ในวันอากาศร้อนจัดแทบจะแผดเผาร่างบนเชิงตะกอน
หนึ่งคนกำลังเกิดใหม่ หนึ่งคนกำลังแตกดับสูญสลาย เป็นวัฏจักรของครอบครัวใหญ่ที่วนเวียนไปไม่รู้จบ
ความตายใกล้ห่างเราเพียงกำแพงกั้น ฉับพลันที่ขาก้าววิ่งออกไป ช่วงเวลานั้นตัดสินได้ว่าใครจะไปหรืออยู่
ความตายไม่เงียบเชียบดังคิด มันไม่นิ่งเรียบเฉย แต่กลับส่งเสียงดังลั่น ลมหายใจแผ่วบางจนหนวกหู กระดูกกระเดี้ยวร่ำไห้แตกร้าว อวัยวะภายในร่อยหรอจนเหมือนไม่เหลือ เป็นความทุกข์ทรมานถึงที่สุดเท่าที่มนุษย์จะอดทนได้
ถ้าไม่เป็นการเกิดก็คงตาย เมื่อเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาลขึ้นอยู่กับใครอีกคนหนึ่ง
ไม่ผิดแน่ถ้ามันจะชัดเจนเสมอในทรงจำ ไอแดดร้อนระอุ ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าคับแคบกดดัน แววตาว่างเปล่าที่ปราศจากความหวังใดให้ฝันถึง กลิ่นกายของวัยชราที่ใกล้ถึงวันโรยราเต็มที และผ้าผืนยาวหนึ่งช่วงตัวผืนหนึ่งนั้น
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ตัวตนของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในทุกมิติ
นึกห้าวหาญว่าอย่างน้อยได้เข้าใจความปรารถนาสุดท้ายของชีวิตขึ้นมาบ้าง ทั้งความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความกลัวสุดขั้วหัวใจของพิราบชราที่เก็บเกี่ยวชั่วโมงบินได้มากมายกว่าใคร ทั้งหมดล้วนประกอบสร้างขึ้นมาเป็นชีวิตที่ลุ่มรักมากเสียจนอยากทำลายมันด้วยน้ำมือตัวเองในบางครั้ง
ระยะทำใจคงสำเร็จผลได้ก็คงเมื่ออะไรๆเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากต้นไม้สูงใหญ่ไม่ยืนต้นอีกแล้ว การเฝ้าดูกิ่งก้านและใบร่วงหล่นสู่ผืนดินอย่างห้ามไม่ได้ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อใดที่มันถูกทำให้ตาย การเผชิญซึ่งหน้าอย่างไม่คาดคิดส่งผลให้ระยะทำใจพลันอันตรทานหายไปราวกับไม่เคยเตรียมพร้อมกับความตายมาก่อน
ได้แต่ตั้งคำคำถามว่าหรือความตายคือวันเวลาไร้จุดหมายที่ทำได้แค่จินตนาการถึงเท่านั้น หรือความตายคือการมองดูพระอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างเงียบเชียบในทุกวัน หรือความตายคือทุกขณะชีวิตที่หัวใจยังคงเต้นเพียงแต่ไม่รู้เมื่อไร
ในวันอากาศร้อนจัดแทบจะแผดเผาร่างบนเชิงตะกอน
ตะวันก็เคลื่อนคล้อยไปก่อนจะได้เผาใครเป็นเถ้ากระดูก
ยืดเวลาให้ต้นไม้สูงใหญ่ได้ยืนต้นตายตามครรลองของมัน
ตราบใดที่แสงแดดยังคงอุ่นจนร้อนและละอองไอบนอากาศยังมีให้หายใจ
การเก็บกวาดเศษซากทั้งหลายที่ร่วงหล่นก็คงเป็นหน้าที่ของคนอยู่
เพียงหวังให้ความตายนั้นนิ่งเรียบเฉย
เป็นแค่ดวงตาที่สู้แสงมานานนั้นค่อยๆปิดลง.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in