เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I am depressed girl.writeismyway
เราเกลียดเธอจัง 'ซึมเศร้า'
  • เราเกลียดเธอจัง...



    ช่วงส้ินเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เรากลับไปสถานที่อันแสนคุ้นเคยอีกครั้ง 'แผนกจิตเวช' ครั้งนี้เรากลับไปพร้อมกับอาการที่ย่ำแย่กว่าเดิม(มั้ง)
    เราเป็นเด็กจบใหม่และยังไม่มีแพลนจะสมัครงานประจำที่ไหนจริงจัง เพราะว่าอยากพัก ให้ร่างกายของตัวเองได้ชาร์จพลังและทำสิ่งที่ชอบให้สุด นั่นก็คือการทำงานเขียนที่เรารัก เรารักงานเขียน รักงานวาดภาพ เรามีความสุขที่ได้อยู่กับมัน แต่หลายครั้งคนอื่นก็มักจะบอกว่ามันคือเรื่องไร้สาระ


    ไปเป็นครูสิ รับราชการสิ สมัครงานบ้างสิ มัวเขียนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่อยากทำงานหรอก


    ก็ถูกของเขาแหละเนอะ...เรียนจบก็หางานทำซะสิ

    แต่ตอนนี้เราไม่อยากทำ เราอยากพักและใช้ชีวิตกับตัวเองให้เต็มที่
    ไม่รู้ที่เราเขียนมาทั้งหมดนี้ จะมีใครเข้าใจเราหรือเปล่า บางคนอาจจะเห็นด้วย บางคนอาจจะชินชา หรือบางคนอาจจะด่า ให้กับความคิดของเราที่เป็นเช่นนี้

    เราเคยเขียนบทความหนึ่งเกี่ยวกับ โรคซึมเศร้า เมื่อปีที่ผ่านมา จริงๆ เราเป็นโรคนี้มาได้สักระยะ น่าจะประมาณตอนปี 2 มั้งถ้าเราจำไม่ผิด จนตอนนี้เรียนจบแล้วก็ยังไม่หายสักที ราวแปดเดือนหรือสักหนึ่งปีที่แล้ว หมอเป็นคนสั่งให้เราหยุดยาเพราะเห็นว่าอาการมันดีขึ้นจนเหมือนปกติ

    แต่แล้ววันหนึ่งเราก็ไม่ปกติ คืนนั้นเรานั่งทำงานอยู่ในห้อง เครียดกับเรื่องที่บ้าน เรื่องงานที่มันถาโถมเข้ามาจนร่างกายและสมองเราเกือบพัง คืนนั้นยายเราเข้าโรงพยาบาล แม่เราไปเฝ้าไข้ยายและไม่มีใครอยู่บ้าน

    ประมาณ 3 ทุ่มกว่า เราเริ่มมีอาการเครียดและร้องไห้อย่างหนัก มือที่พิมพ์โน้ตบุ๊กยกขึ้นจิกหัวของตัวเองและขยำ น้ำตาไหลออกมา ใจของเราสั่น จู่ๆมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ เราโทรไปหาแม่พร้อมบอกว่าเราไม่ไหวแล้ว ไม่อยากอยู่ พร่ำบอกไปก็รู้สึกผิดไป ที่เราเป็นตัวเพิ่มภาระ จากแม่ที่ต้องเฝ้ายายที่โรงพยาบาลต้องมากังวลเรื่องของเราอีกคน

    โคตรแย่เลยนะว่าไหม...

    สรุปสุดท้ายโรคซึมเศร้าก็ยังเป็นเพื่อนกับเราเหมือนเดิม อาจจะไม่ได้หนักหนา หรือรุนแรงขึ้น แต่ถ้าขาดยาก็คงเป็นหนักเอาการเหมือนกัน
    จากตอนนั้นก็ผ่านมาได้ปีกว่าแล้ว เราเรียนจบ เตรียมพร้อมจะรับปริญญา ซึ่งเรากลับมองว่าใบปริญญาเป็นแค่เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในการเรียนก็แค่นั้น แต่สำหรับชีวิต ใบปริญญาไม่ได้ให้อะไรกับเราเลย เราไม่จำเป็นต้องรับด้วยซ้ำ แต่เพราะครอบครัวที่อยากเห็นเราใส่ชุดครุยพร้อมใบปริญญา

    จะเรียกได้ว่าเราคือคนแรกของบ้านที่สามารถเรียนจนจบปริญญาตรีได้คนแรก...แน่นอนว่าเขาคาดหวังเรามาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งครอบครัวฝั่งแม่และพ่อต่างก็คาดหวังกับวันนั้น เขาดูมีความสุขกันมาก ในขณะที่เราย่ำแย่กับปัญหาระหว่างเรียนมาพอทน

    พออ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจจะด่าเรา ซ้ำเติมเรา หรือบอกว่าเรามีความคิดผิดแปลก เรียนจบก็ดีแล้ว รับปริญญาก็ดีแล้ว ทำไมต้องมาทำตัวเหมือนทุกข์ทรมานอยู่ได้...

    เราแค่อยากบอกว่าภูมิคุ้มกันการใช้ชีวิตหรือระดับจิตใจของมนุษย์ทุกคนไม่เหมือนกัน บางคนเจอเรื่องที่หนักกว่าเรามาก แต่เขาสู้ไหว ในขณะที่เราเจอปัญหาที่หลายคนมักจะบอกว่าเป็นปัญหากระจอกงอกง่อย แต่เราอยากบอกว่าภูมิคุ้มกันเราไม่แกร่งพอที่จะทนปัญหาที่เจอ
    เราเจอคนอคติกับผู้ป่วยโรคนี้ ว่าตอแหล อ่อนแอ เรียกร้องความสนใจ จนไปถึงฆ่าตัวตายไม่รักพ่อแม่

    แต่ขอให้รู้ไว้เถอะ ว่าสิ่งที่ผู้ป่วยตัดสินใจมันคงจะเป็นทางออกสุดท้ายจริงๆแล้ว ตายแล้วจะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงปัญหา ตายแล้วจะไม่ต้องทนฟังเสียงทะเลาะของคนในบ้าน ตายไปแล้วจะได้ไม่ต้องมาเจอมนุษย์ประสาท และตายไปแล้วเราจะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาบ้านเมืองที่มันทำให้เราต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้

    อย่าว่าพวกเขาเลย...เพราะทุกวันพวกเขา รวมไปถึงเราก็ตำหนิตัวเองซ้ำๆว่าห่วยว่าแย่ ด่าตัวเองว่าแกร่งไม่พอ กระจอกชะมัด
    เมื่อสองวันก่อนเราฝันประหลาด ก่อนหน้านี้ไม่เคยนอนหลับและฝันได้้น่ากลัวเท่านี้มาก่อนเลย

    เราฝันว่าเราอยู่ในโรงเรียน และมีเพื่อนทีี่โรงเรียนบอกว่ามีเด็กกระโดดตึกตาย เธอตายคาที่ เราไม่เห็นเหตุการณ์ที่เธอกระโดดลงมา เราจำได้เพียงเลือนลาง ว่าเราเห็นร่างไร้วิญญาณของเด็กคนนั้นท่าทางบิดเบียดและมีคนนับสิบยืนมุงดู ใครสักคนบอกเราว่าท้องไส้ของเธอแตกทะลัก ตับ ปอด หัวใจ หลุดกระเด็นออกมาจากร่าง
    นั่นคือความฝันในวันนั้น และเราตื่นขึ้นมาด้วยสภาพย่ำแย่พอตัว

    ผ่านมาอีกวัน มีการพูดคุยเรื่องการทำงานของญาติ ลูกของเจ้าของบริษัทของญาติ มีงานทำทั้งที่พึ่งจบใหม่ได้เหมือนเรา...เขาถามว่าเราทำอะไรอยู่ สมัครงานไว้หรือยัง น้ำเสียงและหน้าตาของเขากดดันเรามาก แต่เราพยายามปรับสีหน้าและทำให้มันเป็นเรื่องตลก

    แต่จริงๆแล้วไม่เลย ไม่ตลกเลย ไม่น่าหัวเราะสักนิด เหมือนตัวเองถูกผลักตกลงเหวซ้ำๆและโดนลากขึ้นมาใหม่

    อธิบายเหตุผลไปร้อยแปดเขาคงไม่เข้าใจ จนตอนนั้นเราคิดน้อยใจและโทษตัวเองว่า 'กูห่วยขนาดที่ทำให้คนอื่นผิดหวังขนาดนี้เลยเหรอวะ?'
    จนกระทั่งตอนนี้ ตอนที่เรากำลังพิมพ์เล่าเรื่องที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครเข้ามาอ่านหรือเปล่า เรากำลังร้องไห้ให้กับโชคชะตา เหนื่อยล้ากับปัญหามากมาย สู้จนไม่อยากสู้ เหนื่อยจนอยากถอย อยากหายไปจากโลกนี้เสียเลย แต่เราก็ไม่กล้าพอที่จะทิ้งคนอีกหลายคนที่อยู่ข้างหลังเรา ทั้งที่เราทรมานเหมือนจะบ้าตาย
    เราโคตรเกลียดโรคนี้เลย ไม่อยากเป็นด้วยซ้ำ พอคิดไม่ดีก็ถูกด่า ทั้งที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะคิดสิ่งที่เลวร้าย เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ เราอยากให้คนรับรู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีต้นทุนของชีวิตที่ไม่เหมือนกัน และต้นทุนเหล่านั้นมันก็แก้ปัญหาได้เฉพาะจุดเท่านั้นเอง
    เกลียดเธอจังโรคซึมเศร้า เราไม่อยากเจอเธอเลย แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว...ว่าต่อให้เราเกลียดและผลักไสเธอมากแค่ไหน สุดท้ายเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน
    ไม่รู้ว่าจะเร็วจะช้า ที่เราจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก เพราะตอนนี้จิตใจและร่างกายของเรามันพังแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีเลย



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
star_fruit02 (@star_fruit02)
ไม่รู้ว่าคุณจะได้อ่านรึเปล่า เเต่เราอยากบอกว่ามีเราคนหนึ่งนะที่เข้าใจเรื่องที่คุณกำลังเผชิญ มันยากมากๆเลยใช่มั้ยกับการเติบโตไปอีกขั้นเมื่อเราเรียนจบ เหมือนเรื่องราวต่างๆนานาพุ่งเข้าหาเรามากมายจนอยากหันหลังหนีไป เเต่ในโลกความจริงมันทำไม่ได้นี่เนอะ เหนื่อยก็พักนะ ให้เวลาตัวเอง มองจากสิ่งเล็กๆ ตั้งมิชชั่นสำหรับตัวเองสักหนึ่งอย่าง ไม่ต้องยิ่งใหญ่สำหรับใคร ทำมันเพื่อตัวเราเองก็พอ สนุกกับมันสักตั้ง ความสุขอยู่ที่เรามองนะ ร้องไห้เบื่อเเล้ว ลองยิ้มดูสิ ปลอบใจนะ : )