เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Great Food Good FestBUNBOOKISH
คำนำ






  • เมื่อประมาณสองปีก่อน มีน้องในสำนักพิมพ์สั่งบราวนี่จากร้านขายขนมในเฟซบุ๊กร้านหนึ่งมาชิม พร้อมบรรยายสรรพคุณว่า มันคือบราวนี่หน้าคาราเมลเบคอน โอ้โห ช่างเปิดโลก... เพราะ บราวนี่กับคาราเมลยังพอเข้าใจได้ แต่บราวนี่กับคาราเมลและเบคอนมันคืออะไร...

    พอมาปีนี้ก็มีโอกาสได้รู้จักกับ ‘เช้า—ต่อจันทร์ แคทริน บุณยสิงห์’ เจ้าของร้านขนม Bite Me Softly และเจ้าของสูตรบราวนี่คาราเมลเบคอนนั้น หลังจากพูดคุยกันจิปาถะ (ที่จริงก็ไม่จิปาถะเท่าไหร่ เพราะคุยกันแต่เรื่องกินๆ เขียนๆ) เราพบว่าเช้าเล่าเรื่องการคิดสูตรอาหารได้สนุกและชวนหิวมาก ยังจำแววตาตอนที่เช้าเล่าถึงวิธีการออกแบบเมนูอาหารด้วยการนึกถึงมู้ดแอนด์โทนที่ลูกค้าต้องการได้อยู่เลย

    โอ้โห เปิดโลกอีกแล้ว...

    ต้องออกตัวก่อนว่าพวกเราไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร หนังสือเกี่ยวกับอาหารที่ใกล้เคียงกับความถนัดของพวกเราที่สุดก็เป็นหนังสือชวนกินเสียมากกว่า อย่างเดียวที่พอจะออกตัวได้อย่างไม่เกรงใจใครก็คือพวกเราชอบกิน และที่เพิ่มมาอีกอย่างก็คือพวกเรารู้สึกสนุกตอนที่ได้ฟังเรื่องราวและขั้นตอนการคิดสูตรอาหารอันแสนเฉพาะตัวของเช้า เพราะเราไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กว่าจะออกแบบสูตรอาหารได้สักสูตรนั้น นอกจากจะต้องคิดว่าอยากทำอาหารให้ออกมามีรสชาติเป็นยังไงแล้ว ก็ยังต้องคิดอีกว่า อยากให้คนที่ได้กินอาหารจานนั้นรู้สึกยังไง ดังนั้น การที่เช้าบอกเราว่าสูตรอาหารต่างๆ ของตัวเองออกแบบโดยใช้บรรยากาศ หรือมู้ดแอนด์โทนที่อยากรู้สึกขณะกินเป็นสำคัญ จึงทำให้เราตื่นเต้นและประหลาดใจจนอยากรู้เรื่องราวของอาหารนั้นๆ มากขึ้นไม่น้อย

    Great Food, Good Fest. จึงเป็นหนังสือคู่มือทำอาหารเต็มรูปแบบเล่มแรกของพวกเรา ที่ถึงแม้จะเน้นหนักไปที่วิธีการทำอาหารตามสูตรที่เช้าออกแบบมาโดยเฉพาะ แต่อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องราวก่อนจะมาเป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เรารู้ว่าแต่ละเมนูพิเศษๆ นั้นมีแรงบันดาลใจหรือที่มาที่ไปอย่างไร

    แต่หลังจากที่อ่านจบแล้ว ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ถ้าไม่ลองลงมือทำด้วยตัวเอง ต่อให้เป็น Good Fest ที่ไหนก็คงหา Great Food สูตรที่อร่อยขนาดนี้กินได้ยากแน่นอน





  • เช้าเชื่อว่าตัวเองก็เหมือนกับหลายคนที่มีความฝัน (ที่บ้านบอกว่า สาเหตุที่ตั้งชื่อว่า ‘เช้า’ ก็เพื่อแก้เคล็ดไม่ให้เป็นคนตื่นสาย) แต่สิ่งที่เราอยากเป็นกับสิ่งที่เราควรจะเป็นนั้นมักจะไม่ค่อยตรงกัน

    สิ่งที่เช้าชอบและอยากทำมาตลอดคือการทำอาหาร เพราะตั้งแต่จำความได้ เช้าก็มักจะเข้าห้องครัวไปดูผู้ใหญ่ทำอาหารอยู่เสมอ

    ตอนเด็กๆ เช้าอาศัยอยู่กับคุณยาย พออายุได้ประมาณสามขวบ ก็เริ่มเข้าครัวไปช่วยแม่ครัวประจำบ้านเด็ดใบโหระพาหรือใบกะเพราแล้วค่ะ แต่อยู่กับคุณยายได้ไม่นาน เช้าก็ย้ายมาอยู่กับคุณย่า ที่บ้านนี้คุณย่าทำอาหารเองหมดทุกอย่าง แถมยังทำเก่งมากจนเคยไปออกรายการทำอาหารทางโทรทัศน์มาแล้ว

    คุณย่าเป็นผู้หญิงที่เก่งรอบด้าน แต่ภาพของคุณย่าที่เช้าประทับใจที่สุดก็คือเวลาที่คุณย่าทำอาหาร ตอนเด็กๆ เช้าจึงมักนึกเสมอว่าถ้าขอแบ่งความเก่งของคุณย่ามาได้สักนิด ก็คงขอฝีมือด้านการทำอาหารของท่านนี่แหละ คำขอของเช้าในวันนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นจริง เพราะเมื่อโตขึ้น เช้าก็รู้สึกว่าตัวเองมีจมูกและลิ้นที่มีประสิทธิภาพดีกว่าคนอื่น สามารถจำแนกและจดจำรสชาติของอาหารที่เคยกินได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ในอาหารได้จากการดมกลิ่น แม้แต่กลิ่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เช้าก็สามารถจำแล้วนำกลับมานึกถึงได้อีกครั้ง

    เช้าก็เลยใช้พรสวรรค์นี้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการแกะสูตรอาหารที่เคยกิน แต่แรกๆ ก็ใช่ว่าจะออกมาดีนะคะ ต้องเททิ้งเยอะเหมือนกัน กว่าจะเริ่มทำกับข้าวง่ายๆ ได้คล่องก็ตอนมัธยมต้น หลังจากนั้นจึงเริ่มหัดทำขนมทุกประเภทที่ชอบกิน ไม่ว่าจะขนมไทย ขนมฝรั่ง ขนมอบ และขนมไม่อบ จนเช้ามีความฝันว่าหลังจบม.3 แล้วอยากจะไปเรียนต่อที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ (Le Cordon Bleu)—โรงเรียนสอนทำอาหารระดับสูงที่ประเทศฝรั่งเศส ไม่อยากเรียนสายสามัญอีกต่อไปแล้ว 

    แต่ตามค่านิยมของสังคมไทย เด็กดีควรเรียนให้เก่งแล้วสอบเข้าคณะยอดฮิตในมหาวิทยาลัยชื่อดังให้ได้ สุดท้ายเช้าก็ไม่ได้ไปเรียนทำอาหารอย่างที่หวังไว้ แต่คุณพ่อก็รับปากว่าถ้าเรียนจบปริญญาตรีเมื่อไหร่
    จะยอมให้เช้าไปทำตามความฝันในด้านการทำอาหาร

    แต่หลังจากเช้าเรียนจบปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ คุณพ่อก็หาเหตุผลมาอ้างว่า ลูกพ่อต้องมีวิชาติดตัวเยอะๆ ควรจะเรียนปริญญาโทต่ออีกสักใบ ซึ่งเช้าก็เชื่อค่ะ เลยไปเรียนต่อปริญญาโท สาขาการตลาดระหว่างประเทศที่ประเทศสวีเดน ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะตอนอยู่ที่สวีเดน เช้าต้องทำอาหารกินเองแทบทุกมื้อเพื่อความประหยัด ทักษะการทำอาหารทั้งไทยและฝรั่งของเช้าจึงพัฒนาขึ้นมาก ในช่วงนั้นเองเช้าก็เลยเริ่มเขียนบล็อกเกี่ยวกับการทำอาหาร ชื่อว่า ‘A Little Kitchen for A Little Chef’

    การเขียนบล็อกนั้นทำให้เช้าอยากคิดสูตรอาหารใหม่ๆ ด้วยตัวเอง เช้าจึงเริ่มตั้งข้อสังเกตในการทำอาหารประเภทต่างๆ แล้วนำ มาพัฒนาเป็นสูตรที่ตัวเองชอบ จากนั้นก็บันทึกกันลืมไว้ในบล็อก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าบล็อกนั้นจะมีคนติดตามและมีผลตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเช้าเริ่มมั่นใจว่า เส้นทางสายอาหารนี่แหละคือทางของเรา!

    หลังเรียนปริญญาโทจบกลับมาแล้ว เช้าก็ไปเป็นพนักงานบริษัทตามที่คุณพ่ออยากให้เป็น แม้จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ แต่เช้าก็ตั้งใจว่าจะทำงานเก็บเงินเพื่อไปเรียนทำอาหารที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ด้วยตัวเองให้ได้สักที

    และแล้วเช้าก็ทำสำเร็จค่ะ ได้ไปเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอสมใจ พอเรียนคอร์สแรกจบเช้าก็ได้ทำงานเกี่ยวกับอาหารเลย โดยงานของเช้ามีหน้าที่แกะสูตรและคิดค้นสูตรอาหาร ซึ่งงานนี้เป็นงานที่เช้าได้ใช้สกิลในการรับรสและดมกลิ่นของตัวเองอย่างเต็มที่ แถมยังได้ใช้จินตนาการสร้างสรรค์อาหารในแบบที่ชอบอีกด้วย และช่วงนั้นเช้าก็เริ่มมีนิตยสารมาขอสัมภาษณ์ มีคนมาขอเรียนทำอาหารและทำ ขนมด้วย เริ่มมีคนจ้างไปเป็นที่ปรึกษาด้านการคิดค้นหรือถอดสูตรอาหารนอกเวลางาน

    หลังจากทำงานที่นี่ได้หนึ่งปี สุดท้ายเช้าก็ลาออกมาทำงานเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว เพราะนอกจากจะรายได้ดีกว่าแล้ว ยังมีเวลามาทำขนมและเปิดร้านเป็นของตัวเองอีกด้วย

    ช่วงแรกที่บ้านก็ดราม่ากันหนักมาก คุณพ่อถามทุกครั้งที่เจอหน้าว่าจะกลับไปทำงานประจำเมื่อไหร่ ร้านขนมขายได้บ้างไหม ร้านจะเจ๊งหรือเปล่า ช่วงนั้นเช้าร้องไห้ทุกวัน เริ่มกลัวความไม่มั่นคง กลัวว่าตัวเองจะทำ พลาดแล้วต้องกลับไปทำงานที่ไม่ชอบอีก แต่ในเมื่อเราได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักและทุ่มเทให้กับมันมากพอ ผลลัพธ์มันก็ไม่ควรจะออกมาแย่ใช่ไหมคะ

    ตอนนี้เวลาผ่านมาสี่ปีแล้ว จากร้านขนมเล็กๆ ที่ไม่มีหน้าร้าน ก็ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นบริษัทที่มีทีมงานช่วยกันถึงเจ็ดคน จากที่คนในครอบครัวเคยไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเช้า ตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจและภูมิใจที่เช้าสามารถทำสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นอาชีพหลักเลี้ยงดูตัวเองได้

    และเช้าก็พบว่า นอกจากความสุขจากการทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้ว ความสุขอีกอย่างที่เช้าได้รับกลับมาเสมอก็คือ การได้เห็นคนที่กินอาหารฝีมือของเรามีความสุข ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้แต่ลูกค้าที่ซื้อขนมไปแล้วประทับใจจนกลับมาชื่นชมหรือซื้อซ้ำอีกหลายครั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เช้ารู้ว่า ถ้าเราไม่ละทิ้งความฝันไปเสียก่อน บางทีสิ่งที่เราอยากเป็นและสิ่งที่เราควรจะเป็นนั้นอาจเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in