หลังจากเตรียมเสบียงลงท้องกันแล้ว  ก็โบกแท๊กซี่กัน   

แค่ยืนรอริมถนนพี่แท๊กซี่ก็ขับเข้ามาเทียบท่าหาเราเลย  เราก็ไม่รอช้าแสดงความมือโปรของการเป็นคนต่างถิ่นคือ  ยื่นกระดาษจดชื่อสถานีรถไฟที่ไกด์จดไว้ให้พี่แท็กซี่ดู  พี่แท๊กซี่ก็แสดงความมือโปรกลับมาด้วยการบอกเราว่า 100 หยวน (500 บาท)  เราก็ไม่รีรอที่จะชี้ให้กดมิเตอร์   พี่แทีกซี่เอาแต่ส่ายหน้าพร้อมทำมือเหมือนว่าต้องขึ้นทางด่วน  แต่เราไม่มีทางเลือกเพราะต้องการไปถึงให้ไวที่สุด  ก็ได้แค่ทำหน้าจืดๆใส่พี่เขาไปพร้อมบอกว่า  “โอเค”

จากโรงแรมเราใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟ  ทำการต่อแถวตรวจตั๋ว ตรวจกระเป๋า เข้าไปนั่งรอในสถานี  อ้าว!!  ทำไมพิธีการน้อยกว่าที่กลัวไว้มากเลย  ตรวจตั๋วตรวจกระเป๋าครั้งละไม่เกิน 2-3 นาทีก็เสร็จ ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือจีนแท้  เราเลยเหลือเวลาอีกนานเลย   เข้าห้องน้ำห้องท่าฆ่าเวลาละกัน   ห้องน้ำที่สถานีไม่มีกระดาษ!!  ไม่มีน้ำ!!  ไม่มีอะไรที่ใช้ทำความสะอาดตูดได้เลย!!   ออกสิรออะไร  พี่จีนนี่นะ  เอาอะไรแน่นอนไม่ได้จริงๆ   บทจะเจอที่ดีๆก็ดีใจหาย   บทจะเจออะไรแบบนี้ก็เจอไม่ทันตั้งตัว

ตอนนี้ทำได้แค่นั่งรอเวลาที่ไกด์นัด  จนเจอไกด์ก็ได้เวลาเช็คอินพอดิบพอดี  เราก็ทำการเช็คอินเดินลงไปขึ้นรถไฟ  สภาพภายในรถไฟสะอาด  ออกตรงเวลามากๆ  ใครจะมาอย่าคิดว่ารถไฟจะดีเลย์แบบไทยนะ  มาช้าจะเสียตั๋วกันฟรีๆได้เลย 

ได้เวลารถไฟออกขอแนะนำว่าถ้าไม่ได้อดนอนมาควรลืมตาไว้ดูวิวสองข้างทางเถอะ  รับรองว่าดี  ทั้งวิวที่เป็นบ้านเมือง  วิวที่เป็นภูเขา  ดีๆทั้งนั้น  

แต่เมื่อเราอยู่กับพี่จีนแท้จำนวนมากๆ  ก็คงจะหนีไม่พ้นการคุยกันเหมือนจะฆ่ากันเมื่อไรก็ได้   ตอนนี้ละให้เราหยิบความอดทนชั้นสูงของเรามาใช้ เพราะอาจจะต้องทนฟังเสียงนั้นไปตลอดการเดินทางของวันเลย  สิ่งที่ควรเตรียมมาด้วยคือหูฟังดีๆที่ตัดเสียงรอบข้างได้หมดจะดีมาก

รถไฟความเร็วสูงนี้จะผ่านสถานีรถไฟย่อยๆ  ที่ขนาดกระทันรัดแบบมีสไตล์มินิมอลหน่อยๆ  ผู้คนก็จะขึ้นลงวนเวียนกันมาส่งเสียงกันเรื่อยๆ ณ จุดนี้เราไม่ต้องคิดหนีไปไหนเลย ยังไงก็เจอ

สถานีรถไฟความเร็วสูงค่อนข้างใหญ่ทั้งสถานีหลักทั้งสถานีย่อยๆ   เวลาเดินรถเวลาถึงค่อนตรง   โดยรวมถือว่าดีมาก  ชอบบบ  แต่ถ้าเมื่อไรที่ไทยเรามี  ขอราคาไม่สูงเกินไปนะ  จะใช้บริการบ่อยๆเลย  

บันทึกหน้าจะพูดถึงพี่จีนเรื่องไหนดีนะ