เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ความคิดihtayaf
1.6.17 คนไม่มีแฟน
  •      โห  ครึ่งปีแล้วนะเนี่ย  เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ  ว่าแต่  วันนี้เลขสวยแฮะ 


         เรามีลูกพี่ลูกน้องที่สนิทอยู่สองคน  และขณะนี้  ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำอาชีพของตัวเอง
         แน่นอน  เราเองก็ทำงานแล้วเช่นกัน

         แต่สิ่งที่เหมือนกันของน้องสองคนคือ  เมื่อเริ่มทำงานไปสักพัก  พวกเธอก็มีแฟน

         คราวนี้  ญาติๆเลยเริ่มหันมามองเรา  
     
         "เมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะเนี่ย  น้องเขามีไปหมดแล้วนะ"

         "ไม่มี  และคงไม่มีวันจะมีด้วย"  เราตอบเสียงเรียบ



         ไม่ว่าอย่างไร  เราก็ไม่สามารถนึกภาพตัวเองมีแฟนได้เลยสักครั้ง

         เราไม่ค่อยดูแลตัวเอง  ไม่แต่งหน้า  ไม่พิถีพิถันในการแต่งตัว  และยังคงสนุกกับการกิน
         คงไม่ต้องบรรยายหรอกนะว่า  หน้าตาและรูปร่างเราจะห่างไกลจากความเป็นหญิงในอุดมคติสักแค่ไหน
         ดังนี้  ใครเขาจะมองข้ามไปก็คงไม่แปลก  เว้นแต่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่เส้นผมหรือดวงตา  ซึ่งก็หยุดได้แค่แวบเดียว  แวบเดียวเท่านั้นแหละ

         เราเป็นคนเงียบๆและมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีนัก  เวลาเจอคนไม่รู้จัก  ไม่สนิท  หรือไม่คุ้นเคย  เราจะเงียบมาก..ถึงมากที่สุด
         ลืมเรื่องพูดเจื้อยแจ้วเจ๊าะแจ๊ะให้ใครหลงไปได้

         นอกจากจะเจ๊าะแจ๊ะไม่เป็นแล้ว  ออดอ้อนก็ไม่สันทัดเช่นกัน  เรามีเพื่อนบางคนที่เวลาทำอะไรที่ต้องใช้แรง  เธอจะหันซ้ายแลขวาขอความช่วยเหลือด้วยเสียงหวานๆทันที
         ตัดภาพมาที่คนเขียน  เวลาต้องทำอะไรสักอย่าง  "มาเลย.."(ถลกแขนเสื้อ)  แล้วก็จัดการไปเอง(แมนมาก)
         เว้นเสียแต่ว่ามันสุดความสามารถจริงๆ  หรือมีใครมองอยู่  เอ้อ  ควรใช้คำว่า  มองมา  แล้วเขายื่นมือเข้ามาช่วยด้วยตัวเอง
         ....จะว่าไป  เขาเหล่านั้นเป็นคนดีเนอะ

         นอกจากเสียงแล้ว  สายตานี่ก็มีปัญหา  อย่าว่าแต่จะให้เล่นหูตา  แค่ตอบคำถามว่า  การส่งสายตาแบบไหนคือการเล่นหูเล่นตา  เรายังตอบไม่ได้เลย
         แต่...ด้วยความเป็นคนที่  "ตายิ้มได้"  ถ้าคุยไปคุยมา  แล้วตามันยิ้มเอง  อันนั้นขอไม่เรียกว่าเล่นหูเล่นตานะฮะ  เหอๆ  (มีแก้ตัว)

         เราก็ไม่แน่ใจหรอกว่า  เสน่ห์แบบหญิงสาวเป็นอย่างไร  แต่เราแน่ใจมากๆว่า
         เราไม่มี

         ไม่มีแฟนก็ไม่เห็นแปลก  และไม่เห็นเป็นอะไรด้วย



          แต่แม้เจ้าตัวจะไม่รู้สึกอะไร  คนรอบข้างเขาดันไม่รู้สึก  "ไม่เป็นอะไรด้วย"  ไปกับเราเอาเสียเลย

         ครอบครัวเราก็อยากให้เรามีแฟนเหลือเกินน  ด้วยเหตุผลว่า  จะได้หมดห่วงเพราะเรามีคนดูแลแล้ว  แหม  เราดูแลตัวเองได้น่า

         จะมีก็แต่พ่อ  ที่บอกว่า  "อยู่คนเดียวได้ก็ดีลูก  ผู้ชายก็เลวเหมือนกันหมดแหละ"  5555


          เพื่อนนี่ก็เหมือนกัน  บ้างก็ยุให้ไปจีบผู้ชาย(ไม่เอาาา)  บ้างก็ยุให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่งหน้า (ยิ่งไม่เอาใหญ่เลย)

           แต่ที่แน่ๆ  ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  อยากเห็นหน้าแฟนเรามากเลย  อยากรู้มากจริงๆว่า  คนแบบไหนกันที่สามารถเอาชนะใจคนอย่างเราได้

          อย่ารอเลย  ไม่มีแน่ๆ  ไม่ต้องสืบ


         เจ้านายที่ทำงานเก่าเราก็ดูเป็นห่วงเป็นใย  บอกว่าถ้าเจอคนเข้ากันได้ให้แต่งงานซะ  แก่ไปจะได้มีเพื่อน  เอ่อ  ไม่เป็นไรค่ะพี่  หนูวางแผนชีวิตบั้นปลายตัวเองไว้คร่าวๆละ  เหอะๆ

         เพื่อนร่วมงานที่แต่งงานแล้วก็เหมือนกัน  มันบอกว่า  มีคู่มันก็มีความสุขอีกแบบนะเว่ยแก
         ไม่เป็นไรว่ะ  ชั้นพอใจกะความสุขที่ตัวเองมีแล้ว


         ทุกคนจะเดือดร้อนอะไรกับเรานักหนาเนี่ย???



         แต่ทุกความเดือดร้อนของคนรอบข้างก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงในชีวิตเราไปได้

         ความจริงที่ว่าคนรักเป็นสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่เราไม่คาดหวังว่าตัวเองจะมีได้

         เชื่อมั้ย  ตอนเด็กๆเราเคยนั่งรถผ่านร้านชุดแต่งงาน  เราคิดในใจว่า  'ชาตินี้เราคงไม่มีวันได้ใส่ชุดนี้หรอก'
         แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน  เรายังคงเชื่อว่า  ความนึกคิดในวัยเยาว์ของตัวเองเรื่องนี้  เป็นเรื่องจริง


         ความจริงที่ว่าเราไม่เคยคุ้นกับเพื่อนต่างเพศ  แม้ว่าเราจะเรียนสถานศึกษาที่เป็นสหศึกษามาทั้งชีวิต
         
          แม้ว่าเราจะทำงานแบบเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มผู้ชายมานานสิบเดือน  แต่เราก็สนิทแค่ผู้ชายในที่ทำงานเท่านั้น  ผู้ชายที่อื่นเราไม่สนิทด้วย

          จริงๆเราก็มีเพื่อนสนิทชายนะ  แต่เขาเหล่านั้นเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบผู้ชาย  และนี่คงเป็นสาเหตุให้สนิทกันได้ 
         หรือถ้าไม่ใช่พวกเพศที่สาม  ผู้ชายซึ่งเราค่อนข้างคุ้นเคยก็จะเป็นประเภทมีเจ้าของแล้ว  แต่กลุ่มนี้ก็ไม่ได้สนิทเท่าเพื่อนสนิทผู้หญิงอยู่ดี


         ความจริงที่ว่าไม่เคยมีใครแสดงตัวว่าชอบเราและจีบเราอย่างจริงจังและอดทน  ซึ่งเหตุผลคืออะไรนั้นคงไม่ต้องเดามาก


         และ  ความจริงที่ว่า  เราไม่เคยคิดว่าการมีความรักเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต  ยิ่งตอนนี้  เราเพิ่งได้งานใหม่  เรายิ่งอยากโฟกัสกับหน้าที่การงานของเรามากกว่าจะมีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นๆ

         เหนือสิ่งอื่นใด  เรารู้สึกว่า  ตราบใดที่เราสามารถทำงานที่ทำให้ตัวเองพอใจ  มีเงินเดือนพอช่วยครอบครัวและเลี้ยงตัวเองได้  มีเงินเหลือสำหรับหาความสุขให้ตัวเองบ้างตามโอกาส  และมีสุขภาพแข็งแรง
         ....บางที  การมีแฟนก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น


         อาจจะมีบางครั้งเหมือนกัน  ที่รู้สึกว่าถ้ามีแฟนก็ดีจะได้ไปเที่ยวกันสองคน  แต่พอค้นจริงๆแล้ว  เราพบว่า  เราไม่ได้อยากได้แฟนหรอก...
         เราอยากได้เพื่อนที่เชื่อใจกันมากพอที่จะฝากชีวิตให้กันเวลาไปเที่ยวได้ต่างหาก



         ดังนี้  เราจึงยังคงสนุกกับการใช้ชีวิตตามลำพังไปเรื่อยๆต่อไป  และเราว่า  มันคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆด้วยเช่นกัน


         ....แค่....ทนๆกับเสียงสนับสนุนให้มีแฟนจากคนรอบข้างเป็นระยะๆเอาหน่อย

         ก็แค่นั้น


         ปล... รำคาญมากค่อยมาบ่นใหม่  555
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in