เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My USA DiaryJust plus
Chapter 1 : Before I go
  • Chapter 1 : Before I go


    Hesitant


    ฉันเริ่มเขียนไดอารี่ลงในแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์ตั้งแต่เด็ก เพราะฉันเป็นคนที่จำอะไรไม่ค่อยได้ และฉันคิดว่าคงเสียดายความทรงจำที่สำคัญถ้าฉันลืมมันไปหมด ฉันเริ่มจดอย่างจริงจังขึ้นในปีก่อนที่ฉันจะได้ไปอเมริกา

    ปีก่อนไปแลกเปลี่ยนเป็นปีที่ฉันทั้งสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายในฝันได้และสอบติดโครงการแลกเปลี่ยน มันน่าจะเป็นปีที่มีความสุขมาก แต่จริงๆแล้วมันอาจเป็นปีที่ฉันเครียดที่สุดเลย ฉันได้รับแรงกดดันหลายอย่าง พ่อแม่ของฉันไม่ค่อยแน่ใจกับการไปแลกเปลี่ยนคนเดียวเพราะเป็นห่วงฉัน เราจึงทะเลาะกันหลายครั้งก่อนไปจนเกือบไม่ได้ไปแล้ว นอกจากนั้นฉันยังพึ่งเข้าโรงเรียนมัธยมใหม่ ต้องปรับตัวกับสังคมเพื่อนใหม่และระบบการเรียนที่ยากมากขึ้น

    ช่วงนั้นฉันเครียดและสับสนกับทุกอย่าง ฉันไม่รู้ว่าฉันตัดสินใจถูกไหมที่มาเข้าโรงเรียนนี้เพราะตอนแรกแค่คิดจะมาลองสอบเฉยๆ คงไม่ติดจริงๆ เส้นทางเดิมที่วางแผนไว้มันต่างจากที่ฉันกำลังทำมาก ฉันไม่รู้ว่าควรไปอเมริกาดีไหม ฉันไม่เคยไปไหนคนเดียวมาก่อนและกลัวการเจออะไรที่แตกต่าง

    แต่การได้ไปค่ายของโครงการแลกเปลี่ยนและพบเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นๆในช่วงก่อนไปแลกเปลี่ยนนั้นทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังกับอนาคตนี้อย่างมาก ฉันเริ่มมองการไปอเมริกาเหมือนความฝันที่ฉันจะหนีจากขั้นตอนที่จำเจของการสอบเข้าและแรงกดดันของค่านิยมที่ต้องตั้งใจเรียนมีเกรดสวยๆตลอดเวลา ฉันตั้งตานับวันรอวันที่ฉันจะได้นั่งเครื่องบินออกไปสู่แดนแห่งอิสระนั่น


    Failed Mission


    ระหว่างรอวันนั้นมาถึง ฉันก็ได้พบกิจกรรมที่ทำให้ฉันมีความสุขมากจากเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนมัธยม(ฉันได้เริ่มเรียนแค่ 1 เทอมก่อนไปอเมริกาแล้วต้องกลับมาซ้ำชั้น) นั่นคือ บอร์ดเกม เพื่อนๆพาฉันไปเล่มเกมที่ร้านคาเฟ่บอร์ดเกมแห่งหนึ่ง ตอนแรกฉันก็กลัวๆอยู่เพราะเล่นเกมไม่เก่งและไม่เคยเล่นบอร์ดเกมมาก่อน แต่ปรากฏว่ามันเป็นสิ่งที่สนุกสุดๆ ฉันพบว่ามันเป็นกิจกรรมที่ทำให้คนที่แทบไม่รู้จักกันได้มาสนิทกันมากขึ้นอย่างง่ายดาย ฉันจึงชวนเพื่อนๆคนอื่นมาเล่นบ่อยเท่าที่ทำได้ 

    ไม่นานความคลั่งใคล้ของฉันถึงขีดสุด ฉันเลยตัดสินใจชวนเพื่อนๆมาสร้างชมรมบอร์ดเกมขึ้นที่โรงเรียน มันยุ่งยากมากเพราะต้องขออนุญาติครู ทำเอกสาร แถมผอ.ยังบอกว่าชมรมมันมีเยอะอยู่แล้วทำไมต้องมีเพิ่มด้วย ฉันใช้เวลาอยู่นานในการวิ่งหาครูที่จะช่วยมาเป็นครูที่ปรึกษาชมรมแต่สุดท้ายมันก็ถูกยกเลิกไปหมดเมื่อฉันต้องออกเดินทางไปอเมริกาและไม่มีใครอยู่ดูชมรมต่อ


    New Beginning


    พอฉันได้ข้อมูลโฮสต์มาจากโครงการฉันตื่นเต้นมากและรีบส่งอีเมลทักทายโฮสต์ ฉันอ่านข้อมูลเมืองและข้อมูลครอบครัวโฮสต์ที่เขาส่งมาให้ ฉันได้เมืองเล็กๆในรัฐ Pennsylvania ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ส่วนครอบครัวโฮสต์ดูจากรูปแล้วมีหลายคนมาก เป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกหลายคน แต่ส่วนใหญ่โตแล้วจึงมีแค่เอลลี่พี่สาวที่โตกว่าฉัน 2 ปีและหลานสาวชื่อ แอดเดลเล่ อายุ 6 ขวบอยู่บ้านด้วย พวกเขามีสุนัขตัวใหญ่ 2 ตัวและแมวอีก 2 ตัว ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก 

    ฉันเครียดมากตอนเขาไม่ตอบอีเมลฉันหลังผ่านไปหลายวันแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่าจริงๆเขาส่งตอบมาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพอกลับมาดูข้อความกลับหายไป ฉันโล่งอกมากเพราะนึกว่าเขียนอะไรไม่เหมาะสมไปเขาเลยไม่ตอบสักที คนที่ตอบฉันมาคือโฮสต์มัมของฉันซึ่งทำงานเป็นนักจิตวิทยา ฉันเลยยิ่งอยากเจอครอบครัวนี้เพราะฉันก็มีความฝันอยากเป็นนักจิตวิทยาอยู่เหมือนกัน

    และแล้ววันที่ฉันรอคอยก็มาถึง พ่อของฉันขับรถมาส่งฉันพร้อมครอบครัวทั้งหมด ฉันไม่ได้ร้องไห้วันนี้ แต่เมื่อวานร้องไปแล้ว ถึงแม้เราจะทะเลาะกันบ่อยฉันก็รักพวกท่านมาก ฉันกอดครอบครัวของฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้าสนามบินพร้อมกับเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนคนอื่นๆ บนเครื่องบินฉันนั่งข้างนักเรียนแลกเปลี่ยนผู้หญิงคนหนึ่ง พอนั่งไปสักพักผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้สะอื้นเบาๆ ฉันจึงหันไปถามว่าเธอโอเคไหม ในมือของเธอมีสมุดเล็กๆที่เต็มไปด้วยรูปครอบครัวและข้อความให้กำลังใจที่คนในครอบครัวเขียนให้เธอ ฉันกอดเธอและปลอบใจเขาเบาๆก่อนจะกดฟังเพลงใหม่ของ Charlie Puth วนต่อไปเรื่อยๆ

    ในช่วงเวลาตั้งแต่ 3 ชั่วโมงแรกที่ไปลงฮ่องกงและต่อเครื่อง 12 ชั่วโมงไปนิวยอร์ก ฉันแทบไม่ได้หลับเลยเพราะบางทีรู้สึกกลัวเวลาเครื่องบินตกหลุมอากาศหรือสั่นและผู้หญิงที่นั่งหลังฉันก็กรนเสียงดังมากด้วย แต่ที่แน่ๆฉันไม่รู้สึกเศร้าพอที่จะร้องไห้เลย ฉันรอไปถึงที่นั่นไม่ไหวแล้ว


    “Knew we would crash at the speed that we were going รู้ว่าเราคงพังพินาศ​ด้วยความเร็วที่เป็นอยู่

    Didn't care if the explosion ruined me ฉันไม่แคร์ว่าระเบิดนี้จะทำลายฉัน”

    - Dangerously, Charlie Puth



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in