เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MY Chinese Novels Listparnbewtch
เล่านิยายวาย : 六爻 ลิ่วเหยา (BL)

  • เรื่อง: 六爻 ลิ่วเหยา  

    ผู้แต่ง: Priest หรือ พีต้า   

    ตัวละครหลัก: เหยียนเจิงหมิง (พระเอก) เฉิงเฉียน (นายเอก)

    ไม่มีสลับโพค่ะ นักเขียนระบุใครรุกใครรับชัดเจน

    สำนักพิมพ์จีนแผ่นดินใหญ่: 北京时代华文书局

    สำนักพิมพ์ไทยที่ได้ลิขสิทธิ์: สำนักพิมพ์โรส 

    ผู้เขียน: Priest   ผู้แปล: Bou Ptrn 

    ภาพปกวาดใหม่โดย 花雕老吴 (Hua Diao Lao Wu)

    ประกาศวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562

    มี 3 เล่มจบ กำหนดการวางแผง คือ เดือนละหนึ่งเล่ม 

    เริ่มเดือนมกราคม 2563 เล่มสามออกพร้อม Boxset ในงานสัปดาห์หนังสือเดือนมีนาคม 2563 



    สวัสดีอีกรอบค่ะ คือเดิมทีเราทวีตลิ่วเหยาบนทวิตเตอร์ไปนานแล้วพอควรแต่วันนี้จะรีอัปและพิมพ์ที่เคยหวีดใหม่ ย้อนกลับไปดูอันเก่า... สะเปะสะปะมากจะแปะเป็นรูปเหมือนเดิมก็ยาวเลยมาใส่ในบทความแทนไม่อยากใช้คำว่ารีวิวค่ะดูเป็นทางการไปเรารีวิวไม่เก่งชอบที่จะเล่าความรู้สึกตัวเองภาษาบ้านๆ มากกว่าวิเคราะห์มาเป็นข้อๆ  อยากเล่าให้ฟังว่ามันเป็นไงเฉยๆ 5555


    ลิ่วเหยา นิยายแนวเซียนเสีย (จีนโบราณแฟนตาซี) ตามเซ็ตติ้งของเรื่องเป็นนิยายที่มีพื้นฐานการบำเพ็ญเซียน ของ Priest อีกชื่อที่นักอ่านจีนเรียกก็คือ พีต้า นักเขียนนิยายวายและชายหญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของเว็บไซต์จิ้นเจียง เจ้าของผลงาน "ฆ่าหมาป่า", "นางโจร", "เจิ้นหุน" และ "เทียนหยาเค่อ" เป็นต้น


    รูปภาพนี้ขออนุญาตจากนักวาดมาแล้ว





    เนื้อหาที่จะเล่าต่อไปนี้ มีสปอยล์ค่ะ 




    เฉิงเฉียน (นายเอก) เด็กชายวัยสิบขวบอาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีพ่อแม่ และพี่น้องรวมตัวเขาสามคน เฉิงเฉียนเป็นบุตรคนรองเขาเติบโตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันทำให้ไม่สามารถหาบฟืนทั้งหมดมาได้ในคราวเดียวต้องวิ่งไปมาหลายหน งานบ้านรวมถึงล้างจานทำอาหาร ก่อไฟ ตัดฟืนล้วนเป็นเฉิงเฉียนที่ต้องแบกรับเพียงคนเดียว 


    นายเอกเพิ่งกลับมาจากด้านนอก ที่หมู่บ้านมีถงเชิง บัณฑิตที่ไม่ผ่านการสอบขุนนางผู้หนึ่งซึ่งคัดเลือกนักเรียนและสอนอ่านเขียนด้วยด้วยนิสัยประมาณว่าคัดนักเรียนที่มีเงินหรือสิ่งของมาแลกเปลี่ยน แม้บัณฑิตเฒ่าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นอาจารย์แต่เพราะความชนบทห่างความเจริญไม่ง่ายเลยที่จะหาอาจารย์คนอื่นมาสอนให้เด็ก ๆ ด้วยสถานะครอบครัวสกุลเฉิงเองก็ไม่มีปัญญาส่งลูกเข้าเรียน เฉิงเฉียนจึงซ่อนตัวและแอบฟังอยู่บนต้นไม้ดังเช่นลูกลิง 


    ยามนี้บิดาของเขาวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขก ผู้เรียกตัวเองว่า มู่ชุนเจินเหริน ชายชราผิวขาวผอมกะหร่องไว้เคราแพะยาวผ่านทางมาขอพักกินน้ำ เห็นนายเอกเข้าก็พูดจางมงายล่อลวงพ่อของนายเอก จังหวะเดียวกันกับที่ ต้าหลาง (คำเรียกพี่ชายคนโตของบ้าน) มาได้ยินเข้าเขาถึงกับส่ายหน้า ต้าหลางไม่ใช่คนหัวโบราณ กำลังจะเปิดปากออกความเห็นแต่นึกไม่ถึงว่าบิดาของเขาจะเชื่อเรื่องไร้สาระจริง ๆ

     

    ครอบครัวสกุลเฉิงไม่ได้ร่ำรวยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมารดานายเอกให้กำเนิดน้องคนสุดท้อง ตั้งแต่นั้นมานางก็อ่อนแอมากจนต้องนอนซมอยู่บนเตียง ซ้ำร้ายการเก็บเกี่ยวของปีนี้ก็ไม่ดี ช่วงหลายเดือนมานี้ไม่มีฝนตก ต้าหลางรู้ว่าบิดามารดาคิดอย่างไร เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ตนกลายเป็นความหวังของครอบครัว น้องชายคนสุดท้องก็ยังเป็นเพียงทารกร้องงอแงอยู่ในห่อผ้าจึงเป็นการดีต่อเฉิงเฉียนหากเขาออกจากบ้านไปฝึกตนกับผู้บรรลุผู้นั้นแทน จบการเจรจาข้อตกลง มู่ชุนเจินเหรินทิ้งเงินไว้ให้สกุลเฉิง บ่ายวันนี้เฉิงเฉียนจะตัดขาดโลกภายนอกออกเดินทางพร้อมกับอาจารย์ 


    ต้าหลางผู้เป็นพี่ชายรักและห่วงใยน้องชายคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจแม้ว่าเขาจะไม่พูดมันออกมาเพราะช่องว่างระหว่างวัยที่ทำให้สองคนไม่ค่อยสนิทสนมกัน ตาพี่ชายก็คิดนะว่าเออ พวกเขาใจร้ายเกินไปหรือเปล่าหากจะต้องขายน้องชายคนนี้จริง ๆ แต่ท้ายสุดก็ยึดมั่นว่าเพราะ ความจำเป็น  เฉิงเฉียนไม่ได้คร่ำครวญเด็กน้อยนึกถึงบิดาที่เริ่มทำงานตั้งแต่รุ่งสางยันตะวันลับฟ้า พี่ใหญ่ที่ออกไปทำงานตั้งแต่แสงสุริยันส่องหล้าจนกระทั่งดวงจันทร์เยือนนภา ส่วนมารดาหรือก็มีน้องเล็กต้องดูแล นายเอกพยายามไม่สร้างปัญหา สิ่งเลวร้ายสุดที่เคยทำเห็นจะเป็นเรื่องปีนต้นไม้แอบฟังบัณฑิตเฒ่าสอนหนังสือ เฉิงเฉียนทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียน เป็นทุกอย่างให้ครอบครัว ยกเว้น ลูกชาย” จับน้องมากอด คือเด็กควรจะมีชีวิตชีวาพูดจ้อแต่เฉิงเฉียนกลับไม่เป็นเช่นนั้น น้องนิ่งเงียบ สงบเสงี่ยมผิดวิสัยเด็กวัยเดียวกัน  


    หลังร่ำลาเสร็จเฉิงเฉียนก็เดินทางไปกับผู้บรรลุเฒ่าที่ตอนนี้กลายเป็นอาจารย์ของเขา ระหว่างทางฝนตกลงมาห่าใหญ่มู่ชุนเจินเหรินอุ้มเข้าไว้ในอ้อมอกพาวิ่งไปหลับฝนที่อารามร้างแห่งหนึ่ง ก่อนจะเริ่มอธิบายเซ็ตติ้งความเป็นมาทั้งหลายของนิยาย ตรงนี้ไปจะแอบมีข้อมูลเยอะหน่อยค่ะ ต้องค่อย ๆ ย่อย 


    ย้อนถึงรัชสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน สำนักฝึกปรือบำเพ็ญเซียนทั้งหลายแหล่ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กเริ่มผุดขึ้นทั่วราวกับเห็ด สกุลใหญ่ดังล้วนใช้เส้นสายทำทุกอย่างให้ลูกของพวกเขาได้เข้าไปร่ำเรียนฝึกวิชา ในเวลานั้นผู้คนต่างหันมาเล่นแร่แปรธาตุมากกว่าทำอาหารเย็บผ้า หลายคนสวดมนต์มากกว่าเพาะปลูก มิจฉาชีพใช้โอกาสนั้นเป็นลู่ทางทำมาหากิน ฮ่องเต้เห็นแววแว่นแคว้นล่มสลายจึงออกคำสั่งให้กวาดล้างสำนักน้อยใหญ่เหล่านั้นไม่ว่าจะจริงหรือปลอมต้องถูกจับกุมและถูกเนรเทศแต่ยังไม่ทันจะประกาศพระบรมราชโองการ เหล่าขุนนางก็พากันมานั่งคุกเข่าฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยกันทั้งคืน 


    ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกบีบให้ยกเลิกราชโองการ วันรุ่งขึ้นเลยสั่งให้สำนักที่เกี่ยวกับดาราศาสตร์จัดตั้งสาขาใหม่ให้มาดูแลในส่วนนี้แทน การสร้างสำนักโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นสิ่งต้องห้าม โชคดีที่ความพยายามของฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่สูญเปล่า เมื่อมีการคัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าความปรารถนาที่จะฝึกตนก็ลดลงผู้คนกลับไปทำไร่ทำนาเหมือนเดิมนอกจากนี้ยังเป็นเพราะได้ยินว่าไม่มีใครฝึกตนบรรลุเป็นเซียนสำเร็จด้วย นานวันเข้าก็หมดไฟกันอะ เห่อแปปเดียว55555 พอฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองบัลลังก์ถึงแม้ว่าความนิยมในการฝึกตนบำเพ็ญเซียนจะยังคงอยู่หากแต่ไม่บ้าคลั่งเหมือนเมื่อก่อนก็เลยแสร้งหลับหูหลับตา

     

    หลังวิ่งมาหลบฝนที่อารามร้างทั้งคู่ก็ได้กลิ่นเนื้อลอยมาจากหลังอารามเป็นเด็กขอทานคนหนึ่งท่าทางอายุมากกว่าเฉิงเฉียนปีสองปีกำลังทำไก่ขอทานมู่ชุนกลืนน้ำลายลงคอดังอึก เขาเช็ดน้ำฝนออกจากหน้าทำท่าน่าเชื่อถือเป็นผู้หยั่งรู้เข้าไปพูดจาหลอกล่อจนและแล้วเฉิงเฉียนก็ได้ผู้ร่วมทางเพิ่มอีกหนึ่งคนเด็กขอทานถูกเรียกว่า “หานเยวียน” หรือหานยวนก็ได้ แซ่หาน เป็นแซ่ของอาจารย์  เยวียนเป็นชื่อที่ตั้งให้ใหม่ 


    นับจากนี้หานเยวียนจึงเป็นศิษย์น้องสี่ของเฉิงเฉียน (ถึงจะอายุมากกว่าแต่ถ้าเข้าสำนักคำนับอาจารย์ช้ากว่าก็นับเป็นศิษย์น้อง) พวกเขาใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนจนกระทั่งมาถึงเขาลูกหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของสำนักฝูเหยาต่างกับที่เฉิงเฉียนคาดไว้มากนักตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกต้มตุ๋นมากกว่าจะเป็นผู้บรรลุหรือเจ้าสำนักเทือกนั้นจึงไม่คาดหวังอะไรกับชีวิตมากนัก เป็นเด็กที่ปลงมันทุกเรื่อง55555 แต่พอเห็นป้ายที่มีสองตัวอักษรเขียนว่า ฝูเหยา ด้วยลายมือหวัดงดงามราวกับมังกรทะยานฟ้าและหงส์ที่กำลังร่ายรำก็แอบเปลี่ยนความคิด สถานที่ในสำนักก็ช่างงดงามราวกับภาพวาด พอเข้ามาเด็กสองคนก็ถูกแยก เสวี่ยซิงนำทางเฉิงเฉียนไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้เตรียมพบกับ ศิษย์พี่คนที่หนึ่ง หรือ ศิษย์พี่ใหญ่” ของพวกเขา

     

    เหยียนเจิงหมิง พระเอกมาแล้ว °˖✧◝(⁰▿⁰)◜✧˖°  ศิษย์พี่ใหญ่/ศิษย์คนที่หนึ่งของสำนักฝูเหยา เป็นบุตรชายของสกุลที่ร่ำรวยที่หนีออกจากบ้านเพราะปัญหาขี้ปะติ๋วแน่นอนว่าอีกฝ่ายที่เป็นถึงคุณชายย่อมมีคนพลิกฟ้าตามหาแต่เจิงหมิงกลับปฏิเสธด้วยนิสัยที่ถูกตามใจมาตั้งแต่ยังเล็กทำให้สกุลเหยียนไม่กล้าขัดความสนุกของเขาจึงไม่ห้ามปราม


    เหยียนเจิงหมิงนับเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักฝูเหยา เงินทองของหลายอย่างต่างมาจากสกุลเหยียนที่เป็นผู้หนุนหลัง นอกจากนี้เฉิงเฉียนยังพบว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างนิสัยประหลาดและอดที่จะตัดสินจากภายนอกตั้งแต่พบกันครั้งแรกไม่ได้ บุรุษงดงามอายุราว ๆ พี่ชายคนโตของนายเอกปล่อยผมยาวสีดำเงาสยายราวน้ำหมึก เขามักจะให้นางรับใช้มาหวีผมให้บ่อย ๆ ไม่งั้นก็นั่งหวีเอง รอบตัวของพนะเอกล้วนมีแต่สาวงาม คือเป็นแค่สาวรับใช้ที่ต้องหน้าตางดงามสะอาดสะอ้านเพราะอิพระเอกเรื่องมากรักสะอาดเกินชาย เกินไปมากจนอ่านแล้วจะปากคว่ำใส่ค่ะ555555 


    เฮ้ยแต่ฮีแมนนะแค่เจ้าสำอางมากไปหน่อยแค่นั้นจนคิดว่าสงสัยพระเจ้าที่ชื่อว่าพีต้าคงทำผงหลงตัวเอง รักความสะอาดชื่นชอบอะไรงามตา ความเจ้าสำอางหล่นมือตอนปั้น จะไปไหนก็ต้องมีเสลี่ยงหามไหนจะนางรับใช้คอยประกบหน้าหลังพัดวีปูเบาะรองก้นก่อนนั่งและดูจะไม่สนใจศิษย์น้องที่เจ้าสำนักเฒ่าหิ้วกลับมานัก เหยียนเจิงหมิงมักจะเข้าเรียนสายเป็นชั่วโมงถึงกระนั้นพอมาถึงเขาก็ยังเอาชายผ้าปิดปากหาวจะนั่งก็ต้องให้นางรับใช้นำนู่นนี่ของใช้ส่วนตัวมาปูรองจนเฉิงเฉียนคิดว่าช่างเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์และไม่น่าเข้าหาเสียเลย


    ลิ่วเหยาเป็นนิยายที่ออกไปทางเซียนเสีย สำนักเซียน บำเพ็ญเซียน พล็อตของเรื่องค่อนข้างใหญ่พอควร แต่ก็ไม่มากนะกลางๆ พอดี ๆ เคยอ่านพล็อตใหญ่ข้อมูลโคตรๆๆๆ หนากว่านี้มาแล้ว5555 มี plot twist ที่อาจจะต้องอ่านเองถึงจะมีเฉลย บางอย่างพออ่านไปจะไม่ได้เหมือนกับที่เราเล่าทั้งหมด ก็ถึงบอกว่ามันมี plot twist เรื่องราวจะเน้นไปที่เนื้อเรื่องหลักพัฒนาการของตัวละครหลักเฉิงเฉียนและศิษย์ในสำนักฝูเหยาจากเด็กตัวเล็ก (ไม่เด็กมากสำหรับอายุคนจีนสมัยก่อนก็เกือบ ๆ เป็นวัยรุ่นกันแล้ว) ในยุคที่ผ่านการกวาดล้างสำนักและผู้ฝึกเซียนไปจนเด็กเหล่านี้เติบใหญ่ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์น้องคนที่สาม (เฉิงเฉียนเป็นศิษย์น้องคนที่สาม)  มีทั้งสุข ทุกข์ การแตกหักระหว่างศิษย์ในสำนัก ที่รักที่สุดคือ character development แรกๆ เราอะรำคาญศิษย์พี่ใหญ่นะ ขอหยาบนะคะ คนเหี้ยไรนิสัยน่าถีบสัด แต่ถ้าอ่านไปเรื่อยๆ จะรักพี่มาก 


    เนื้อเรื่องดำเนินไปเนิบๆ มันเนิบนะช่วงแรกอะเพราะต้องปูเนื้อเรื่อง ผ่านไปพักหนึ่งถึงจะเครื่องติด แต่สนุกค่ะ ทุกคนนนน อย่าพลาด อย่าอ่านแค่ของเราต้องอ่านนิยายแล้วตัดสินใจเอง!! เรื่องนี้สมกับเป็นงานของ Priest อย่างแท้จริง ไหนฉากอุ่นเตียงคะ ไม่มี๊! ไม่ได้ประชดเลยแม้แต่น้อย มีก็น้อยนิดมากและไม่ได้ละเอียดอะไร.. อ่านไปเอ๊ะ ฉันอ่านนิยายวายอยู่ใช่ไหม กินเต้าหู้บ้างไรบ้างค่อนข้างเหมาะกับกลุ่มนักอ่านที่อยากเน้นเนื้อเรื่อง เอียนฉากพระนายเอาแต่ฟาดงวงใส่กันป้าบๆๆ 


    สำนักฝึกเซียนตอนนี้ไม่รุ่งเรืองเหมือนเรื่องอื่นนะ ฝึกกันแบบ.. เอารถลากไปไว้หน้าม้า ผิดหน้าผิดหลัง ไม่มีแบบแผน เป็นยุคที่ยังไม่มีคนไปถึงจุดสูงสุดของการบรรลุเป็นเซียน มีแต่สำนักกิ๊กก๊อก พระเอกไม่ใช่พวกแกรี่ซูที่เก่งพร้อมทุกอย่างแต่เริ่มต้องฝึกฝนตัวเองแต่เพราะมีอุปสรรคแล้วเป็นพวกที่เออทำไม่ได้ลองทำอีกก็พลาด ไม่ลองแล้วโว้ย ช่างมันแล้ว เทแม่ง เจิงหมิงนิสัยแอบคล้ายมู่ชุนตรงที่เป็นคนมีความสามารถแค่ขี้เกียจ ถ้าใครที่ชอบสายเมะเคะเก่งมาแต่แรกอาจจะไม่ใช่ทางเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้อ่อนจนหนักหนาค่ะ แต่ (แต่อีกละ) ก็มีเหตุการณ์เข้ามากระตุ้นเป็นแรงผลักดันที่ทำให้พระเอกรู้สึกว่าตัวเองโคตรกากด๋อยยังอ่อนแอเพราะปกป้องคนสำคัญเอาไม่ได้ พระเอกเสียใจแทบสูญเสียจิตวิญญานจนทุกคนกลัวว่าพระเอกแตกสลายเสียใจธาตุไฟแตกงี้แถมก่อนหน้าอาจารย์ยังจากไป จากไป นะคะ เดี๋ยวพออ่านแล้วจะอ้อว่าทำไมเราใช้คำนี้ ถึงแบบนั้นพระเอกก็ยังเข้มแข็งมาก 


    ด้วยความที่เหยียนเจิงหมิงเป็นศิษย์พี่ใหญ่เจ้าสำนักต้องประคับประคองชีวิตน้องๆ และเด็กเต๋ารับใช้ทั้งหลายในสำนักหลังจากนั้นพระเอกเลยฮึดฝึกวิชาอย่างบ้าคลั่งจนเวลาผ่านไปร้อยปีสำนักฝูเหยาก็รุ่งเรืองมีชื่อเสียง และคนสำคัญคนนั้นกลับมา เหยียนเจิงหมิงกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนใช้กระบี่ที่แข็งแกร่งแต่นิสัยเดิมร้อยปีก่อนยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นยังงั้น narcissist เหมือนเดิม55555 เป็นคนตลก งอนเองง้อเองหายงอนเอง55555 เป็นคนที่ดูไม่น่าพึ่งพิงแต่ถ้าต้องปกป้องคนสำคัญจะสู้ไม่ถอย 


    นี่ยังไม่จบนะคะ ยังมีเรื่องราวต่อจากนี้อีก ไหนจะเรื่องราวของอาจารย์นายเอก มู่ชุนเจินเหรินที่เปิดตัวมาเป็นคนแก่ๆ เคราแพะนั่นแหละค่ะ คือมันจะมีตอนพิเศษของ ถงหรู ปรมาจารย์ซึ่งเป็นอาจารย์ของมู่ชุนด้วย "อยู่ร่วมกันแม้หลังความตาย" 。:゜(;´∩`;)゜:。 วิญญาณของทั้งคู่ได้หายไปจากโลกนี้ ตอนพิเศษตอนนี้จะช่วยเติมเต็มทำให้นิยายและความรู้สึกบางอย่างที่ยังค้างคาสมบูรณ์แต่ก็ไม่สมบูรณ์ค่ะ happy ending ของอีกความสัมพันธ์ที่เรียกน้ำตา แต่คู่พระนายจบดีนะคะ ด้อนวอรี่ แฮปปี้จริงๆ 






    เนื้อเรื่องเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เราจำได้จะประมาณนี้ สปอยล์ค่ะ ใครไม่อยากรู้เลื่อนผ่านลงไปเลยค่ะ ด้านล่างมีต่ออีกหน่อย

    • เฉิงเฉียนมาถึงสำนักฝูเหยาพร้อมกับศิษย์น้องคนที่ 4
    • ไปช่วยศิษย์น้องคนที่ 4 และพบกับศิษย์น้องคนใหม่ คนที่ 5
    • ลงเขาเข้าร่วมการประชุมเซียน
    • เจอกับฝ่ายมาร อาจารย์เสียชีวิต
    • มีบางอย่างเกิดขึ้น เฉิงเฉียนนายเอกตาย ศิษย์น้องคนที่ 4 กลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนนอกรีตฝ่ายมาร
    • หนึ่งร้อยปีต่อมานายเอกฟื้นคืนชีพ
    • เผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้อาจารย์ตาย
    • เริ่มค้นพบความลับของสำนักฝูเหยา
    • และบลาๆๆ ยังไม่จบ





    เราอ่านบนเว็บค่ะ แต่ซื้อตัวเล่มมาเก็บ รู้สึกแฮปปี้กับหน้าปกมาก5555 

    ตัวหนังสือที่ซื้อมาเป็นของจีนแผ่นดินใหญ่ ประทับใจหลาย ๆ อย่างประเภทกระดาษที่ใช้พิมพ์เป็นกระดาษถนอมสายตา ลดแสงสะท้อนเวลาอ่าน ปกสวย เรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันความเรียบง่ายของมันกลับดูดีมีคลาสมาก สามารถหยิบขึ้นมาอ่านที่สาธารณะได้สบาย  

    พอถอดปกแจ็คเก็ตออกมา ผ่าง ขาวสะอาดประหนึ่งหนังสือพระพุทธพระธรรม ช๊อบบบบ



    อิศิษย์พี่ช่วงที่มาติดน้อง (สมัยเด็กก่อนจะมีเรื่องวุ่นวาย) มันก็จะประมาณนี้..


    ด้านล่างนี้เป็นรูปมู่ชุนเจินเหรินกับปรมาจารย์ถงหรูสมัยนู้นจ้า เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษของคู่นี้อยู่

    เป็นภาพประกอบเรดิโอดราม่าสั้น ๆ เน้อ 


    สรุปไรไม่รู้แต่อยากสรุป


    เฉิงเฉียน (นายเอก) ศิษย์คนที่สามของสำนักฝูเหยาเป็นเด็กฉลาดความจำดี ที่แสดงออกท่าทางเย็นชาไร้ความรู้สึกเพราะถูกเลี้ยงดูมากับครอบครัวที่ยากจน แม่สนใจแต่น้องคนเล็กพ่อก็เอาแต่ทำงาน ส่วนพี่ชายคนโตก็เป็นช่องว่างระหว่างวัยทำให้ไม่ค่อยสนิทกันเฉิงเฉียนเลยเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดและเก็บงำความรู้สึกไว้ในใจแต่พอมาอยู่สำนักฝูเหยาก็เจอกับศิษย์ร่วมสำนักที่นิสัยแปลกประหลาดหลายคนก็เริ่มมีความรู้สึกเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาแล้วล่ะโดยเฉพาะตอนรับมือกับศิษย์พี่ใหญ่ของเขา…铜钱 ที่แปลว่าเหรียญทองแดงฟังดูคล้ายกับชื่อ 程潜 เฉิงเฉียนดังนั้น 铜钱 หรือ เหรียญทองแดงน้อย” เลยเป็นอีกชื่อที่ศิษย์พี่โมเมตั้งให้ เป็นเด็กที่เราเอ็นดูมาก ไม่ได้เป็นเด็กนิ่ง ๆ เรียบร้อยดั่งผ้าที่พับไว้ นับถือนักเขียนที่เติมแต่งความเป็นคนให้น้องอะ เป็นเด็กที่คิดทั้งแง่ลบและแง่บวก 

     

    เหยียนเจิงหมิง (พระเอก) พระเอกที่แหกทุกคุณสมบัติของการเป็นพระเอก ศิษย์คนที่หนึ่งของสำนักฝูเหยา สถานะร้อยปีต่อมาคือเจ้าสำนักลำดับที่ 48 ของสำนักฝูเหยา เป็นบุตรของสกุลที่ร่ำรวยที่หนีออกจากบ้านเพราะปัญหาขี้ปะติ๋วนิสัยเจ้าสำอางจนตอนแรกเราคิดว่าเป็นนายเอกหรือตัวประกอบแต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันกลับจริงจังและเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งพาได้ถึงจะหวาดกลัว (นายเอกเห็นพระเอกมือสั่น) เราชอบจุดนี้ที่นักเขียนบรรยายค่ะเขาดูใส่ใจรายละเอียดเพราะเหตุการณ์นี้เป็นช่วงแรก ๆ ของนิยายพระเอกอายุราว ๆ 15 ปี (นายเอกอายุราว ๆ 10 ปี) เป็นแค่เด็กก็ต้องมีหวั่นเกรงบ้างแต่ถึงแบบนั้นก็ยังเอาตัวกันศิษย์น้องออกจากอันตรายต่างกับตอนปกติที่เป็นเพียงคุณชายเหยียนผู้ไม่เอาอ่าวเกียจคร้านถือพัด จะไปไหนก็ต้องให้คนหามเสลี่ยงแห่ยิ่งกว่าฮ่องเต้หนำซ้ำสาวใช้ยังต้องคอยแปรงผมให้เป็นเวลาหลงตัวเอง ปากร้ายและกวนเบื้องล่างมาก เราปลื้มพี่มาก ๆ ค่ะเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการแต่อาจจะต้องมีอะไรกระตุ้นหน่อยถึงจะปล่อยอัลติ55555 แฟนคลับชอบเปรียบพระเอกเป็นนกยูงพอสนใจศิษย์น้องก็เข้าโหมดนกยูงรำแพน จำกัดความสั้น ๆ ของพระเอกลิ่วเหยาก็คือค่อนข้างจะ narcissist ถูกแฟนนิยายล้อว่า แม่นางเหยียน พระสนมเหยียน บางก็ก็ประชดเรียก zmgg เจิงหมิงเกอเกอ  (...)


    เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นแนวสำนัก บำเพ็ญเซียนอีกเรื่องที่ชอบมากเลยค่ะ ลิ่วเหยามีแนวคิดค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่นที่เป็นแนวเซียนเสียเหมือนกันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วแต่มนุษย์ก็ยังแสวงหาพลังอำนาจที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องทุกข์ทรมานทั้งทางกายและทางใจเวลาผ่านไปมานึกเสียดายว่าทำไมเมื่อก่อนเราไม่ใช้ชีวิตแต่ละวันให้ดีที่สุด พระนายไม่ได้เก่งหรือเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่เกิดแต่ค่อย ๆ ฝึกปรือ เป็นแค่เด็กธรรมดา ต่อให้ฉลาดแต่ถ้าไม่ฝึกก็ไม่มีทักษะ ไม่เก่ง ผ่านร้อนผ่านหนาวช่วยส่งเสริมกันจนเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่ชอบวอแวน้องมากกว่าก็เถอะ.. 


    ภาพรวมของนิยายเรื่องนี้ถือว่าโอเคเลย ผู้เขียนคุมโทนเรื่องและปะติดปะต่อเรื่องราวออกมาได้ดี คละกันอย่างลงจังหวะไม่ได้มุ่งเทไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งจนสุดโต่งเกินไป แต่เอาจริง ๆ เรื่องนี้เนื้อหาเยอะอยู่นะ จะว่าเบาก็ไม่เบาจะว่าหนักก็ไม่หนักอะ555555ต้องอ่านเก็บรายละเอียด ดีที่ใช้ตัวละครประหยัดภาษาที่ใช้ให้ข้อคิดลึกซึ้งดี สอดแทรกด้วยเรื่องรัก แม้ไม่ได้มากตามสไตล์งานของคุณเขา แต่มันอุ่นใจอะ 


    พีต้าเขียนฉากหวานน้อยจนอยากร้องไห้ค่ะ คือมันจะแฝงมาทีละนิดละน้อยไม่ได้โจ่งแจ้ง ไม่ได้จีบกันนี่เมียข้าโว้ยไรแบบนี้อะนึกออกเนอะ เราชอบนะคะ เป็นธรรมชาติดีแล้วก็มีความขบขัน โมเม้นน่ารักของผู้ชายที่ภูมิใจความงามตัวเองเวลาแง่งงอนน้องแต่น้องก็เป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมา พ่อนกยูงเลยต้องง้อตัวเองและหายงอนเองแทน555555 น้องน่ารักนะคะมีครั้งหนึ่งคนพี่ทำเรื่องที่ชวนหงุดหงิดคือมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของน้องเอง น้องก็ถือกระบี่ไล่เจ้าสำนักรอบเขาเลย สมน้ำหน้า5555555 เราชอบความไม่หวือหวาของมันแต่จะนับว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียของนักเขียนก็ไม่รู้ ขนาดนิยายชายหญิงอย่างนางโจรที่เขาเขียนยังเป็นน้ำตาลที่แบบมดยังไม่อยากไต่55555 แซวๆ 


    ลิ่วเหยาเป็นนิยายครอบครั- แค่ก อ่านเพลินแต่ก็ยังมีจังหวะที่เนิบนาบซึ่งไม่ค่อยยืดมากจนมองข้ามจุดนี้ไป การใช้คำศัพท์จีนยังสมกับเป็นพีต้า ยากชิหัย เขาใช้เฉิงอวี่ (สำนวน) และกวีมาแทรกได้เก่งมากค่ะ ชั้นร้องไห้ไปอ่านนิยายไปอยากอ่านต่อแต่มันช่างช้าเหลือเกิน เพราะต้องเปิดหาความหมายของเฉิงอวี่ที่พร่ำบนในใจว่าไปขุดเอาจากไหนมา 



    อ่านเถอะค่ะ สนุก มิตรภาพดีๆ ของศิษย์ในสำนักและความรักที่ไม่หวือหวา 






    หวิวเรื่องอื่น https://minimore.com/b/ffhkT




    ทั้งนี้รีวิวอันนี้ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นจากรสนิยมการอ่านส่วนบุคคลเท่านั้น สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งประกอบกับการตัดสินใจได้แต่ไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานได้ทั้งหมด

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in