เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ความคิดihtayaf
31.5.17 สิ่งที่เหลืออยู่จากบทความที่หายไป
  •      "เ_ี่ยยยยย"

          เสียงสบถในระดับดังกว่าเสียงปกติหลุดออกมาจากปากเรา  ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมห้องหันมามองอย่างตกใจ  ลงท้ายด้วยการที่เราขอโทษเขาไปด้วยเสียงอ่อยๆ

         ก็มันน่าโมโหนี่นา!!!

         ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ....



         ก่อนหน้านั้นประมาณครึ่งชั่วโมง  เรานั่งเขียนบทความอยู่บทความหนึ่ง  เขียนลงเว็บนี้นี่แหละ  เมื่อเขียนเสร็จเราก็กดเซฟเพื่อที่จะเผยแพร่เหมือนทุกที

         แต่สิ่งที่เราลืมไปนั้นคือ  พอเริ่มเขียนไปสักพัก  เราเกรงว่าบทความมันจะยาว  เลยกดตัดเนตในมือถือไปก่อน(ตอนนี้เราอยู่ระหว่างการฝึกอบรมของที่ทำงานใหม่  ซึ่งต้องมาอยู่ที่พักที่สำนักงานเตรียมให้  และทำให้ต้องใช้เนตของตัวเองในการออนไลน์)  

         ทีนี้  พอกดเซฟ  มันไม่ไป  เรานึกขึ้นได้  จึงกดเปิดเนต  แต่แม้เปิดแล้วก็ยังไม่สามารถกดอะไรได้  ด้วยความซื่อบื้อ  เราจึงกดปุ่มกลับหน้าเดิม

         คราวนี้แหละ.....บทความทั้งบทความ  หายวับไปกับสายลม!



         และนั่นก็ทำให้เราลืมตัวสบถออกไป  และนั่งหงุดหงิดกับตัวเองอยู่พักใหญ่ๆ  ก่อนเริ่มนึกขึ้นได้ว่า

         จะว่าไปแล้ว  การที่เรื่องไม่ได้ถูกเผยแพร่ไปนั้น  ก็ดีเหมือนกันนะ


         เวลาเราเขียนเรื่องน่ะ  เราไม่ได้สักแต่ว่าจดๆๆเรื่องที่อยู่ในหัวแต่เพียงอย่างเดียว  หากแต่มันยังเป็นการระบายอารมณ์อย่างหนึ่ง  เพราะเรามักจะมีอารมณ์ร่วมไปกับสิ่งที่ตัวเองนึกคิดอยู่เสมอ
         ....หรือมองอีกแง่  จริงๆแล้วน่ะ  อารมณ์เราต่างหาก  ที่ก่อให้เกิดเรื่องราวขึ้นมาได้

          การเขียนเรื่องจึงเป็นการระบายอารมณ์อันเป็นสิ่งจำเป็น  แต่สิ่งซึ่งไม่จำเป็นสำหรับการระบายอารมณ์นั้น  คือการเผยแพร่มันออกมา
         พูดให้เข้าใจง่ายคือ  บางที  การเขียนระบายอารมณ์นั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการเผยแพร่เสมอไป


         บางที  โชคชะตาอาจไม่ต้องการให้เรื่องของเราออกสู่สายตาสาธารณชน  จึงดลบันดาลให้เกิดอาการหลงลืม  อันเป็นเหตุให้เรื่องราวหายไปทั้งเรื่องแบบนี้

         ความเครียดได้ระบายลงแล้ว  และเรื่องราวก็ยังคงเป็นความลับต่อไป...

         คิดได้ดังนั้น  ความขุ่นมัวก็เริ่มละลายไป



         คิดๆแล้วก็ตลกดีนะ

         เราไม่ได้ตลกที่บทความเรามันหายไปทั้งเรื่องหรอก  น่าอารมณ์เสียจะตายไป

         เราแค่ตลกตัวเองที่ว่า  กะแค่ความคิดวูบหนึ่งตอนที่เรื่องสั้นของตัวเองหายไป  ก็ยังอุตส่าห์เอามาเขียนเป็นบทความอีกเรื่องหนึ่งได้ ต่างหากละ
       
         น่าตลกอยู่ไม่น้อยเลยนะ  ;)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in