เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เจ็ดสหายผจญภัยวิ่งไล่แสงเหนือผู้พลาดพลั้งแห่งวันศุกร์
ลาก่อนอิตาลี
  • “ไปเที่ยวไอซ์แลนด์กันเถอะ”
    รุ่นพี่ซี้ปึ้กคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงกะตือรือร้น แล้วเดินดุ๊กดิ๊กๆ เข้ามาหา

    “มัน...มีอะไรเที่ยวง่ะ” (อันนี้ปากพูด)

    เฮ้ยย....ประเทศอะไรของเจ้วะเนี่ย ไปขุดมาจากไหน มันอยู่ตรงส่วนไหนของโลก (อันนี้คิดในใจ...แต่เงียบไว้ กลัวโดนเจ๊ถีบ)

    เนื่องจากผมตั้งเป้าหมายของชีวิตเอาไว้ว่าผมจะออกเที่ยวปีละหนึ่งครั้ง (จริงๆ คือตั้งมันทุกปีใหม่แหละ ลดความอ้วน ออกกำลังกาย เก็บของให้เป็นระเบียบ...สุดท้ายเหลือแต่เรื่องไปเที่ยวนี่แหละที่ทำได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย) ตามแผนแล้วอิตาลีคือประเทศซึ่งผมปักหมุดบนแผนที่โลกเอาไว้ว่าจะเอารองเท้าผ้าใบเก่าๆ ไปไถลไถเถือกให้จงได้ในปีนี้ ถึงขนาดไปยืนขมวดคิ้วในร้านหนังสืออยู่หลายชั่วโมง ก่อนจะถือถุงเดินอย่างมาดมั่นออกมาจากร้าน ข้างในมีหนังสือนำเที่ยวอิตาลีอยู่ 2 เล่ม (หลอยอ่านฟรีในร้านไปซะสาม)

    พอมีทางเลือกอื่นโผล่ขึ้นมา ผมก็เลยออกจะแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเตรียมข้อมูลเที่ยวของอิตาลีไปบางส่วนแล้ว (เอาความจริงไหมครับ ปีนี้จัดตั๋วไปสามทริปแล้ว..... จะซีเรียสทำไม ... มาม่าจ๋าา เธอหันมายิ้มหน่อยสิ)

    แต่เหมือนรุ่นพี่จะมีพลังจิต!!!
    เหมือนอาเจ้หยั่งรู้ถึงความลังเลที่หลบซ่อนอยู่ในดวงตาของผมได้


    อาเจ้รีบควักมือถือมาจิ้มรูปภูเขาสูงที่มีน้ำตกอยู่ด้านล่างมาให้ผมดู ซึ่ง...เออ มันก็สวยดีแหะ แต่เดี๋ยวก่อนอิตาลีมีโคลอสเซียมนะ หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะเว้ยยย ไหนจะแกรนด์คาเนล หอเอนปิซ่า อีก


    เธอโจมตีผมต่อด้วยรูปบ่อน้ำร้อนสีฟ้าที่ดูน่าฟินมากหากได้ลงไปนอนแช่ ปล่อยหมัดรัวด้วยทะเลสาบที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งสีฟ้าใสลอยแอ้งแม้งอยู่ แถมมีแมวน้ำสีดำอ๋งๆ นอนกลิ้งอยู่เต็มไปหมด เมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะเสียท่า อาเจ้ก็จัดหาดทรายสีดำกว้างใหญ่สุดปลายฟ้า ปิดท้ายด้วยน้ำตกโคตรสวยอีกนับสิบรูป

    เวนิส โรม มิลาน ทัสคานี วาติกัน ท่องไว้ เข้มแข็งไว้ลูกเอ้ย


    เจ้สะบัดนิ้วฟึบ หน้าจอเคลื่อนลงมาเจอรูปที่เป็นท่าไม้ตาย

    ท้องฟ้าสีดำมืดที่เต็มไปด้วยดวงดาว ถูกพาดผ่านด้วยลำแสงตระการตาหลากสีสัน ผมเคยเห็นนี่นา.. สิ่งนี้เขาเรียกว่าแสงเหนือ ภาพของสารคดีที่เคยดูสมัยเด็กๆ ถูกดึงออกมาจากลิ้นชักแห่งความทรงจำ


    เย็นนั้นผมลงเวรโดยยังไม่ให้คำตอบอาเจ้ว่าจะไปหรือไม่.... ในหัวยังตื้อๆ อยู่
    กลับถึงคอนโดปุ๊บ ผมคว้าโน๊ตบุ๊ควางบนโต๊ะ รัวคีย์บอร์ดจนคำว่า Aurora Borealis, Iceland ปรากฎขึ้นตรงช่องค้นหากลางเวป Google แล้วกระแทกปุ่ม Enter ในทันที

    ผมเปิดแอร์ ปิดไฟ ใส่หูฟัง กด full-sceen mode และเลื่อนเม้าส์คลิ๊กปุ่มเล่น VDO
    เพลงขึ้น !!! ลำแสงสีเขียว ฟ้า แดง ส้มเริ่มเปลี่ยนแปลงทั้งสีและรูปร่าง เสมือนมันเต้นระบำอยู่บนฟ้าให้เราดู

    และผมก็เหมือนโดนสตั้นอยู่ที่หน้าจอ
    อีกหลายชั่วโมงที่ผ่านไปทำให้ผมเรียนรู้ว่าแสงเหนือมีระดับความแรงที่เรียกว่า “ค่า KP” ยิ่ง KP มากยิ่งสวย และโอกาสที่แสงเหนือจะมี KP สูงๆ นั้นมันมีอยู่แค่ 2-3 ปี หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ลดลงไปเป็นสิบปี แล้วค่อยกลับมาแรงใหม่ เป็นรอบแบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้เป็นช่วงท้ายๆ ของรอบนี้แล้ว พูดง่ายๆ คือไม่ไปคราวนี้ก็ต้องคอยกันไปอีกสิบกว่าปี

    …….
    ตีสองกว่าๆ ในที่สุดผมก็บังคับให้ตัวเองลุกออกมาจากโน๊ตบุ๊ค พาร่างตัวเองไปอาบน้ำและกระโดดลงนอนบนเตียง ผมหลับตา มโนว่าผมไปเห็นสิ่งนั้นด้วยตาของตัวเอง

    ส่วนใหญ่เวลาตัดสินใจอะไรผมมักจะเอาเหตุผลมาอยู่เหนืออารมณ์เสมอ
    แต่ผมว่า กับบางเรื่อง เราก็คงต้องมีข้อยกเว้นกันบ้าง


    เธอคงต้องรอไปก่อนนะอิตาลีที่รัก....
    ส่วนนายแสงเหนือ....

    เดี๋ยวเราเจอกัน!!!!!!
  • มหกายวิภาคศาสตร์ของ ísland


    ไอซ์แลนด์เป็นประเทศไม่ใหญ่นัก รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีแหลมเล็กๆ ยื่นออกมาทางฝั่งตะวันตกเรียกว่า Snaefellnes peninsula แล้วก็เหมือนมีหงอนไก่งอกออกมาตรงมุมด้านตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งมันคือ Westford

    ไอซ์แลนด์มีเมืองหลวงชื่อ Rekjavik (ออกเสียงชิคๆ ว่า เร-ค่ะ-วิค) อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ใต้ต่อแหลมที่ชื่อ Snaefellnes นั่นแหละ ซึ่งประชากร 2 ใน 3 ของประเทศจะอาศัยอยู่ในแถบนี้ นึกสภาพดูครับ ประชากรพี่ท่านมีสามแสนกว่าคน เกินครึ่งมากระจุกตัวอยู่ด้วยกัน ไม่แปลกใจที่ไอซ์แลนด์ติดอับดับหนึ่งในสิบประเทศที่มีประชากรเบาบางที่สุดในโลก

    เมือง (ที่เอาจริงๆ มีบ้านอยู่ 10 หลัง พระคุณท่านก็ตั้งเป็นเมืองแล้ว) จะเรียงรายตามแนวชายฝั่งรอบเกาะ ส่วนตรงกลางจะเป็นภูเขา ภูเขาไฟ รวมทั้งธารน้ำแข็งขนาดบิ้กเบิ้มที่สุดในยุโรป เรียกว่า Vatnajokull ไอ้ตรงกลางทั้งหมดเขาเรียกเหมารวมว่า Highland ซึ่งบริเวณนี้จะเข้าไปไม่ได้เลยในช่วงหน้าหนาว แต่หน้าร้อนสามารถเข้าไปปีนเขา ไต่หน้าผาน้ำแข็งกันได้ ตามแต่ความถึกเถื่อนของทุกท่าน


    ทีเด็ดของไอซ์แลนด์คือถนนที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดหลักของประเทศนั้น วางตัวเป็นวงกลมรอบเกาะ เลยมีชื่อเล่นว่า “Ring road” ทีเด็ดนี้ทำให้เราสามารถเริ่มต้นและจบการผจญภัยลงที่จุดเดียวกันเป็น Loop ได้ มีระยะวนรอบใกล้เคียงกับการขับรถไป-กลับ กรุงเทพ-เชียงใหม่


    ที่กระจายตัวอยู่ตามหัวเมืองและ Ring road นั่นคือปั๊มน้ำมัน มีหลายยี่ห้อครับ แต่ที่ฮิตสุดเห็นจะเป็น N1 ปั๊มเหล่านี้มักจะผูกไปด้วย supermarket ห้องน้ำ และร้านอาหารเล็กๆ กรุณานึกภาพ ปตท. กับ Jiffy ตาม หากเรางบน้อยสามารถแวะกิน Burger, Sandwich ไก่กาอาราเล่ได้ตามปั๊มเหล่านี้ สำคัญคือราคาถูก! (สั่งเบอร์เกอร์ถ้าไม่บอกเขาจะจัด set มา เสมือนไปกิน KFC ถ้าอยากประหยัดและไม่อยากทำร้ายสุขภาพตัวเองมากนัก ให้บอกพนักงานว่า ฉันจะกินแต่เบอร์เกอร์!!! ราคาและไขมันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ) 

  • Useful Quick Face About  island


    1. เงินที่ Iceland คือ Iceland Krona (Ikr) คิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ ให้เอา 4 หารเข้าไป เหรียญของเขาจะเป็นรูปปลาหลายชนิด แล้วก็มีปูด้วย ดูดีมีกิมมิค แต่ถ้าใครกังวลไม่อยากแลกเงินสดติดตัวไปเยอะ ให้ใช้บัตรเครดิตแทนครับ ที่นี่รูดได้ทุกอย่าง ซื้อของนิดหน่อย เบอร์เกอร์ร้อยสองร้อยก็รูดได้ ไม่มีใครทำหน้ายักษ์ใส่ รูดปรื๊ดๆ ยาวไปครับไว้เดือนหน้าค่อยว่ากัน (เอ๊ะ...)


    2. น้ำมันที่ไอซ์แลนด์นั้นเข้าขั้น.... แพงบรรลัย!! ดีเซล/เบนซินราคาพอกัน ลิตรละ 50-60 บาทนะครับ เผื่อค่าน้ำมันเอาไว้ในงบเยอะสักนิด น้ำมันเป็นสิ่งที่ (บาง) ปั๊มไม่สามารถรูดปรื๊ดด้วยบัตรเครดิตได้ ผมเลยแนะนำให้ซื้อ Pre-paid card ของ N1 เอาไว้เผื่อน้ำมันหมดตอนกลางคืนเคาท์เตอร์ปิด เราก็ยังสามารถเสียบการ์ดเข้าเครื่องอัตโนมัติเพื่อเติมน้ำมันได้ อีกอย่างนึงคือยิ่งเราขับไปไกล ปั๊มน้ำมันจะยิ่งน้อย ฉะนั้นถ้ารู้ตัวว่าต้องขับทางไกล ผ่านเข้าตัวเมืองให้แวะเติมน้ำมันเต็มถังไว้ อุ่นใจกว่าครับ


    3. ไอซ์แลนด์มี hashtag ระดับประเทศนั่นคือ #mystopover เหตุเพราะประเทศนี้ตั้งอยู่ตรงกลางพอดิบพอดีระหว่างฝั่ง East coast ของอเมริกา กับยุโรปและประเทศกลุ่มสแกนนิเดเวีย ทางการไอซ์แลนด์เลยพยายามโฆษณาเป็นจุดแวะพัก ประมาณว่าไหนๆ เธอก็จะบินจากนอร์เวย์ไปนิวยอร์คแล้ว แวะมายืดเส้นยืดสายที่ไอซ์แลนด์สัก 3-4 วันไหม ถ้าใครมีรูปงามๆ ถ่ายมาลง social network ให้ลองใส่ #mystopover ดู อาจจะมีหนังสือนำเที่ยว หรือ guidebook ของสายการบินติดต่อมาขอรูปไปลงโฆษณา อาจได้ค่าขนมไปเที่ยวทริปต่อไปก็ได้


    4. ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งของการเที่ยวไอซ์แลนด์คือ จะวนตามเข็ม หรือจะวนทวนเข็มดี หนังสือนำเที่ยวก็มักจะตอบหล่อๆ ว่าไปทางไหนก็ได้ สวยทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าผมฟันธงให้ “ตามเข็ม” ครับ เพราะวันแรกๆ ที่เที่ยวอยู่ห่างกัน เที่ยวชิวว่า มีเวลาพักเยอะ กลางคืนมีแรงขับรถล่าแสงเหนือได้เยอะกว่า ส่วนช่วงท้ายเราจะวนมาแถบด้านใต้ซึ่งที่เที่ยวรัวๆ ขับรถ 10 นาที อ๊ะน้ำตก ขับไปอีก 15 นาที โอ๊วว น้ำพุร้อน อีก 10 นาที โอ้วววว น้ำตกอีกแล้ว


    5. ถ้าเปรียบเทียบอากาศของไอซ์แลนด์เป็นหญิงสาว เธอก็คงกำลังอยู่ในช่วงแดงเดือดอย่างแน่นอน จากอารมณ์ดีเปลี่ยนเป็นหายนะได้อย่างที่คาดการณ์ไม่ถูกกันเลยทีเดียว จากแดดออกเปรี้ยงๆ สิบนาทีต่อมาหิมะตกหนักยังกับพายุเข้าเป็นเรื่องปกติจนขนาดคนไอซ์แลนด์ยังเอามาทำสโลแกนหยอกล้อนักท่องเที่ยว “If you dislike the weather...just wait 5 minutes” สกรีนลงเสื้อ แก้วน้ำ แม็กเน็ต ออกมาขาย ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามร้านขายของที่ระลึก



    6. และเนื่องจากความแปรปรวน ผมแนะนำว่าควรเช็คสภาพอากาศรายชั่วโมง http://en.vedur.is/weather/forecasts/areas/ รวมถึงสภาพถนนทุกครั้งก่อนจะออกเดินทาง http://www.vegagerdin.is/english/road-conditions-and-weather/ - ถนนนี่สามารถกดดูกล้องเวปแคมเป็น Real time ได้เลยไฮเทคมาก คำเตือน... ในฤดูหนาว ถนนที่มุ่งหน้าเข้าไป Highland (ถนนที่ขึ้นต้นด้วย F) ปิดหมดนะครับ อย่าได้พยายามจะขับเข้าไปเชียว ถ้ารถเสียระหว่างทาง F-road บริษัทเช่ารถปรับคุณกระเป๋ากระจุยแน่นอน


    7. ซิมการ์ดที่ราคาถูกและถือสัญญาติพื้นเมืองของไอซ์แลนด์คือ Siminn (www.siminn.is) ซื้อตอนอยู่บนเครื่องของสายการบิน Icelandair ได้เลยครับ มีขนาดเดียวเอามาหักเป็น micro/nano sim ได้ตามประสงค์ สนนราคาตกเป็นเงินไทยประมาณ 5 ร้อยบาท เป็นทั้ง calling + data ถ้าหมดก็เติมเงินด้วยบัตรเครดิตได้ จริงๆ มีแบบ data only เอาไว้เล่นเน็ตอย่างเดียวด้วย แต่ไม่แนะนำเพราะควรจะมีสำรองเอาไว้โทรติดต่อ ศูนย์เช่ารถ หรือโรงแรมเผื่อเกิดปัญหาขึ้น


    8. เบอร์ฉุกเฉินของไอซ์แลนด์คือ 112 ครับ โทรได้หมด ตำรวจ ไฟไหม้ เจ็บไข้ได้ป่วย เขาจะต่อสายอีกทีไปยังหน่วยงานที่ดูแล ถ้ารถเสียหรือติดหล่มเขาจะติดต่อตำรวจให้เรา ตอนแรกผมคิดว่าฟรี แต่พอลองคุยเจ้าหน้าที่ของโฮสเทล เธอทำตาโตและกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “oh... You've to pay HUGE amount of money”


    9. Tourist information centre ในฤดูหนาวปิดเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นจะเป็นที่ซึ่งฮิตจริงๆ แนะนำว่าถ้าปวดห้องน้ำก็อย่าหวังน้ำบ่อหน้าครับ เจอปั๊มน้ำมันเลี้ยวเข้าเลย ปลอดภัยกว่า


    10. มีคนถามว่าเที่ยวไอซ์แลนด์ไปหน้าไหนดี ตอบแบบไม่คิดเลยครับ “ไปฤดูร้อน” ทะเลสวย อากาศอบอุ่นไม่ถึงกับร้อนมาก ทุ่งหญ้าเขียวขจี ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ก็ปิดดึกกว่า แสงแดดทั้งวันทั้งคืน สามสี่ทุ่มยังสว่างอยู่เลย ....... เดี๋ยวนะ...แล้วทำไมเอ็งไปหน้าหนาว? คำตอบเดียวคืออยากไปเห็นแสงเหนือเต้นดุ๊กดิ๊กอยู่บนท้องฟ้าครับ แล้วถ้าถามว่าตกลงคุ้มไหม ถ้าจะไปไอซ์แลนด์หน้าหนาวเพื่อไปดูแสงเหนือ คุ้มครับ!!!


    11. ไอซ์แลนด์เป็นประเทศซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ไม่มีกองกำลังทางทหารเป็นของตัวเอง ซึ่งคนไอซ์แลนด์ก็ค่อนข้างจะดูภูมิอกภูมิใจเป็นอันมากว่าประเทศของเขานั้นรักสงบ (แต่ก็ยังแอบมีเรือรบ ในนามของยามชายฝั่งอยู่นะครับ)


    12. นับเป็นประเทศที่น่าอิจฉาจนเพื่อนบ้านค้อนกันคิ้วโกง เพราะพลังงานส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์มาจากพลังความร้อนใต้พิภพ ไอซ์แลนด์จึงถือเป็นหนึ่งในประเทศสะอาดมากที่สุดในโลกกันเลยทีเดียว

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in