เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
PAPAYAH's ARCHIVERocket man
ถือแก้วคุย “บูม-เอกภาพ ป้านภูมิ” : MASTERMIND แห่ง “ไปส่งกู บขส. ดู๊”, “ชาบูลส์”
  • สัมภาษณ์ & ถ่ายภาพ : เดอะมู๋  บุตรแห่งสมพงษ์เก๋


    PAPAYAH’s ARCHIVE ขอเสนอบันทึกการสนทนาของ “บูม-เอกภาพ ป้านภูมิ” วิศวกรการเกษตร, มือกีต้าร์, โปรดิวซ์เซอร์ และนักแต่งเพลงมากความสามารถ วัย 29 ย่าง 33 (เขาบอกมางี้) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จวงดนตรีนอกกระแสสุดมึนถึงสองวง ได้แก่ “ไปส่งกู บขส. ดู๊” วงดนตรี อาวองการ์ด-ฮาร์ดร๊อก สุดขบถ ฐานะร่ำรวย ที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของเหล่าคนบวมและขาประจำของมิวสิกเฟสติวัลทั่วประเทศ และ วง “ชาบลูส์ (Charblues)” วงบลูส์ร๊อกขนานแท้จากจังหวัด ขอนแก่น ที่นำดนตรีบูลส์ที่มีต้นกำเนิดมาจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี มานำเสนอผ่านความมีอารมณ์ขันสไตล์คนอีสานแต่ยังคงเข้มข้นในภาคดนตรีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นบูลส์ งานสัมภาษณ์ชิ้นนี้จะเป็นสนทนาที่จะเน้นในส่วนของวิธีคิดและการทำงานในฐานะนักแต่งเพลงและโปรดิวซ์เซอร์ของบูม รวมไปถึงที่มาที่ไปของบทเพลงๆ ต่าง มันมาได้ยัง และ บทบาทใหม่ของบูมในฐานะผู้บริหารค่ายเพลงที่ชื่อว่า “ซางวาแทเรคคอร์ด” 

     




    “ชาบูลส์” กับการไปอยู่และร่วมงานกับสังกัด “Macrowave”


    บูม : เอาจริงๆ ไม่ได้ร่วมงานด้วยกันตั้งแต่ซิงเกิ้ลแรก แต่ตามหลักการแล้วคือทาง "Marcrowave" เขาก็ดูแลเรื่องการจัดจำหน่ายของทุกเพลง ที่เริ่มปล่อยผ่านทางค่ายจริงๆ คือซิงเกิ้ลที่ชื่อว่า “อย่าคุยเรื่องบินสูงในฝูงไก่” ซึ่งจริงๆ เป็นซิงเกิ้ลที่ 4 ของชาบลูส์  


    ปัจจุบันปล่อยมาแล้วทั้งหมด 8 เพลง มี “How do you know my father name? เป็นเรื่องถูกบูลี่ในโรงเรียน เรื่องการล้อชื่อพ่อชื่อแม่กัน เป็นเรื่องที่เด็กไทยหลายๆ คนล้วนเลยมีประสบพอเจอกันอยู่แล้ว ละก็ “เรามาเรียนผิดวัน” อย่างเพลงนี้เป็นเรื่องของฉิมเลย (‘ฉิม-ณัฐพงศ์ ฉิมวัย’ นักร้องนำของวง “ชาร์บูลส์”) แต่งจากวันที่ฉิมไปเรียนผิดวันจริงๆ ละตอนนั้นผมก็อยากแต่งเพลงของชาร์บลูส์ต่อก็เลยชวนฉิมมาเจอกันที่ร้าน “Zaab Record” ของพี่ัจักร ( ‘พี่จักร’ อีกหนึ่งบุคคลากรผู้ผลักดันซีนดนตรีและศิลปะในจังหวัดขอนแก่น เจ้าของร้านแผ่นเสียง ซีดี เทป มือสอง ที่หมายมั่นอยากให้ร้านเขาเป็นห้องสมุดทางดนตรีประจำจังหวัด ในนามZaab Record’ และ ซอยลุงจักร’ คาเฟ่ลับแห่งบ้านโนนม่วงที่โคตรเท่ หาทางไปกันเอาเองนะ ) มึงก็มาหนิวันนั้น (“มึง” ในที่นี้คือผู้สัมภาษณ์) มึงมาแปปนึงแล้วก็ไปทำงานต่อ พอมาเจอกัน ฉิมมันก็เริ่มเล่าว่า “พี่วันนี้ผมมาเรียนผิดวัน @#!$#@%%@^^@^... ไม่เจอใครเลย เจอเพื่อน@#!@$!$%%%%$##!” ตามเหตุการณ์ในเนื้อเพลงเลย ละเราก็เอาเรื่องตรงนี้มาเรียบเรียงเขียนออกมาเป็นเพลง จะมี fun fact ตรงนี้อยู่นิดนึงคือ จริงๆ เพลงนี้เราตั้งใจจะเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงไปเลย ไม่มีท่อนซ้ำ แต่พี่จักรเจ้าของร้านเขาแนะนำมาว่าควรจะมีท่อนซ้ำหน่อย “เพลงของบูม มันต้องมีท่อนซ้ำ” ก็เลยมีทำท่อนซ้ำขึ้นมาเป็นท่อนฮุค ซึ่งเรายกเครดิตให้พี่เขาในส่วนนี้ เพลงบูมมันต้องซ้ำ ซ้ำทำไมวะ? แต่พอลองทำแล้วมันดีขึ้นจริงๆ ต้องขอบคุณพี่จักรครับ 





    ซิ้งเกิ้ลที่ 3 “หมดสิทธิ์สอบ” 




    บูม : เป็นเรื่องราวของดีเจคนดัง ดีเจอ๋องแอ๋งสะบัดแผ่น” (ผู้สัมภาษณ์ : จริงๆ นี่ตอนแรกคนนี่คือ ท๊อปเซค ตลอด ) ใช่ จริงๆ คุณอ๋องนี่เป็นคนเก่ง ฉลาด เรียกได้ว่าอัจริยะ คือ ถ้าเข้าได้จริงจังด้านไหน ต้องยอมรับว่าเขาเก่ง ละแต่ก่อนเขาจริงจังด้านการเรียน (หัวเราะ) ก็ซัดไปเลย สอบ วิชา แคลคูลัส “Math1 - Mathematics for Engineer” อ๋องจัดไป 80 เต็มร้อย ส่วนผมนี่ 30 (หัวเราะ) แต่ยังผ่านมีนนะ คือคนทั่วไปจะได้ประมาณ 30-40 พอเขาได้ 80 หนิ เขาผยองเลย เพราะทั้งคณะคนที่ได้คะแนนระดับนี้มีประมาณแค่ 20 คน คือเป็นระดับ Superstar เดินไปไหนก็เท่ คือ A B+ แน่นอน แต่แล้วก็หมดสิทธิ์สอบปลายภาค ละมันเป็นกฎของคณะที่ผมเรียน ( คณะ วิศวกรรมศาตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ) ถ้าหมดสิทธิ์สอบก็คือ F คุณอ๋องก็จัดไปเลย 1 ตัว ตามเนื้อเพลง ไอ้การที่เขาเข้าไปนั่งในห้องสอบโดยที่ไม่รู้ตัว เนื้อเพลงคือเอามาจากคำพูดของเขาหมด อ๋องเล่าให้ฟัง ผมก็เก็บเอามาเขียนให้มันลงในจังหวะในดนตรี (ผู้สัมภาษณ์ : คือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองเข้าไปสอบ แต่ไม่มีชื่อสอบ ก็โดนเชิญออก) ใช่ครับ ก็ขับมอไซค์กลับแบบน้ำตาไหล มอเตอร์ไซค์ก็จะพังๆ หน่อย ซิงเกิ้ลนี้แหละที่ได้พาพวกเราไปเดบิวต์กับทาง “Macrowave” ทางนู้นเขาได้ฟังละติดต่อมา สนใจ อะไรประมาณนี้ พอเข้ามาแล้วก็ปล่อย “อย่าคุยเรื่องบินสูงในฝูงไก่” 



    สำหรับเพลงนี้ ผมขอพูดในมุมผมก่อน ผมไปเห็นจากในคอมเมนท์บนยูทิวป์ หลายคนเขาตีความว่ามันเป็นการประชด ด่า ใครสักคนหนึ่ง ในหลายๆ วงการ คุณมีความเห็นอย่างไรกับตรงนี้


    บูม : การตีความมันกว้างมากเพลงนี้ แล้วพอมันกลายเป็นเพลงยอดวิวเยอะ การตีความมันก็ยิ่งว้าง มีคนสนิทคนนึงของผม เขาโพสถึงเพลงนี้ว่า “มันทำมาด่ากูปะวะ? ผมขอชี้แจงไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่ได้ทำเพลงนี้มาด่าใคร มันเป็นชีวิตและประสบการณ์ที่ผมสั่งสมมาแล้วก็เขียนมันขึ้นมา แค่นั้น เอาง่ายๆ แมสเสจของเพลงนี้มันก็คือ อย่าพูดมากแล้วกัน ละเอาจริงๆ การพูดมากก็ไม่ใช่ไม่ดี การพูดมากมันดีแหละ แต่ควรพูดให้ตรงจุด แล้วก็ทำงานให้เยอะ (ผู้สัมภาษณ์ : ทำงานให้เยอะพูดให้น้อย หรือไม่พูดเลยดีกว่า ให้งานพูดแทน) พูดด้วยๆ พูดเถอะ แต่อย่าพูดเยอะ โอ หล่ออะ สัมภาษณ์นี้หล่อ (หัวเราะ) 








    แต่ถ้าให้พูดสไตล์เราก็คือ คนไทยคนชอบบอกว่า “คนเก่งอะ ไม่ต้องพูดหรอกว่าตัวเองเก่ง” แต่ถ้าเป็นมุมมองส่วนตัวของเรา เราว่า ถ้าเราเก่ง เราก็ต้องพูดว่าเราเก่ง คือไม่มีถูก ไม่มีผิด มันเป็นเรื่องความเชื่อ แต่ผมเชื่อว่าการชมตัวเองไม่ผิด


    บูม : เออๆ ก็พูดเลย พูดไปเลย (หัวเราะ) มันจะมีท่อนนึงในเพลงมันร้อง “หากจะทำการใหญ่ ต้องคบไก่ให้ได้” หมายถึง ถ้าคุณอยากจะทำการใหญ่ บางครั้งคุณก็ต้องยอมเป็นไก่ด้วย เพลงนี้มันล้ำลึกนะเนี่ย ดีเทลมันเยอะ (ผู้สัมภาษณ์ : คุณก็อวยตัวเองเกินไป) โอ้ย ธรรมดา กูเก่ง (หัวเราะ)


    ถ้าจะมองในมุมการตลาด เพลงนี้มันไม่ใช่เพลงรัก แถมมีแง่มุมที่ซับซ้อนด้วย สามารถตีความได้หลายชั้น แต่ได้ล้านวิวเร็วที่สุดของวง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน คือสำหรับเด็กอีสานอย่างพวกเราที่ทำเพลงทำดนตรีกันมา การได้แตะล้านวิวมันเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะการเป็นศิลปินที่เป็นทำเพลงเพลงอินดี้ ในสมัยเราคือไม่มีเลย มันเพิ่งมีเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง คิดว่าอะไรทำให้เพลงนี้ไปถึงจุดนั้นได้


    บูม : เหมือนผมจะมีความสามารถในการแต่งเพลงที่ไม่ใช่เพลงรักและไม่มีเอ็มวีให้ถึงล้านวิวได้ อย่างเพลง “ม้าลายอยากขับรถจิ๊บ” ของ “ไปส่งกู บขส.ดู๊” อันนั้นก็ล้านวิว ไม่มีเอ็มวี เป็นเพลงที่ไม่เกี่ยวกับความรักด้วย โอ นี่กูก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย (หัวเราะชอบใจ)





    ซิงเกิ้ลที่ 5 “อกหักจากดั๊กคาเฟ่”




    บูม : สำหรับเพลงนี้ผมเขียนให้มันเป็นบันทึกการเดินทาง เรายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักตอนนั้น เพลง “อกหักจากดั๊กคาเฟ่” เป็นเพลงแรกๆ ที่เขียนในนาม “ชาบลูส์” ก่อน “อย่าบินสูงในฝูงไก่” กับเพลง “หมดสิทธิ์สอบ” อีก ตอนที่เราเพิ่งตั้งวงใหม่ๆ เรามีโอกาสได้เดินทางไปแสดงที่ “ดั๊คคาเฟ่” (ร้านอาหารกึ่งผับและ "Live House" อันเป็นฐานที่มั่นของซีนนอกกระแส) ที่ อุบลราชธานี เหตุการณ์ตอนนั้นมันเหมือนในหนังเรื่อง “Rockstar” เลย ไปเกือบไม่ทัน รถเสีย รถหม้อน้ำแตก ไปถึงปุ๊ป ก็ตามเนื้อเพลง (ผู้สัมภาษณ์ : ไปเล่นงานมหา’ลัยแล้วก็ไปเล่นต่อที่ร้าน “ดั๊คคาเฟ่”) ตอนนั้นคุณฉิมก็ไปเจอผู้หญิงคนนึง ละฉิมมันก็มาพูดกับผมว่า “พี่ ผมไม่เคยคุยกับใครแล้วรู้สึกใช่ขนาดนี้” (หัวเราะในคอเบาๆ) กูแต่งเพลงให้มึงเลย ก็เลยกลายเป็นเพลง “อกหักจากดั๊กคาเฟ่” มีฉิมมาช่วยแต่งด้วยเพลงนี้ โดยที่ผมไม่รู้ว่าในอีกหลายเดือนต่อมาจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก “พี่ ผมไม่เคยคุยกับใครแล้วรู้สึกใช่ขนาดนี้” (หัวเราะ) อีกเป็นสิบคน (หัวเราะ) ตามเนื้อเพลงเลยครับ จริงๆ แล้วเพลงนี้เป็นบันทึกการเดินทางมากกว่า แล้วก็มีเรื่องความรักเข้ามา (ผู้สัมภาษณ์ : ทำตัวเป็นวงร๊อกเลยนะพวกคุณ) ธรรมดา (หัวเราะ)



    เพลงต่อมา เพลงภาษาอังกฤษล้วนๆเพลงแรกของวง “Why my pc screen got the blues”




    บูม : เป็นเพลงแรกๆ ที่ผมเริ่มหัดเขียนเพลงภาษาอังกฤษด้วย จริงๆ เพลงนี้เขียนมานานละ ตอนแรกว่าจะเอามาเป็นเพลงของ “ไปส่งกู บขส.ดู๊” ด้วยซ้ำ แต่ว่าคำว่า “Why my pc screen got the blues” ถูกพัฒนามาหลายเวอร์ชั่นมากกว่าจะมาถึงเพลงนี้ พัฒนาเยอะๆๆ มาก จนกระทั่ง….ก่อนหน้านี้มันเป็นเนื้อภาษาไทยสลับอังกฤษ จนกระทั่งเราคิดว่าลองทำเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยดีกว่าแล้วให้ฉิมร้อง ซึ่งจริงๆ แล้วเพลงนี้มันมีเนื้อที่เด็ดกว่านี้มาก แต่มันหาย (ผู้สัมภาษณ์ : คือจำไม่ได้) ใช่ คือกูจำได้ว่า มันคือ จอฟ้านี่แหละ แล้วกูก็ทำขึ้นมาโดยที่กูรู้สึกว่า ในใจมันก็ยังติดมาตลอดว่า มันยังมีเนื้อที่เด็ดกว่านี้อยู่ในคอมกูที่โดนขโมยไป (หัวเราะแห้ง) คือคอมกูโดนขโมยตอนสมัยยังทำงานที่กรุงเทพ เพลงนี้ก็ได้ทำเอ็มวีด้วย ก็ได้น้องแก๊ก (น้องชายของ “กิ๊ก-ธนัท พรมภักดี” มือกลองของวง ชาบูล์ ) น้องชายไอ้กิ๊ก ชื่อแก๊ก ก็มาช่วยทำเอ็มวีให้



    นอกจากทักษะการเขียนเนื้อเพลงที่เฉียบคม บูมยังมีฝีมือในการตั้งชื่อเพลงให้เป็นที่จดจำและน่าสนใจอีกด้วยอย่างเช่นเพลง “บุฟเฟต์สันนิวาส”




    บูม : ความหมายของชื่อเพลง “บุฟเฟต์สันนิวาส” ก็คือ บุพเฟต์ก็คือ หมูกระทะ บุพเฟต์ นี่แหละ ส่วน สันนิวาส ก็มาจากคำว่า “บุพเพสันนิวาส” นั่นแหละ คือผมได้ยินคำนี้มาจากฉิมเหมือนกันนะ ไม่ได้คิดเอง ซึ่งผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันเป็นชื่อโปรโมชั่นของร้านชาบูร้านนึง ทีนี้ผมก็เริ่มเขียนจากคำนี้ เขียนกับภรรยา คือเขียนเองแหละ แต่ให้ภรรยาช่วยดู เป็นเหตุการณ์ในร้านหมูกระทะ จากโจทย์ที่เราตั้งไว้ว่า คนเรามันจะรักกันในร้านหมูกระทะได้ไง มันก็มีเหมือนเราเจอสาวๆ ในร้านเหล้าหรือในร้านบาร์ ผมเขียนเพลงนี้ขึ้นมาให้มีไทม์ไลน์อยู่ในร้านหมูกระทะแต่ให้มีฟีลลิ่งเหมือนไปเจอสาวอยู่บาร์ อ้าา เป็นฟีลแบบไปเจอสาวอยู่บาร์แต่สถานการณ์ในเพลงคือเป็นร้านหมูกระทะ มิวสิกวีดีโอก็อยากให้เป็นอย่างงั้นเหมือนกัน เรื่องราวในมิวสิกวีดีโอก็เป็นลักษณะของการไปเจอกันในร้านหมูกระทะ ก่อนที่จะเดินเรื่องจนมาจบในบาร์ ซึ่งตอนนั้นลูกคลอดพอดีผมเลยไม่ได้เข้าไปร่วมในเฟรมด้วย แต่จ่ายเงินจ้างเท่ากันนะ (หัวเราะคอแหบคอแห้ง) จ่ายเงินเลี้ยงค่าหมูกระทะทีมงาน ทีมงานชุดนี้มากจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ชื่อทีมว่า The Underdog” เขาติดต่อมาขอทำเพลงนี้เลย เพื่อเป็นโปรเจคในหลักสูตรการเรียนของเขา จำได้ว่าร้านหมูกระทะเราก็ต้องดีลเองอะ ละเขาดีลมาหมดเลย โรงแรมเขาหาเองหมด เขาขึ้นมาขอนแก่นเพื่อถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลงนี้ให้โดยเฉพาะเลย เราก็เกรงใจเขา เราเลยเลี้ยงหมูกระทะแล้วก็เลี้ยงเบียร์เขา ก็หลายเติบ หมดค่าเบียร์นี่แหละเยอะ ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ เขาทำออกมาได้ดีมากๆ



    “ํYou Just A Trial Version” 




    บูม : “You’re just a trail version คุณคือรักที่ผมไม่มีวันได้ activated” เป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก มันเริ่มจากการที่ตอนนั้นผมใช้ซอฟแวร์ทำเพลงตัวนึงอยู่ ละซอฟแวร์ลิขสิทธิ์แต่ละตัวมันจะมีอายุการใช้งานที่จำกัด แล้วผมก็ใช้มันจนรู้สึกรักมัน แต่ด้วยราคาที่สูงมาก เลยทำผมไม่สามารถใช้มันต่อได้ สำหรับผม มันคือรักที่ผมไม่มีวันได้ activated ผมเลยต้องเปลี่ยนมาใช้โปรแกรมที่มันถูกว่าเท่านั้นเอง ผมก็เอามาขยายต่อเป็นเรื่องความรัก สุดท้ายเขาก็ต้องกลับไปหาคนที่เขา เหมือนอีกฝั่ง เขาทะเลากับแฟนมาแล้วก็มาคุยกับเรา นั่นแหละคือ “Trial” คือเราเหมือนเป็นคนคั่นเวลา “สุดท้ายสถานะของเราก็เป็นเพียงแค่คั่นเวลา เยียวยาแผลคุณไม่ให้ถูกทำร้ายซ้ำๆ จากความเหงา แต่คุณคงไม่อาจหายจากความเศร้า จนกว่าเขาจะกลับมา” (ผู้สัมภาษณ์ : โอโห) วันนั้นคงเป็นวันที่ผมต้องดื่มให้เมา เพราะคุณกลับไป” (หัวเราะ) มันจะมีเหตุการณ์ฮาๆ เยอะในเพลงนี้ ก็ไปฟังกันได้ อัดที่ซางวาแทเรคคอร์ด



    ทราบมาว่าคุณเพิ่งเปิดตัวค่ายเพลงของตัวเองที่มีชื่อว่า “ซางวาแทเรคคอร์ด” เมื่อไม่นานมานี้ด้วย อยากให้ช่วยเล่าที่มาที่ไปของค่ายเพลงค่ายนี้ให้เราฟังสักหน่อย


    บูม :  เอาจริงๆ “ซางวาแทเรคคอร์ค” เป็นชื่อที่คิดขึ้นมาเฉยๆ ครับ คือไม่ได้ตั้งใจจะทำค่ายเพลง จริงๆ ผมจะโพสแค่รับทำ อัดเพลง ละก็เรียบเรียงดนตรี มิกซ์-มาสเตอริ่ง แล้วก็...ผมจะรับจ้างทำเพลงแหละ ผมจะเลี้ยงลูก แต่ผมโพสต์ผิด


    คุณพ่อ บูม และ น้อง ผิงผิง ลูกสาวคนแรกของคุณบูม


    “โพสต์ผิด” ในที่นี้หมายความว่าอะไร


    บูม : ผมควรจะโพสว่าผมจะรับทำเพลง-มิกซ์-มาสเตอร์ริ่ง แต่ผมดันไปโพสต์ ประกาศรับศิลปินหน้าใหม่ คือเราคิดว่าตัวเองไม่ได้ดังขนาดนั้นเลยโพสไปว่ารับศิลปินหน้าใหม่เข้ามา ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาสมัคร แต่สรุปคือ มีคนส่งมาเยอะมาก (หัวเราะ) (ผู้สัมภาษณ์ : เยอะมากประมาณเท่าไหร่) โอ้ เป็น สิบ ยี่สิบ แล้วเราก็ไม่รู้จะทำยังไง คือเข้ามาเต็มเลย ศิลปินทักเข้าในอินบ๊อกซ์เต็มเลย พออินบ๊อกซ์มาเยอะๆก็เลยรู้สึกว่า เอ่า จะบอกเขายังไงดีวะ ก็เลยบอกให้เขาส่งเดโม่มาเลยครับ (หัวเราะ) ตามน้ำไปก่อน ละทีนี้ (ผู้สัมภาษณ์ : ละเขาส่งมาจริงๆ ไหม) ส่ง (หัวเราะ) แล้วเราก็ลองเอามาคัดเลือกจากเนื้อเพลง แล้วก็แนวดนตรี ปรากฎว่าเจอคนเท่ๆ เยอะเลย



    แล้วตกลงคือเปิดเป็นค่ายเลยไหม


    บูม : ก็ไม่รู้ว่ารับเป็นค่ายหรือเปล่า เราว่าการเป็นค่ายมันเชยสุดๆ ไม่อยากให้เป็นค่าย อยากให้เป็นผู้คนมากกว่า 


    แล้วพอมาถึงจุดนี้ คุณตอบรับหรือปฏิเสธเขายังไง


    บูม : สรุปว่า ผมก็ตั้งกลุ่มเฟสบุ๊กขึ้นมากลุ่มหนึ่ง แล้วกดรับพวกเขาเข้ามา (หัวเราะ) คือเราถลำลึกไปแล้วครับผม (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) รับเฉพาะพวกที่มีเพลงเท่ๆ 



    ณ ตอนนี้ ในกลุ่มนั้นมีชื่อว่า “ซางวาแทกรุ๊ป” มีศิลปินอยู่ทั้งหมดกี่เบอร์


    บูม : โอ เยอะ จำไม่ได้ (หัวเราะ) น่าจะมีประมาณ 7-8 ศิลปิน มีมาจากหลายที่เลย จากเชียงรายก็มี จากนครปฐมก็มี เยอะ (ผู้สัมภาษณ์ : คุณจำชื่อวงหรือชื่อศิลปินที่อยู่ในกลุ่มของคุณได้สักวงไหม) มีวงจากเชียงรายชื่อวงยายเรือง” มีวงน้องเพลง “เพลงใจ”, ดีเจอ๋องแอ๋งสะบัดแผ่น” ก็เข้ามา เข้ามาทำไม (หัวเราะ) เข้ามาเป็นศิลปินเลย เขาบอกว่าขอเข้ามาเป็นศิลปินหน่อย แล้วเขาบอกมาอีกว่า ‘มึงอย่าบอกใครนะ ว่ากูกับมึงเคยทำเพลงด้วยกัน’ (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) ผมไม่บอกก็ได้แต่เขาก็รู้แหละ แล้วก็มี “เดอะมู๋” เข้ามาเป็นฝ่ายดูแลอะไรสักอย่างนี่แหละ (ผู้สัมภาษณ์ : เป็นฝ่ายพัฒนาบุคลิกภาพลักษณ์แฟนคลับสูงสุด) เออ นั่นแหละ ทุกตำแหน่งที่เป็นตำแหน่งบริหารต้องสูงสุดหมดเดี๋ยวมีคนน้อยใจ (หัวเราะ) คือไม่มีใครฟังใครอยู่แล้วในค่ายในนี้กูดูแล้ว กูเลยตั้งสูงสุดให้หมดเลย (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) 





    มีชื่อตำแหน่งอื่นอีกไหม ได้ข่าวว่าอย่างคุณ “ฉิม” นักร้องนำวง “ชาบูลส์” ก็มีตำแหน่งในค่ายเหมือกัน


    บูม : คุณฉิมก็คอมเมนต์อะไรสักอย่าง…. ประธานบริหารด้านการคอมเมนต์สูงสุด (ผู้สัมภาษณ์ : คุณอ๋องล่ะครับ) คุณอ๋องก็ฝ่ายที่ปรึกษาสูงสุดอะไรสักอย่าง ผมก็ผอ.อะไรสักอย่างสูงสุดเหมือนกัน เราก็คิดว่าคงไม่มีใครฟังใครอยู่แล้วแหละก็ตั้งให้เป็นสูงสุดกันให้หมดเลย ละพอเอาฝ่ายบริหารไปแนะนำให้กับศิลปิน ศิลปินก็เออออห่อหมกไปตาม(หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) ซึ่งศิลปินหลายๆ คนที่เขาจริงจังมันก็มี เวลาเขาทักเขามาด้วยท่าทีจริงจัง ผมก็ต้องจริงจังด้วย แต่ว่าพวกคุณนี่แหละมาทำเล่นกัน (หัวเราะ)



    “ซางวาแทกรุ๊ป” จะมีศิลปินเบอร์แรกออกมาให้ฟังเมื่อไหร่


    บูม : มีแน่นอน มาขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องมีแล้วแหละ (ผู้สัมภาษณ์ : แผนล่ะ ผมอยากทราบแผนการทำดำเนินขององค์กรคุณ) แผนการอันดับแรก ผมได้สอบถามไปทางศิลปินเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะปล่อยของใครบ้าง ศิลปินบอกว่า ‘อย่าเพิ่งปล่อยผมเลยครับพี่ ผมยังเป็นรุ่นเล็กอยู่ ปล่อยของรุ่นใหญ่ไปก่อน’ ผมเลยตอบกลับไปว่า ในนี้ไม่มีรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก ทุกคนเท่ากันหมด เอางี้ละกัน เดี๋ยวพี่ปล่อยของพี่ก่อน (หัวเราะ) เอาจริงๆ คงไม่นานครับ ศิลปินทำเพลงมารอกันเพียบเลย (ผู้สัมภาษณ์ : เราบันทึกเสียงสัมภาษณ์ชิ้นนี้กันตอนช่วงปลายเดือนสิงหาคม คิดว่าคนจะได้ฟังผลงานจากทางพวกคุณเมื่อไหร่) คาดว่าน่าจะอีกประมาณเดือนนิดๆ น่าจะเป็นปลายเดือนกันยา คือเราไม่ได้เน้นการตลาดมากมาย ก็ปล่อยเพลงไป อุทิศเพื่อสังคมสไตล์แบบร่วมกตัญญู (หัวเราะ) คือเอาจริงๆ แล้วซางวาแทเรคคอร์ดเนี่ยมีคนส่งเดโม่เขามาเยอะมากนะ แต่ละวงผมคุยแล้วก็ให้ส่งเพลงมา แล้วก็คุยดูลักษณะนิสัยใจคอแล้วเอาที่แบบน่าจะเท่อยู่พอสมควร ผมก็อยากให้ติดตามอยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำค่ายหรือทำอะไรก็ตามแต่ในตอนแรก คือเริ่มจากจะรับจ้างทำเพลง ไปๆมาๆ ตอนนี้เหมือนจะทำฟรีให้หมดทุกคนเลย (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็ฝากติดตามศิลปินที่กำลังทยอยปล่อยผลงานกันออกมาด้วย ก็แล้วแต่คนฟังเลย ขึ้นอยู่กับความพอใจของคนฟัง ไม่ได้บังคับ แล้วก็ยังรับทำเพลงอยู่ เพราะเป้าหมายแรกมันคืออย่างงั้น ทั้งบันทึกเสียง ช่วยเกลาเนื้อเพลง อยากให้ท่อนไหนมันเป็นยังไงก็ปรึกษากันได้ คุยกันได้ เผลอๆ อาจจะไม่ได้คิดเงินด้วยซ้ำ เหมือนที่ทำๆ อยู่นี่แหละ ฝาก “ซางวาแทเรคคอร์ด” ด้วยครับ





    ได้ข่าวว่าวง “ไปส่งกู บขส. ดู๊” กำลังทำผลงานชุดใหม่กันอยู่ อยากให้ช่วยเล่าให้ฟังนิดนึงว่าข่าวนี้มันจริงเท็จแค่ไหน


    บูม : เออ ข่าวนี้ผมก็เพิ่งรู้มาเหมือนกัน (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) คุณไปรู้มาจากไหนวะ ไม่หรอก (หัวเราะ) ล้อเล่น มีครับมี มีแน่นอน แต่ถ้าเรื่องทำอัลบั้มใหม่เลยเนี่ยผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน (หัวเราะ) คือในปี 2020 ปีนี้เนี่ยพวกเราเพลงทำเสร็จไปแล้วเยอะเหมือนกัน ละก็ปล่อยไปแล้วเพลงหนึ่ง ชื่อเพลงว่า “ดาบพลังลำแสงร้ายแรงกว่าแสงเลเซอร์” เป็นเพลงที่ผมตั้งแต่งทิ้งไว้นานมากประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว แต่เพิ่งได้หยิบมาทำ คือไม่รู้จะเอาไปรวมในอัลบั้มใหม่หรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ คือเอาไปรวมในอัลบั้มเก่าแล้วตอนนี้ (หัวเราะ) เพลงนี้ถูกเอาไปรวมกับอัลบั้มเก่าชุด “ลาดยาง” เป็นแทร๊คที่เพิ่มเข้าไปในแผ่นซีดีและเทปคาสเซ็ท เวอร์ชั่น re-issue ที่กำลังจะผลิดตออกมา เพิ่มเข้าไปเฉยๆ ไม่มีโบน๊งโบนัสอะไรหรอก อยากเพิ่มก็เพิ่ม





    เราจะได้ฟังเพลงใหม่จาก “ไปส่งกู บขส. ดู๊” อีกกี่เพลงในปีนี้ ละเมื่อไหร่จะออกมาเป็นอัลบั้มใหม่สักที


    บูม : สำหรับเพลงที่ผมเขียนและเป็นที่รับทราบกันในวงว่าจะนำมาใช้เป็นเพลงของ “ไปส่งกู บขส. ดู้”ตอนนี้จะมีประมาณ 5-6 เพลง อัลบั้มเต็มชุดแรกชื่อ “ลาดยาง” อัลบั้มที่สองเราคิดว่าน่าจะเป็น “ซ่อม” แล้วแหละ ถนนเป็นหลุมหมดละ (ผู้สัมภาษณ์ : พอจะบอกชื่อเพลงให้ฟังสักหน่อยจะได้ไหม) ก็จะมี “อัลลิเกเตอร์ ออน เดอะ ริเวอร์”, “เฮริคอปเตอร์พยาบาล”, “มนต์รักถังน้ำแข็ง” อันหลังนี่ตอนแรกเพลงนี้เป็นเพลงที่ตั้งใจจะเอาไปใช้ในโปรเจกค์ “บูมเดี่ยว” เรียบเรียงเสร็จไปพอสมควรแล้ว “โดดเดี่ยวมานาน ใช้ชีวิตอยู่ในถัง ใช้ชีวิตลำพัง อยู่ในถัง” (บูมร้องเนื้อเพลงท่อนหนึ่งขึ้นมาให้ฟัง)  อะไรประมาณนี้ (ผู้สัมภาษณ์ : คือเป็นเพลงที่เป็นภาคต่อของเพลง “ถังน้ำแข็ง”) เป็นมุมมองของถังน้ำแข็งที่มีต่อความรัก (ผู้สัมภาษณ์ : แล้วทำไมสุดท้ายเลือกเอาเพลงนี้กลับมาทำใน “ไปส่งกู บขส. ดู๊”) คือผมคิดว่าเราไม่ควรจะไปหากินกับของเก่า ก็เลยตัดเพลงนี้ออกไปในตอนแรก แค่นั้นเอง พวกเรา “ไปส่งกู บขส. ดู๊” ควรจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด แต่ก็จะมีอ๋องที่อยากได้เพลงนี้กลับมา ซึ่งจริงๆ อ๋องมันจะไปตั้งวงใหม่ชื่อวงป “ถังน้ำแข็ง” แล้วมันจะขอเอาไปทำกับวงชื่อ “ถังน้ำแข็ง” ผมก็โอโหเฮ้ยมันไม่ได้! เลยรู้สึกว่าเอากลับมาทำเป็นเพลงใหม่ของวงดีกว่า ไม่เป็นไร ผมเขียนได้อีกเป็นล้านเพลง


    มีอะไรที่อยากจะบอกแฟนเพลงของ “ไปสู่งกู บขส.ดู๊” ไหม เอาแบบที่แฟนเพลงไม่เคยรู้มาก่อน


    บูม : ไปเจอกันได้ที่งาน “Cat Expo” นะครับ แล้วก็ตามเฟสติเวิลต่างๆ เราก็ยังคงเป็นวงที่ทำเพื่อประชาชนเหมือนเดิม (หัวเราะ) ถ้าคุณมองหาวงอินดี้ เราว่าเราเป็นวงอินดี้แล้วล่ะ  (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) ไอ้เหี้ย วงกูนี่แหละอินดี้ คำว่าอินดี้เนี่ยมันนิยามออกไปได้หลายความหมาย แต่ว่าพวกเรานี่ก็เป็นวงอินดี้นั่นแหละ


    อะ ไหนคุณลองนิยามคำว่า ”อินดี้” ในแบบของพวกคุณหน่อยซิ


    บูม : อินดี้ มันจากคำว่า “Independent” ทำเอง ซื้อเอง ขายเอง ทำเอง ฟังเอง แล้วถ้าเกิดพวกคุณมาซื้อผมเนี่ย พวกคุณก็เป็นพวกเดียวกับผมนี่แหละ เราต้องซื้อเพลงของพวกเดียวกันเองฟัง มันก็ไม่ได้แปลกใหม่ (ผู้สัมภาษณ์ : คล้ายๆสำนวนไทยที่บอกว่า เราเป็นคนแบบไหนเราก็จะดึงดูดคนที่มีลักษณะแบบนั้น) ใช่ๆ คือถ้าเราเป็นคนลักษณะแบบไหนเราก็จะดึงดูดคนในลักษณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะเป็นศิลปินดังระดับ 8,000 ล้านวิว 



    “ไปส่งกู บขส.ดู๊” จะมีจุดสิ้นสุดไหม


    บูม : จุดจบ…….ไม่มี แต่ตอนแรกเหมือนจะมีอยู่ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ตอนนี้คำตอบคือ ไม่รู้…..ไม่มี ไม่น่าจะมีหรอก ไม่มีจุดจบแน่นอน จะทำไปเรื่อยๆ ถ้าช่วงที่ไม่อยากทำก็ปล่อย มีอารมณ์ทำแล้วค่อยทำ (ผู้สัมภาษณ์ : ด้วยภาระหน้าที่ของทุกๆ คนด้วย เพราะก็เข้าสู่วัย 30 กันหมดแล้ว) อย่างผมเองก็ 29 ละ (หัวเราะ) 29 ย่าง 33 (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) กะจะทำไปเรื่อยๆ เพราะถ้าถามว่าตีกันบ้างไหม ตีกันไปแล้ว (หัวเราะ) คือตีกันจนไม่รู้จะเอาอะไรมาแยกวงแล้ว (ผู้สัมภาษณ์ : อันนี้คือเรื่องจริงนะครับ สมัยมหา’ลัย บูมกับอ๋อง เคยตีกันจริงๆ มาแล้วแบบเอาเท้าฟาดหน้ากัน) ใช่ครับ ผมต่อย ส่วนไอ้อ๋อง เตะปากผม (หัวเราะ) สาเหตุมาจากการที่ กินเหล้าด้วยกันแล้วอีกฝ่ายนึงจะกลับก่อน ก็เลยตีกัน (หัวเราะแบบคอแหบคอแห้ง) 






    ติดตามผลงานและความเคลื่อนไหวของ บูม ได้ที่ https://www.facebook.com/bks49 (ไปส่งกู บขส. ดู๊), https://www.facebook.com/char13lues (ชาบูลส์) รวมถึง ค่ายเพลง “ซางวาแทเรคคอร์ด” โดย เสิร์ช “ซางวาแทเรคคอร์ด” บนหน้า facebook ของท่าน



    _________________________________________________________________________________________








    พร้อมที่จะลงนรกกันแล้วหรือยัง ?


    ถ้าพร้อมแล้ว


    ขอเชิญพบกับงานดนตรี ที่เผ็ชชชชที่สุดจนนรกยังต้องบ่นว่าร้อน กับ



    LEO presents เต้ย Frestival ครั้งที่ 4/2


    ตอน " แบก พริก IN YOUR AREA อ๊ะ "


    #แม่ให้เราไปเด็ดพริกมา5เม็ดแต่เราเด็ดมา8เม็ด

    #เพราะเราเด็ดเกิน

    #พอดีชอบกินเผ็ด

    #น้ำพริกนรก

    #ไม่ได้อ่อยแต่ก็อร่อยจริงๆ


    พบกับ 8 ศิลปิน


    - H 3 F

    - Torrayot

    - จุลโหฬาร

    - Tattoo Colour

    - S.O.L.E

    - Anatomy Rabbit

    - ไปส่งกู บขส. ดู๊

    - Solitude Is Bliss



    พร้อม Merchandise สุดพิเศษของแต่ละวง

    .


    และสินค้าสุดพิเศษจาก JOY2 ที่มีขายแค่เฉพาะในงาน


    .


    ในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563 ( halloween night ) ณ. WUFOO (ตลาดอู้ฟู่) จังหวัด ขอนแก่น


    ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ ทาง EVENT POP 

    http://go.eventpop.me/freshtival4-2


    ***********

    .


    **ไม่จำกัดอายุผู้เข้าชมงาน / แต่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุเกิน 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น


    **** DRESS CODE : เผ็ชชชช ที่สุดจนนรกยังต้องร้อน ให้สมกับเป็นวันปล่อยผี *****


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in