปล่อยทุกสิ่งที่กักเก็บไว้ออกมา ร่างกายสั่นเทิ้ม

    เธอพูดถูก เสียงสะอื้นของผมกลืนหายไปกับเสียงเพลง city pop และความจอแจวุ่นวายของถนนตอนดึกในคืนวันศุกร์


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in