เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
melancholia.sweetsingularity
7. respond


  • น่าแปลกที่คำขอร้องโง่ๆกลับติดคอ พูดออกมาไม่ได้เหมือนเป็นใบ้



    ใครก็รู้ ผมมันคนเปิดกว้าง พูดอย่างที่คิด คิดอย่างที่พูด เปิดกว้างและโปร่งใส ("แ-่ง มึงเป็นกระจกรึวะ"  -- ไอ้แบร์, พฤษภาคม 2559) ทำอะไรก็ทำไปเรื่อย เหมือนถนนเส้นตรงที่เห็นปลายทางชัดเจน 


    จีบคนมาก็เยอะ คำโต้กลับ ปฏิเสธ หรือไล่ตรงๆไม่เคยทำผมได้ 



    (กระดาษทรายหรอ พกไว้ประจำแหละ



    อย่าทำเป็นเล่นไป)



    แต่กับคนตรงหน้า คนที่หน้าตายจนอ่านสายตายากดังหนังสือปรัชญาเล่มหนา จะเอ่ยคำถามที่ฟังดูออกธรรมดาในหัว ผมกลับลังเล



    ก็ประโยคนั้นคือการล้ำเส้นครั้งสำคัญ คล้ายเรียกขอคำอนุญาตผ่านด่าน ฝ่ากำแพงที่เจ้าตัวจงใจขวางกั้นโลกภายนอกไว้ ทั้งที่เอกสารยื่นอนุมัติทางผ่านมีแค่ความในใจผมเอง



    (...อ้วกกันเสร็จยังครับ



    โอเคเนอะ


    ต่อดีกว่า--)



    ต้องขอบคุณโรงละคร ฮาโรลด์ พินเต้อร์ ที่หยิบละครเวทีของเอ็ดเวริ์ด อัลบี้ มาแสดงอีกรอบ ทำให้ผม(แกล้ง)ชวนเด็กบ้าละครเวทีอย่างฟินน์มาดูรอบมาร์ตินี่ตอนบ่ายวันพุธได้ไม่ยากนัก



    "พอดีพี่ชนะล็อตเตอรี่ละครเวทีอ่ะ สองที่นั่ง ฟินน์อยากไ--"


    "เรื่องอะไร"


    "Who's Afraid of Virginia Woolf? เราจะ--"


    "ได้"


    "ห๊ะ"


    "ก็ตกลงไง. ไปสิ. ไม่ได้ยินผมพูดหรอ"


    "ดะ--ได้ยิน... แต่--"



    แล้วคนที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยยอมไปเดทกับใครก็มาเดทกับผมซะงั้น



    (โอเค ผมโกหกเรื่องล็อตเตอรี่



    แต่ริจะจีบเด็กติสต์แตกก็ต้องลงทุนบ้างมั้ย)



    ฟินน์ยืนไถมือถืออยู่แถว stage door หลังโรงละคร สีหน้าว่างเปล่า ขาเรียวในกางเกงยีนส์รัดรูปทำผมกลืนน้ำลาย



    "หนุกป่ะ" ผมถาม เท้าแขนกับกำแพง มองน้องอย่างใจเย็น



    ละครก็จบแล้ว นักแสดงก็ออกมาแจกลายเซ็นเรียบร้อย แต่เด็กตัวเล็กของผมยังไม่หนีไปไหน



    เอ้า ถือว่าเป็นลางดี



    "ดีเลยแหละ" ฟินน์ตอบ ยิ้มมุมปากนิดๆ (อ่า ใจผม...) แล้วก็พูดต่อเยอะที่สุดที่ผมเคยได้ยินเสียงเข้มนั้นพูดมา (นึกอยากจะอัดไว้--)


    "ทั้งสี่คนแสดงโคตรเก่ง ไม่ได้ดูอะไรแรงๆ ใส่พลังสุดๆยังงี้มานานละ บทละครนี่เหมาะกับการแสดงออกเสียงตะโกนดังๆจริง”



    ทำเป็นช้อนตามอง



    ทั้งที่ใจผมลงไปกองกับพื้นตั้งแต่เห็นหน้าฟินน์ตรงทางออกรถไฟใต้ดิน Piccadilly Circus แล้ว



    "ขอบคุณที่ชวนนะพี่"



    ผมส่ายหน้า โบกมือเป็นพิธีการไปงั้น 



    "เอาหน่า-- ยี่สิบปอนด์เอง พี่จ่ายไหว"



    (หกสิบ--)



    ฟินน์เอียงคอ เลียริมฝีปากนิด ผมแอบเอะใจว่าคงอ่านคำโกหกของผมออก



    "อะ ไม่ยักรู้ว่าเป็นสายเปย์"



    คำหยอกเย้า! นี่ผมชนะผ่านด่านไปอีกขั้นแล้วหรือ



    ผมยิ้มกว้าง เสยผมตัวเองเก้อๆ



    "ก็... ทำได้เสมอ--ถ้าเป็นฟินน์..."



    เจ้าตัวไอค่อกแค่กแรงๆ เบือนหน้าไปหัวเราะกับกำแพง



    ผมได้แต่ก้มหน้ามองรองเท้า พยายามไม่คิดถึงไฟร้อนอุ่นที่แก้มสองข้าง



    “รู้”  หนุ่มแว่นหันกลับมาพูดสั้นๆ ริมฝีปากบางเหยียดตรง “ผมรู้ดี”



    ตรงนี้แหละที่ผมอ้ำอึ้ง 


    ถ้าฟินน์จะไป จะรีบกลับหอตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรรั้งเขาได้


    ผมสิ จองละครรอบบ่ายไว้เพราะกะจะเผื่อเวลาอยู่กับเขาตอนเย็น


    ไหนๆ ก็ได้ดึงตัวมาเดทแล้วนี่



    “ว่าแต่--“  ผมย่ำเท้าอยู่กับที่ เหลือบมองตาฟินน์​  “--เราหิวยัง...”



    ฟินน์หัวเราะหึ เสียงต่ำนั้นก้องในหูผม



    “ไปร้านเกาหลีแถวมหาลัยก็ได้”  


    มือขาวเอื้อมมาจับมือผมไว้


    “ไก่ทอดอร่อยดี--”


    หัวใจผมกระตุกไปตามแรงกระตุกเบาๆของมือเราสองคน


    “—ผมชอบ."




    //


    ตอนแรกที่ได้ประโยค "There are times when people seem not to know their own hearts." จากหนังสือ Stumbling on Happiness (Daniel Gilbert) มา วาดภาพตอนนี้ต่างไปมาก สรุปพอเขียนกลับเป็นงี้5555


    เพลงที่ฟังระหว่างบิ้วต์เขียนตอนนี้คือ อยู่ต่อเลยได้ไหม ของพี่สิงโต ค่ะ5555  แต่พอจบมาเป็นบทละคิดถึงเพลงนี้มากกว่า

    อารมณ์แบบ ยิ้มของใครคนนั้นทำให้โลกเราสดใสไปเลย... 


    ละคร Who's Afraid of Virginia Woolf? เป็นเรื่องที่เราชอบมากๆๆ ตั้งแต่เรียนมอปลาย เป็นหนึ่งในที่มาสไตล์/ธีมการเขียนทุกวันนี้ เพราะธีมของเรื่องที่เล่นกับความจริง/ภาพลวง ธรรมชาติของมนุษย์ ชีวิตคู่ ตัวหนังหาดูได้จากเวอร์ชั่นคลาสสิก (1966) ลิซ เทย์เลอร์​ กับ ริชาร์ด เบอร์ตัน แสดงนำ กำกับโดยไมค์ นิโคลส์ (Elizabeth Taylor, Richard Burton; dir. Mike Nichols) 



    มีโอกาสได้ไปดูที่โรงละคร Harold Pinter, Haymarket เหมือนฟินน์ ละเจอเพื่อนสนิทที่นั่น เลยชอบย่านเฮย์มาร์เกตเป็นพิเศษ (ใจจริงก็คิดถึงทุกย่านละ)


    ไก่ทอดเกาหลีแถวมหาลัย (Russell Square, รัสเซล แสควร์) อร่อยมากค่ะ มีความดีงาม คิดถึงน้องฟินน์ คิดถึงไก่ทอดจริงๆ


    ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้เลยค่ะ คุยกับเรา เม้นท์ข้างล่าง รบกวนกดบอกคนเขียนด้วยน้าว่าเป็นไง



    ขอบคุณทุกคนที่ตอบรับแฮซฟินน์อย่างอบอุ่น และ ขอบคุณทุกกำลังใจเสมอค่ะ



    x


    ข้าวเอง.


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in