เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 16
  • ……….

     

    ตอนที่ 16 : อีกแค่เอื้อม

     

    “ผมว่าพวกนั้นกำลังต้อนเราไปที่ไหนสักที่นะ”  

    “ไม่ได้ต้อนหรอก ยังไงพวกเราก็ต้องไปที่ทางออกอยู่แล้ว สิ่งที่น่ากลัวคือข้างหน้าไม่มีคนเลยน่ะสิพวกมันต้องวางแผนอะไรไว้แน่” พอลตอบ ผมจึงเห็นว่าถนนข้างหน้าโล่งผิดปกติสองข้างทางไม่มีใครเลยสักคน  

    “พอล !” ผมตะโกนขึ้น ขณะที่พอลขับรถอยู่ผมหันหลังไปมองรถตำรวจสี่ห้าคันที่ตามมา ไม่รู้ว่าตาฝาดหรืออย่างไร เห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนทะลุหลังคารถออกมาพร้อมกับปืนยิงจรวดในมือ ตั้งท่าพร้อมยิง

    “เตรียมกระโดดออกจากรถได้เลย” พอลบอก ผมมองไปข้างหน้า ถัดไปอีกหลายกิโลเมตร มีกำแพงตั้งสูงตระหง่านเห็นสำนักงานขนาดย่อมติดอยู่ตรงกลางกำแพง ข้างในคงมีเจ้าหน้าที่ประจำการแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในตอนนี้  

     

    ซู่มมม !  จรวดที่ถูกยิงออกจากปากกระบอกดังแหวกอากาศกำลังมุ่งมายังรถที่ผมและพอลอยู่

      

    “กระโดด !” พอลตะโกน ผมกับพอลรีบเปิดประตูรถ กระโจนออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้

      

    ตูมมม ! เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อจรวดเข้าปะทะท้ายรถลอยสูงขึ้นไปในอากาศ รถถลาไปข้างหน้าตามแรง ชิ้นส่วนกระเด็นหลุดควันไฟโหมลุกไปทั่วทั้งคัน ผมกับพอลกระโจนออกไปคนละฝั่ง

    “ไปเจอกันที่หน้าประตูเมือง”  พอลตะโกนบอกก่อนวิ่งลับหายไปในตรอกฝั่งเขา

        

                ผมลุกขึ้น รู้สึกมึนคงเป็นเพราะแรงกระแทกจากระเบิดเมื่อครู่ หันกลับไป รถตำรวจพวกนั้นหยุด เจ้าหน้าที่เดินลงมาพร้อมอาวุธในมือพวกนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกนั้นสาดกระสุนจู่โจมทันที   

     

                ความรู้สึกเจ็บแสบโถมเข้าใส่ผมที่อยู่บนทางเท้าโล่งๆ ไร้ซึ่งสิ่งป้องกัน โดนเข้าอย่างจัง   หนึ่งนัดที่ช่วงเอว ถากอีกนัดที่ไหล่ ผมรีบยันตัวลุกขึ้นเอามือกุมบาดแผลเพื่อห้ามเลือด วิ่งไปตามทางเท้า พวกนั้นวิ่งไล่ตาม แต่ยังไงก็ช้ากว่าผมอยู่ดีผมกระแทกประตูไม้ร้านหนังสือซ้ายมือ    เข้าไปข้างใน   

     

                ตัวร้านออกแบบให้ดูเก่าการตกแต่งเน้นไปที่งานไม้ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวาง เคาน์เตอร์อารมณ์เหมือนอยู่ในป่า ทั้งๆ ที่ร้านแห่งนี้อยู่ข้างถนนยังคงมีหนังสืออยู่เต็มร้าน มีป้ายประกาศที่คงทำมาเพิ่มทีหลังเพราะมันดูขัดกับการตกแต่งมากมันเขียนว่า อ่านฟรี ห้ามนำออกจากตัวร้าน มันคงกลายเป็นของส่วนรวมไปแล้วในตอนนี้

      

                สักพักพวกนั้นคงตามเข้ามาผมต้องคิดแล้วว่าจะโต้กลับหรือหาทางหนี สายตามองขึ้นไปเห็นชั้นลอย มีเก้าอี้นั่งอยู่ริมที่กั้นตกชั้นสองที่นี่ก็ยังคงเป็นร้านหนังสือ ต้องลดจำนวนพวกนั้นลงสักหน่อย ผมคิดวิ่งขึ้นชั้นสอง หามุมลับสายตา ใช้ปืนสั้นเตรียมยิงพวกมันจากชั้นลอย

     

                ปึง ! ประตูไม้ถูกกระแทกเต็มแรงตำรวจกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมปืนกลในมือ ค่อยๆ เดินอย่างเงียบเชียบตามแบบแผนที่ฝึกกันมายังไม่เห็นผมที่ซุ่มอยู่ข้างบน ผมนอนหมอบเล็งปืนลงไปยังเจ้าหน้าที่ข้างล่าง ผมลั่นออกไปสองนัดกระสุนพุ่งเข้าชนร่างตำรวจคนหน้าสุด เขาผงะถอยไปตามแรงก่อนล้มลง ตำรวจคนที่เหลือพากันระดมยิงขึ้นมาข้างบนทันที

     

                ยังเหลืออีกสามคน ผมเพิ่งจัดการไปได้คนเดียวเท่านั้นดีไม่ดีใส่ชุดเกราะด้วย ผมกลิ้งตัวไปกับพรมบนชั้นสอง ออกมาจากรัศมีการยิง ได้ยินเสียงคนตะโกนให้วิ่งขึ้นมาผมรีบลุกขึ้น   แปลกใจที่เลือดตรงช่วงท้องหยุดไหลแล้วแถมยังเจ็บไม่มากด้วย ทั้งๆ นี่เป็นการโดนยิงครั้งแรกของผม

     

                ผมวิ่งเข้าห้องเก็บของข้างหลังมันเป็นห้องเล็กๆ มีหน้าต่างหนึ่งบานตรงข้ามประตูทางเข้า ที่ผมสนใจก็คือบันไดเหล็กที่อยู่ข้างนอกผมวิ่งเข้าไป เลื่อนบานหน้าต่างก่อนปีนออกไปข้างนอก ได้ยินเสียงพวกตำรวจกำลังหาผมกันอยู่ผมรีบวิ่งขึ้นไปตามขั้นบันได เหยียบได้ไม่กี่ขั้น ก็ได้ยินเสียงกระสุนดังกระทบกับขั้นบันไดเหล็กพร้อมกับบานหน้าต่างที่ผมปีนเมื่อครู่แตกหัก

     

                ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นจนมาถึงชั้นดาดฟ้ารีบวิ่งไปทางด้านหน้าอาคาร มองลงไปยังระเบียงด้านหน้าชั้นสาม ไม่สูงเท่าไรถ้าเทียบจากที่เคยกระโดดผมกระโดดลงไปยังระเบียง ใช้ไหล่กระแทกประตูเปิดออก บานประตูล้มกับพื้นห้องดังปึง ชั้นสามดูจะเป็นส่วนที่อยู่อาศัยของเจ้าของอาคารมีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ทุกอย่างอยู่รวมในชั้นเดียว ไม่มีผนังกั้นแค่ถูกจัดไว้เป็นมุมของมัน มีผ้าม่านตรงสุดห้อง ข้างนอกเป็นบันไดหนีไฟชัวร์ผมรีบวิ่ง เปิดหน้าต่าง    ปีนข้าม วิ่งขึ้นไปพยายามเงียบที่สุด เห็นแผ่นหลังของตำรวจคนสุดท้ายกำลังก้าวขึ้นตัวดาดฟ้า

        

                ผมหยิบปืนขึ้นมา เล็งไปที่แผ่นหลังผมยืนห่างไม่กี่เมตร ดูเหมือนทุกคนจะตกใจที่ผมไม่อยู่ข้างบน ผมเหนี่ยวไก แต่ แกร็ก  ! กระสุนหมด ตำรวจคนหลังสุดหันกลับมาเมื่อเสียงมันดังไม่ไกลจากเขานักเขาตกใจที่เห็นผมอยู่ข้างหลัง ผมรีบขว้างปืนกระแทกเข้าแสกหน้า ก่อนที่เขาจะตะโกนเรียกพวกผมพุ่งเข้าใส่ ควักมีดสั้นขึ้นมา เสียบทะลุเกราะกันกระสุน แทงเข้ากลางหน้าอก ตำรวจอีกสองนายที่อยู่ถัดออกไปหันมามองด้วยด้วยความตกใจทั้งสองเงื้อปืนขึ้น 

     

                ผมดึงมีดออก ปาแหวกอากาศแทงทะลุคอคนที่สองจนมิดด้าม ร่างค่อยๆ หงายหลังล้มไปช้าๆ ผมใช้ช่วงเวลาที่ตำรวจอีกคนกำลังยืนจังงังพุ่งเข้าใส่ ชกหมัดขวา จับไหล่ทั้งสองข้าง    ดึงเข้าหาตัวกระทุ้งเข่าใส่ ปล่อยมือ ร่างตำรวจเอนไปข้างหลัง ผมถีบซ้ำเต็มแผ่นอก ร่างลอยไปกระแทกกับกำแพงดาดฟ้าก่อนร่วงตกลงไปข้างล่าง ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที

      

                ผมเดินไปเก็บปืนพกจากตำรวจคนที่สองที่ผมฆ่าเหน็บไว้หลังเอว ค่อยๆ ดึงมีดออกจากคอ เลือดสีแดงข้นทะลักออกมาไม่มีทีท่าจะหยุด ถัดไปเพียงแค่ไม่กี่ช่วงตึกก็จะถึงประตูแล้วผมมองหาหนทาง ข้างล่างยังมีเจ้าหน้าที่อีกนับสิบคนกำลังค้นหาพวกผมทั้งสองกันทั่ว แต่ผมก็ต้องละความสนใจจากพื้นเบื้องล่างเมื่อได้ยินเสียงลมที่พัดแรงขึ้นพร้อมกับเสียงเหมือนมีวัตถุบางอย่างแหวกว่ายไปมาบนอากาศ  ผมหันกลับมา เห็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธลำหนึ่งกำลังบินตรงมายังผมมีเจ้าหน้าที่ประจำอาวุธกำลังเล็งยิง

       

                ผมออกตัววิ่งทันที ถ้าโดนสักนัดนี่คงไม่เจ็บเหมือนกระสุนปืนพกแน่ระยะห่างระหว่างตึกร่วมสามหรือสี่เมตรผมไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้คือผมสามารถกระโดดข้ามมันไปได้ มันไล่ยิงตามผมมาเรื่อยๆ ราวกับกระสุนไม่มีวันหมดทำให้พื้นข้างหลังผมพรุนเป็นรู ผมวิ่งเต็มแรง คิดว่าครั้งนี้แรงกว่าทุกที เหมือนวิ่งหนีตายผมกระโดดข้ามอีกช่วงตึก ได้ยินเสียงพอลตะโกนมาจากดาดฟ้าฝั่งตรงข้าม  

    “หาที่หลบซะ !”  เขาตะโกน ในมือถือปืนยิงจรวดของพวกตำรวจ ไปเอามาได้ไงวะนั่น

     

     ซู่มมม ! เสียงจรวดแหวกอากาศผมหันกลับไปมอง ตูมม ! จรวดเข้าปะทะเฮลิคอปเตอร์อย่างจัง     คราวนี้ผมต้องหยุดเมื่อระยะมันมากเกิน จากตรอกหนึ่งกลายเป็นถนนเส้นหนึ่งมันยากเกินจะกระโดดข้ามได้  

     

                ผมเบรกตัวเอง หันกลับมามองเฮลิคอปเตอร์ที่หมุนคว้างกลางอากาศพร้อมกับควันไฟที่ลุกไหม้มันกำลังจะร่วงลงมาในไม่ช้า ผมเห็นร่มชูชีพกลางอยู่บนท้องฟ้าเหนือขึ้นไปหลายสิบเมตรนักบินถีบตัวออกไปแล้ว ส่วนคนที่ยิงปืนดูท่าจะดวงไม่ดี ผมเห็นร่างเขานอนจมกองเลือดอยู่บนดาดฟ้าของตึกที่ผมเพิ่งกระโดดข้ามมาเมื่อครู่สภาพศพยับเยิน

    “เฮ้ยๆ ไม่เอา ไม่มาทางนี้” ผมตะโกนด้วยความตกใจเมื่อเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลดระดับต่ำลงๆ และร่วงลงกระแทกกับขอบตึกหลังเดียวกับผม ตัวเครื่องครูดถลามาทางผมชิ้นส่วนกระเด็นหลุดลอยอย่างน่าหวาดเสียว ผมทิ้งตัวลงหมอบกับพื้น เพื่อหลบซี่ใบพัดที่ล่อนมากับอากาศก่อนลุกขึ้นพุ่งถลากลับเข้ามาส่วนในของตึกเพื่อหลบ ตัวเครื่องบินไถลไปตามพื้น ชนกำแพงดาดฟ้าพังครืนร่วงลงสู่พื้นถนนเบื้องล่างโครมใหญ่ ดีที่ไม่มีคนอยู่ไม่งั้นได้อีกหลายศพแน่

     

                ผมยืนขึ้น มองไปข้างหน้าตึกที่ผมอยู่เป็นมุมสี่แยกพอดี แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสามแยกไปแล้ว (  T  )   เมื่อมุมด้านหน้ามีกำแพงสูงตระหง่านปิดทางเอาไว้และมีป้อมยามทั้งสองฝั่ง พื้นถนนถูกสร้างประตูขนาดใหญ่กั้นไว้ สูงเหนือประตูขึ้นไปมีสำนักงานที่ติดกับกำแพง มีบันไดขึ้นสองข้าง โดยขึ้นจากป้อมยามทั้งสองฝั่ง

     

                ผมเดาว่าพอลคงอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามผมหรือทางขวาของแยก  ( T )  ส่วนผมอยู่ทางซ้าย  ข้างล่างเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ในป้อมยามก็เห็นผมแล้วด้วย อีกแค่อึดใจเดียวผมก็สามารถออกจากที่นี่ได้แล้วอีกแค่อึดใจเดียว

     

    ……….

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in