เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์NO.W
Alive : กำเนิดกลายพันธุ์ ตอนที่ 17
  • ……….

     

    ตอนที่ 17 : สู่การเริ่มต้น

     

    สิ่งที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ก็คือบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมายข้างล่างที่มีการแบ่งทีมกันเพื่อกระจายกันออกค้นหาผมกับพอล ผมวิ่งลงมาชั้นหนึ่งของอาคารออกทางประตูหลัง วิ่งไปตามทางข้างหลังที่แคบและเต็มไปด้วยเศษขยะ วิ่งได้ไม่นานผมก็เห็นเงาคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินออกมาจากแยกเล็กๆข้างหน้า

     

                ดีที่ข้างหน้าผมมีถังขยะสนิมเขรอะใบใหญ่ตั้งชิดกำแพงผมขดตัวแอบด้านข้าง ทางไปต่อก็มีแค่ทางเดียว คือทางที่พวกนั้นเข้ามา จะให้วิ่งกลับไปประตูที่ออกมาก็คงโดนพวกมันยิงแน่

     

                ฟังจากเสียงก้าวเดินดูจะมีทั้งหมดสามคน คงเป็นทีมย่อยแบ่งกันค้นหา อีกไม่กี่ก้าวตำรวจทั้งสามก็จะถึงถังขยะที่ผมแอบอยู่ผมเริ่มลังเลระหว่างลุกขึ้นสู้หรือวิ่งหนี ผมมองกลับไปยังประตูที่วิ่งออกมา ก็ต้องตกใจเข้าไปอีกเมื่อบานประตูมันค่อยๆเปิดออกช้าๆ นายจะซวยขนาดนั้นเลยรึเจค   

     

                เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามหยุดฝีเท้าลงตั้งท่าพร้อมยิงเมื่อมีบุคคลปริศนากำลังปรากฏ ความเงียบทำให้ผมเริ่มกดดันหัวใจเต้นถี่รัว ข้างๆ ก็ตำรวจ ข้างหลังยังจะมีใครโผล่มาอีกก็ไม่รู้ แต่แล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อร่างของคนที่เปิดประตูออกมากลับกลายเป็นพอลแทนที่จะเป็นตำรวจพวกนั้น

    “หยุดเดี๋ยวนี้ !”   เจ้าหน้าที่ตะโกน

     

                พอลยังคงยืนนิ่ง ไม่แสดงอาการตื่นกลัวแม้แต่น้อยเขาอยู่ห่างจากผมไปสิบเมตร เจ้าหน้าที่ทั้งสามเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง อีกไม่กี่ก้าวพวกเขาก็จะเจอผมแล้วผมกอดเข่าแน่น    พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดพลางมองไปยังพอลเขาส่งสายตากลับมา บอกเป็นนัยๆ ว่า ฆ่าเจ้าสามคนนี้ซะ ก่อนจะกระโจนกลับเข้าไปข้างใน

       

                ตำรวจทั้งสามเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งพวกนั้นวิ่งผ่านผมไปดื้อๆ สามคนสินะ ผมพึมพำ   มันดังพอที่ตำรวจคนสุดท้ายจะหันกลับมาพร้อมสีหน้าตกใจเมื่อเจอผมอยู่ข้างหลังผมไม่ปล่อยให้เขาได้พูดหรือทำอะไร ถีบตัวเองไปข้างหน้าด้วยปลายเท้าและข้อเท้าที่แข็งแรงขึ้นกว่าก่อนระยะสามเมตรจากผมถึงตำรวจคนสุดท้าย ใช้เวลาไม่ถึงวินาที

     

                ใบมีดถูกแทงเข้าไปในเนื้อชุดเกราะทะลุเข้าสู่ขั้วหัวใจอย่างฉับพลัน สึบ ! เสียงมีดกระทบเข้าร่างทำให้เจ้าหน้าที่ข้างหน้าหันกลับมาผมเดาไว้แล้ว จึงหยิบปืนพกข้างหลังขึ้นมาพร้อมกับกระชากมีดออกทุกอย่างเป็นไปตามคาด ตำรวจทั้งสองนายหันกลับมา สีหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากเพื่อนที่พึ่งตายไป

     

    ปัง ! / ฉึก !

     

                ร่างไร้วิญญาณของเจ้าหน้าที่ทั้งสามล้มลงกระแทกพื้นดังตึงแทบจะพร้อมกันผมก้มลงดึงมีดออกจากหน้าผาก เช็ดมีดกับเสื้อเกราะ เก็บเข้าซองตามเดิม

    “นี่ขนาดไม่ได้ฝึกต่อสู้มาก่อนนะเนี่ย หรือว่าเคย”   เสียงพอลดังขึ้นข้างหลัง เขาเดินเข้ามาหา ดูไม่กังวลกับสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่น้อย

    “เคยฝึกมาบ้างนิดหน่อยน่ะครับ”  ผมตอบ มีอยู่ช่วงนึงที่ผมบ้าหนังต่อสู้มากจนฝึกท่วงท่าจากหนังเหล่านั้นแต่ไม่ได้ไปฝึกจริงๆ จังๆ ที่โรงเรียนสอนวิชาต่อสู้หรอกนะ ผมเอาไปใช้เวลามีเรื่องที่โรงเรียนซะมากกว่านั่นก็คงเป็นการฝึกอย่างหนึ่งได้แหละมั้ง

     

                ผมเพิ่งสังเกตว่าพอลดูแก่กว่าผมเหมือนคนหนุ่มเพิ่งจบจากมหาลัย เตรียมพร้อมลุยงาน ต่างจากผมที่คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับชีวิตในรั้วมหาลัยอีกแล้ว

     

    “เราต้องรีบกันหน่อย เดี๋ยวพวกมันจะแห่กันมามากกว่านี้”  พอลเข้าเรื่อง ชุดทดลองสีขาวที่เขาใส่อยู่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงมันแทบจะเป็นชุดสีแดงมากกว่าสีขาวแล้วในตอนนี้

    “แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ”  ผมถาม

    “ฉันจะล่อพวกมันเอง นายลอบเข้าไปบนห้องควบคุมแล้วเปิดประตูซะ ประตูนี่จรวดทำอะไรไม่ได้หรอก”   พอลอธิบาย

    “นายทำได้น่า ไม่ต้องคิดมาก”  พอลพูดต่อ คงเห็นว่าผมทำท่ากังวล   “ไปล่ะ”   พอลวิ่งออกไปทางเดียวกับที่ตำรวจสามคนนั้นเข้ามา

     

                ผมถอดเสื้อเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดตำรวจมันจะได้ดูกลมกลืนขึ้นมาหน่อย ทั้งชุดเป็นสีดำ   รู้สึกเทอะทะเมื่อมีเกราะกันกระสุนและรองเท้าแบบทหารที่ไม่เคยใส่มาก่อน ผมก้มหยิบปืนกลขึ้นมาน่าจะเป็น เอ็มพีห้า เจอบ่อยในเกมส์มุมมองที่หนึ่ง

     

                ผมออกจากตรอก เห็นตำรวจหลายสิบนายกำลังเคร่งเครียดกับการตามล่าพอลเสียงปืนดังขึ้นไม่ขาดช่วงเมื่อเป้าหมายเคลื่อนที่ไปมาได้รวดเร็วปานลมผมออกวิ่งไปตามทางเท้า ทำท่าถือปืนขณะวิ่งให้ดูเคร่งขรึมเหมือนพวกตำรวจที่ฝึกมา    

     

                ผมหยุดยืนตรงสี่แยกข้างหน้าซึ่งเป็นกำแพงสูงใหญ่และประตูทางออกใจเต้นโครมด้วยความกลัวระคนตื่นเต้น ซ้ายมือมีซากเฮลิคอปเตอร์ที่ยังคงมีควันไฟลอยกรุ่นอยู่ผมวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่ง เดินไปตามทางเท้าเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็จะเจอถนนเส้นที่มีประตูทางออกแล้ว

     

                ท้องฟ้าเริ่มมืดเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ายิ่งบริเวณที่ผมอยู่ติดกับกำแพงเมืองยิ่งทำให้รอบๆ นี้มืดกว่าส่วนไหนๆไฟถนนเริ่มเปิด เกิดแสงไฟสว่างไสวไปทั่วทั้งถนน แต่จุดที่สว่างที่สุดคงเป็นข้างหน้าผมบริเวณป้อมยามเฝ้าทางออก

     

                เสียงปืนเริ่มเบาลงสังเกตพวกตำรวจเริ่มทำท่าระมัดระวังกันอีก สงสัยคงคลาดสายตาจากพอลแล้ว แบบนี้ก็แปลว่าไม่มีคนดึงความสนใจให้แล้วน่ะสิ

     

    ผมจับหมวกให้กระชับขึ้นอีกหน่อย มันเป็นสิ่งเดียวที่ปกปิดหน้าตาผมได้

       

    “เฮ้ ! คู่นายหายไปไหน”   อยู่ๆ ก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังผมหันกลับไป เป็นตำรวจในเครื่องแบบสองนาย คนที่ถามผมดูสูงกว่าคนข้างๆ อย่างเห็นได้ชัด

    “เขาไปห้องน้ำน่ะครับ”   ผมตอบ รู้สึกว่าตัวเองคิดไวกว่าปกติคงเพราะเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ดูท่าทั้งสองจะไม่คิดตรวจบัตรผมเหมือนคนก่อนๆ แต่สีหน้าพวกเขาแสดงออกถึงความตกใจ   สายตามองไปข้างหลังผม

    “แม่เจ้า !”   ตำรวจอีกคนตะโกน สายตายังคงจับจ้องไปที่บางสิ่งข้างหลังผมหรือว่าพอล ผมรีบหันมองตาม ไม่อยากพลาดในสิ่งที่พวกเขาเห็น แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับเป็นเพียงควันสีขาวที่ลอยเป็นเส้นอยู่กลางอากาศไม่กี่วินาทีต่อมาก็เกิดเสียง ตูม ! มันดังสนั่นไปทั้งแยก ตำรวจทุกนายหันมาสนใจในสิ่งๆเดียวกันทันที    

    “รีบไปดูเร็วเข้า !”   ทั้งสองผลักผมให้วิ่งตามพวกเขาไปยังที่เกิดเหตุ ไหนบอกว่าประตูใช้จรวดทำลายไม่ได้ไงแต่เมื่อผมเลี้ยวตามพวกเขามา ปรากฏว่าป้อมยามฝั่งขวาที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนถูกทำลายย่อยยับไฟลุกโหมกระหน่ำ เจ้าหน้าที่ข้างในโดนย่างสดในกองเพลิง เห็นเจ้าหน้าที่หลายนายช่วยพยุงคนเจ็บเข้าไปในอาคารข้างๆอีกพวกหนึ่งรีบเอาที่กั้นอาณาเขตมาตั้งเรียงกลางถนน ราวกับมันจะสามารถปกป้องพวกเขาได้

     

                ผมยืนมองภาพความชุลมุนวุ่นวายสีหน้าทุกคนต่างบ่งบอกว่ายังไม่อยากตาย สีหน้าพวกเขาบอกว่ากลัวพวกเรา กลัวสิ่งมีชีวิตแบบพวกเรา

     

    ปัง  !  ผมรู้สึกได้ว่ามีแรงปะทะเข้าที่ช่วงอก ผมโดนยิง จากใคร?ผมเอนไปพิงกำแพงข้างหลัง ไม่รู้สึกเจ็บ คงเพราะมีเสื้อเกราะ สติพลันแล่นกลับเข้ามาเมื่อรู้ว่าใครยิง ไม่มีใครอื่นอีกแล้วนอกจากพอล ผมต้องรีบขึ้นไปเปิดประตู

     

                เมื่อได้สติ ผมรีบวิ่งขึ้นผ่านป้อมยามฝั่งซ้ายไม่มีใครสนใจผมเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องรับมือ เสียงปืนโหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้งพอลคงเปิดฉากโจมตีอีก ผมวิ่งมาถึงห้อง เคาะกระจก เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามา ผมสังเกตว่าคนในห้องมีสี่คนทั้งหมดสวมชุดเหมือนพวกช่าง

    “มีธุระอะไร”  คนที่มาเปิดประตูถาม   

     

                ผมไม่ตอบยันเท้าถีบเข้ากลางลำตัว เขากระเด็นไปชนพนักงานข้างหลัง ผมเอื้อมมือปิดประตูโดยไม่ได้มองหยิบปืนออกมาจากหลัง เล็งไปยังเจ้าคนที่โดนผมถีบ เขายังนอนอยู่กับพื้นสายตาตื่นกลัวของเขาจับจ้องมาที่ผม

    “เปิดประตู เดี๋ยวนี้ !”  ผมสั่ง  

    “จะบ้ารึไง ถ้าเปิด พวกซอมบี้ได้แห่เข้ามาแน่”  เจ้าหน้าที่คนในสุดตอบ ดูอาวุโสสุดในห้อง

     

    ปัง  ! กระสุนหนึ่งนัดพุ่งเข้าดับชีวิตชายที่นอนอยู่บนพื้นทั้งห้องเงียบสนิท เห็นชายที่กำลังพยุงเพื่อนขึ้นจากพื้นเริ่มน้ำตาซึม

    “เปิด ประ ตู ซะ  !”  ผมย้ำทีละคำ

    “อยากให้พวกพ้องที่อยู่ข้างล่างตายหมดก่อนใช่มั้ยถึงจะเปิด”  ผมพูด เบนสายตาไปนอกกระจกให้เบื้องล่างที่พอลกำลังจัดการพวกตำรวจไปทีละคนๆ

     

    ทั้งสามคนที่เหลือต่างมองลงไปข้างล่างผมเชื่อว่ามันเป็นภาพที่ทั้งสามไม่อยากจะเห็น ซากศพเกลื่อนพื้นถนนเลือดสีแดงฉานกระเด็นสาดบนพื้นและข้าวของ ทุกชีวิตเบื้องล่างกำลังสู้อยู่กับอสูรที่ไม่มีวันฆ่าได้ 

    “ว่าไง”   ผมเรียกพวกเขากลับมาจากภาพเบื้องล่าง

    “พวกเราทำไม่ได้หรอก ไม่งั้นพวกเราโดนไล่ออกแน่”  คนที่ดูเหมือนหัวหน้าตอบ

    “โดนไล่ออกนี่ยังแย่ไม่เท่ากับตายสินะ”  ผมว่า ทั้งสามหน้าเจื่อนลงทันที

    “พูดตรงๆ เลยนะ พวกเราก็แค่อยากออกไปจากที่นี่เท่านั้น แค่เปิดประตูให้พวกเราออกทุกอย่างก็จบ”  ผมพูด เห็นเบื้องล่าง มีรถเจ้าหน้าที่อีกหลายสิบคันมาจอดพอลหายไปแล้ว  

    “ดูเหมือนสถานการณ์จะเปลี่ยนไปนะ”  เจ้าหัวหน้าพูด 

    “คิดว่างั้นหรอ?”  ผมต้องเร่งมือหน่อยแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะยากขึ้น

     

    ปัง  ! ปัง  !   ผมยิงเจ้าคนตรงหน้าและคนหัวหน้าที่อยู่ข้างหลังเหลือคนสุดท้ายที่ยืนตัวสั่นมาตลอด   

    “นายเลือกอะไร” ผมถาม เกิดความลังเลขึ้นมาบนสีหน้าของเขาอย่างเห็นได้ชัดแต่แล้วเขาก็พุ่งเข้าไปที่แผงควบคุมพร้อมกับกดแป้นพิมพ์อยู่สักพัก ผมก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบานประตูกำลังเปิดออกแล้ว

    “ขอบใจมาก แต่ฉันว่านายหมอบกับพื้นจะดีกว่านะ”  ผมสั่ง เขารีบหมอบลงทันทีด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ   

     

    เพล้ง  ! ผมยิงกระจกห้องควบคุมเดินไปใกล้ รู้สึกว่ามันสูงเอาการ เหล่าซอมบี้จากภายนอกเริ่มฝ่าเข้ามาแล้ว พวกตำรวจที่มาใหม่จัดขบวนตั้งรับได้ทันควันกำแพงมีความสูงประมาณหกเมตรได้  

     

                ผมเหยียบบนแผงควบคุมกระโดดลงไปข้างล่าง รู้สึกเสียววาบ ยังไม่ชินกับการกระโดดที่สูงๆ เท่าไร ตุบ ! ปลายเท้ากระแทกกับพื้นผมม้วนตัวไปข้างหน้าเพื่อลดแรงกระแทก ถ้าเป็นคนธรรมดากระโดดลงพื้นปูนนี่คงไม่จบแค่ข้อเท้าส้นแน่

     

                พวกเจ้าหน้าที่พากันอ้ำอึ้งไม่กล้ายิง ผมรู้ว่าพวกเขาต้องการจับเป็นไม่งั้นผมคงไม่กล้าบุ่มบ่ามกระโดดลงมาด้านหน้าพวกเขาหรอก

     

    “แล้วจะยืนทำเซ่ออะไรเล่า วิ่งเร็ว”  พอลปรากฏตัวข้างๆดึงผมให้วิ่งตาม เราทั้งคู่วิ่งออกมา ผ่านประตูเมือง เหมือนเจ้าพวกนั้นก็ยังยิงไล่หลังเราอยู่แต่ตอนนี้พวกเขาคงต้องจัดการศัตรูหน้าใหม่แล้วล่ะ

     

    นอกเขตกำแพง ทุกอย่างดูรกร้าง ไร้วี่แววผู้คน 

     

    “แล้วอย่างนี้จะไม่เกิดระบาดขึ้นในนั้นหรอ” ผมถามพอล

    “มาคัสไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นแน่ ว่าแต่นายเหอะจะเอาไงต่อ”   พอลถาม

    “ก็เดินทางไปเรื่อยๆ อยู่อย่างคนธรรมดา”

    “พวกมันจะออกล่านายเจค ระวังตัวไว้ละกัน”  พอลบอก

    “ผมว่าผมกลายเป็นพวกโหดเหี้ยมไปแล้วล่ะ เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะต้องฆ่าใครมาก่อน”

    “ไม่หรอกน่า อย่าไปคิดมาก นายต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง มันไม่มีทางเลือกฉันต้องไปละ มีงานต้องไปทำ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ บางทีเราอาจจะได้เจอกันอีก”  พอลว่า

    “คุณก็โดนล่าเหมือนกันนี่ ระวังตัวเองด้วยล่ะ” 

    “ไม่มีใครทำอะไรฉันได้หรอกน่า โชคดี”    พอลกล่าวลาเสร็จร่างเขาก็อันตรธานหายไปผมมองซ้ายขวา พยายามมองหาจนทั่วทุกทิศก็ไม่เจอ เขาหายไปอีกแล้ว

    “สักวันนายก็ทำแบบนี้ได้น่าเจค” ผมพูดกับตัวเอง ยืนพิงขอบดาดฟ้า แหงนหน้ามองดวงดาวยามค่ำคืนรู้สึกเหมือนทุกอย่างถูกปลดออก เหมือนกับตัวเองเป็นอิสระ แต่เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นขัดบรรยากาศสุนทรีแบบนี้   

     

    จริงสิ !  ต้องหาอะไรกินเองแล้วนี่หว่า

     

    ……….

     

    จบภาค กำเนิดกลายพันธุ์

     

    ..........

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in