เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 14 : How to catch wild rabbit






  • เจย์เดนยืนมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกเงาบานใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังเหนืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ชุดนอนสีกรมท่าตัวใหญ่โคร่งของแดนเนลนั้นดูจะพอเหมาะพอดีกับขนาดตัวของเขามากกว่าที่คิดเอาไว้ เขายืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งที่ความจริงแล้วนี่มันก็เป็นเพียงแค่การอาบน้ำเตรียมเข้านอนตามปกติเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมเขาในยามนี้ถึงได้ทำตัวราวกับว่ากำลังอาบน้ำเพื่อเตรียมจะออกไปทำธุระสำคัญเสียได้

    ร่างสูงนึกขำในความเสียอาการของตนเอง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความอึดอัดใจแต่อย่างใด ทว่าเป็นความขัดเขินเสียมากกว่า ซึ่งมันก็ทำให้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงเป็นแบบนี้ไปเสียได้ ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องอยู่ร่วมห้องหรือนอนร่วมเตียงกับเพื่อนร่วมงานเสียหน่อย

    เขามั่นใจว่าตนไม่เคยรู้สึกประดักประเดิดแบบนี้เลยสักครั้งเมื่อต้องอยู่ร่วมกับเทย์เลอร์ที่เป็นคู่หู แม้กระทั่งยามที่เขาต้องอยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้สนิทสนมด้วยก็ไม่เคย

    หรือว่าบางทีมันอาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายคือแดนเนล

    บางทีน่ะนะ...

    ทันทีที่เจย์เดนเปิดประตูและก้าวออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนจางชวนผ่อนคลายของดอกคาโมมายล์ รวมถึงเสียงฝนตกที่ดังคลอออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งบนโต๊ะหัวเตียง ฝั่งที่แดนเนลเป็นฝ่ายครอบครองนั้นด้วย

    เทียนหอมกลิ่นดอกคาโมมายล์ยังคงมีเปลวไฟติดอยู่ น้ำตาเทียนที่หลอมละลายด้วยความร้อนแผ่ขยายจนปกคลุมไปทั่วบริเวณผิวด้านบนของเทียนหอมยี่ห้อดัง และผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นก็กำลังนอนนิ่งเบิกตาโพลงอยู่บนเตียง ทั้งที่บนหน้าอกของเจ้าตัวมีผ้านวมผืนหนาคลุมทับอยู่เสร็จสรรพอย่างคนที่พร้อมนอนเต็มที

    ท่าทีที่แสนจะขัดกันของอีกฝ่ายนั้นถึงกับทำให้เจย์เดนหลุดหัวเราะออกมา และเสียงของเขาก็ดังจนทำให้ใครอีกคนที่นอนอยู่นั้นหันมามองเมื่อได้ยิน

    "ผมคิดว่าคุณหลับไปแล้วเสียอีก เห็นตอนจะขึ้นมาคุณบอกว่าง่วง"

    เขาที่จัดแจงพาดผ้าขนหนูกับราวตากผ้าในห้องเสร็จเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้น สองขาของเขาก้าวตรงไปยังเตียงที่อีกฝ่ายแบ่งที่ว่างไว้ให้ครึ่งหนึ่ง

    "ก็ตอนนั้นน่ะง่วงมากจริง ๆ นะ แต่พออาบน้ำเสร็จมันก็ดันหายง่วงเฉยเลย ตอนนี้รู้สึกเหมือนอยากลุกไปทำงานต่อสุด ๆ"

    "คนเราต้องพักผ่อนนะคุณ" เขาเอ่ย "ผมว่าตอนนี้ที่คุณควรทำที่สุดคือรอให้ผมเดินไปปิดไฟ ดับเทียนหอม แล้วก็หลับตาลง"

    "ถ้าแค่หลับตาแล้วหลับไปเลยมันก็ดีน่ะสิ"

    "ไหนคุณบอกว่าคุณหลับง่ายไง"

    "แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดที่ว่าพอสั่งให้ตัวเองหลับก็หลับทันทีเลยไหมล่ะ"

    เจย์เดนหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้ามุ่ย ๆ ของคนบนเตียง เขาชอบเวลาที่แดนเนลมีท่าทีเป็นกันเองแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ขยับเข้าไปทำความรู้จักอีกฝ่ายมากขึ้นอีกนิด และนั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาไม่น้อย

    "งั้นเอางี้...ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่ง่วงก็ให้ผมนอนคุยเป็นเพื่อนจนกว่าคุณจะหลับ แบบนี้ดีไหม?"

    "คุณมีแผนจะหลอกถามอะไรผมอีกล่ะสิ"

    "ระแวงกันเกินไปแล้ว คุยกันเรื่องทั่วไปนี่แหละ อย่างเรื่องเทียนหอมที่คุณใช้ ไม่ก็หนังสือที่คุณอ่าน หรือจะเป็นเรื่องอาหารที่คุณชอบก็ได้นะ"

    "เอาเถอะ จะคุยเรื่องอะไรก็ตามใจคุณเลย แต่ถ้าคุยๆ กันอยู่แล้วคุณเกิดนึกอยากเล่นบทเอฟบีไอกับผู้ต้องหาขึ้นมา ผมจะให้คุณไปนอนที่โซฟา"

    "ดุจริง ๆ เลยนะคุณเนี่ย ผมไม่ยอมให้คุณไล่ไปนอนที่อื่นหรอกน่า"

    "ก่อนหน้านี้ยังบอกอยู่เลยไม่ใช่หรือไงว่านอนที่ไหนก็ได้ โซฟายังได้เลยน่ะ"

    "มันก็นอนได้ แต่เตียงคุณดูน่าสบายกว่าเยอะ" เจย์เดนเอ่ยขณะพาตัวเองตรงไปยังสวิตช์ไฟบริเวณผนังของห้อง "ผมปิดไฟแล้วนะ"

    สิ้นคำ หลอดไฟที่อยู่บนเพดานก็ดับลง ภายในห้องมีเพียงแสงสว่างเล็ก ๆ จากเทียนหอมที่จุดอยู่บนหัวเตียงเท่านั้น และเจย์เดนก็จัดแจงอำนวยความสะดวกให้แก่คนที่กำลังนอนอยู่ด้วยการเดินไปดับเทียนหอมนั้นให้กับอีกฝ่าย

    "การมีเพื่อนร่วมห้องมันดีแบบนี้เองสินะ" เขาได้ยินเสียงของแดนเนลดังงึมงำขึ้นมาเมื่อล้มตัวนั่งลงบนเตียง "ไม่ต้องลุกไปปิดไฟเอง ขนาดเทียนหอมยังไม่ต้องขยับตัวไปดับเองเลย"

    "ใช่ไหมล่ะ" เขาหัวเราะเบา ๆ "รู้อย่างนี้แล้วคุณอย่าไล่ให้ผมไปนอนที่โซฟานะ"

    "นั่นมันก็ต้องแล้วแต่ว่าคุณจะทำตัวยังไง"

    อันที่จริงแล้วเจย์เดนก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าแดนเนลมีมุมตลกและน่าเอ็นดูอยู่ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมากถึงขนาดที่ทำให้เขายิ้มขำได้ไม่หยุดเลยอย่างนี้

    และแน่นอนว่าเขาค่อนข้างชอบอีกฝ่ายในตอนนี้มากกว่าจริง ๆ

    "ถ้าอย่างนั้นผมจะพยายามเป็นเพื่อนร่วมเตียงที่ดีของคุณนะ"

    "อือ...มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว" แดนเนลเอ่ยพลางหลับตาลง ร่างผอมโปร่งนั้นขยับตัวไปมาเล็กน้อยใต้ผ้าห่มเพื่อจัดให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สบายที่สุดสำหรับการนอน "ผมว่าผมเริ่มจะง่วงแล้วล่ะ คุณเองก็นอนเถอะ ฝันดีนะ"

    "ครับ ฝันดี"





    เพราะการเข้านอนผิดเวลา ทำให้เจย์เดนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึกของคืนนั้น ความเคยชินจากการนอนคนเดียวมาโดยตลอดทำให้เขาไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอะไรกับการที่ข้างกายของเขาว่างเปล่าในยามตื่น ทว่านาทีถัดมาที่เขาเริ่มมีสติ ความว่างเปล่านั้นก็ถึงกับทำให้ใจของเขาหล่นวูบ

    แดนเนลหายไปไหน?

    เจ้าหน้าที่หนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียง อาการง่วงงุนที่ยังคั่งค้างมาจากการอดนอนจนทำให้นาฬิกาชีวิตผิดเพี้ยนไปนั้นหายวับไปในทันที

    ภายในห้องและห้องน้ำว่างเปล่า ไร้วี่แววของร่างผอมโปร่งผู้เป็นเจ้าของพื้นที่บนเตียงอีกครึ่งหนึ่ง

    ก่อนที่หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นเข้าหากันของเขาค่อย ๆ คลายออกจากกันเมื่อเขารวบรวมสติได้ครบถ้วน เจย์เดนถอนหายใจออกมาเบา ๆ  ความตื่นตกใจเมื่อครู่นั้นลดลงไปมากจนแทบไม่เหลือ

    อย่างไรแล้วที่นี่ก็เป็นฐานของซีไอเอ หนำซ้ำยังอยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศอีกต่างหาก ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตรายกับผู้อาศัยนั้นถือว่าน้อยมากหากเทียบกับบ้านของคนทั่วไป เพราะยังไงกองทัพอากาศคงไม่ยอมปล่อยให้ใครเข้ามาแหย่รังได้โดยง่ายอยู่แล้ว

    เจย์เดนสังเกตเห็นกระเป๋าเดินทางของตนวางอยู่ตรงปลายเตียง ไทรอนคงกลับมาถึงที่นี่แล้ว ร่างสูงจัดการล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่แม้จะมั่นใจได้ว่ามันสะอาดแต่กลับยับย่นจนเหลือทน ทักษะการจัดกระเป๋าของเทย์เลอร์นั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่เอาการ เพราะเจ้าตัวเล่นจับเสื้อผ้าทุกชิ้นของเขายัดลงในกระเป๋าโดยไม่แม้แต่จะช่วยจัดเรียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นผสมปนกันไปหมดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือแม้แต่ของใช้อื่น ๆ โชคดีที่พวกฝาขวดครีมอาบน้ำกับยาสระผมของเขาไม่เปิดออก ไม่อย่างนั้นกระเป๋าของเขาคงเละเทะยิ่งไปกว่านี้อีก

    "ไง หลับสบายไหม?"

    เป็นแดนเนลที่เอ่ยทักขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้องครัว

    "สบายมาก สบายจนไม่รู้ตัวเลยว่าคุณลุกจากเตียงไปตอนไหน" เขาเอ่ยก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย "คุณตื่นนานแล้วเหรอ?"

    "ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก นั่งกินไอ้นี่ได้ไม่ถึงครึ่งคุณก็ลงมา" แดนเนลตอบพลางใช้ปลายส้อมที่อยู่ในมือชี้ไปยังแม็คแอนด์ชีสในกล่องอาหารพลาสติกที่วางอยู่ตรงหน้าของเจ้าตัว "มื้อเย็นที่พวกนั้นทำไว้หมดไปนานแล้ว เหลือก็แต่อาหารแช่แข็งในตู้เย็น คุณเลือกเอาได้ตามใจเลย"

    "อ้อ โอเค"

    ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นตามที่อีกฝ่ายบอกและเลือกเอาพาสต้าแช่แข็งยี่ห้อดังห่อหนึ่งออกมาเข้าไมโครเวฟ แม้ปกติเขาจะไม่ค่อยชอบทานพวกอาหารแช่แข็งสักเท่าไหร่ แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ควรทำตัวเรื่องมากในเรื่องอาหารการกินนัก โดยเฉพาะในช่วงกลางดึกที่ร้านอาหารปิดไปหมดแล้วแบบนี้

    เจย์เดนใช้เวลายืนรอไม่นานนักไมโครเวฟก็ส่งเสียง เขานำพาสต้าอุ่น ๆ ที่แม้จะไม่ได้สดใหม่แต่ก็พอจะกินแก้ขัดให้อิ่มท้องไปก่อนออกมาแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับแดนเนล

    "วันนี้ผมต้องไปสถาบันนิติเวช คุณอาจจะต้องไปด้วยนะ"

    "ผม?" แดนเนลเลิกคิ้วสูง และในอีกวินาทีถัดมาหัวคิ้วทั้งสองของเจ้าตัวก็ขมวดเข้าหากัน "นี่คุณยังไม่เลิกสงสัยผมสินะ"

    "เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น" เจย์เดนรีบปฏิเสธในทันที "แต่ยังไงดีล่ะ ผมไม่คิดว่าจู่ ๆ การที่ในห้องเซิฟเวอร์นั่นก็มีศพหลังจากที่พวกเราแอบเข้าไปมันจะเป็นเรื่องบังเอิญ อีกอย่าง...คุณน่ะชอบพาตัวเองไปหาเรื่องอันตราย ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาอีกแล้วแดนเนล ถ้ามัดตัวคุณติดไว้กับผมได้ผมคงทำไปแล้วล่ะ"

    "ที่จริงแล้วคุณไม่ต้องจริงจังกับการคุ้มครองผมขนาดนั้นหรอกเจย์เดน พวกเขาตื่นตูมกันไปเองทั้งนั้น หรือต่อให้เกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ ผมก็สามารถดูแลตัวเองได้"

    "ผมรู้ว่าคุณดูแลตัวเองได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยการมีผมอยู่ด้วยมันก็น่าจะดีกว่ามีคุณแค่คนเดียว คุณไม่คิดว่าอย่างนั้นเหรอ?"

    "ก็คงงั้น แต่มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นนักโทษอีกครั้ง ที่ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็มีคนจับตาดูอยู่ตลอด" แดนเนลเอ่ย เจ้าตัวเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมา "ไม่สิ อันที่จริงนี่มันยิ่งกว่าตอนอยู่ในคุกเสียอีก อย่างน้อยในคุกพวกผู้คุมก็ไม่ได้ประกบติดผมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบคุณ"

    "ขอโทษที่ทำให้คุณต้องอึดอัดนะ"

    "คุณจะขอโทษทำไม ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวเสียหน่อยที่กำลังเป็นนักโทษอยู่ แต่คุณเองก็ด้วยไม่ใช่หรือไง?" แดนเนลสบตากับเจย์เดนก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ "เว้นก็แต่คุณจะไม่ได้รู้สึกอัดอัดเลยที่มีผมคอยจับตามองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้"

    คำถามนั้นทำเอาคนฟังชะงักงันไปครู่ใหญ่ ว่ากันตามตรงแล้วเจย์เดนไม่เคยตระหนักถึงมุมที่แดนเนลเอ่ยเลย เพราะสำหรับเขาแล้วนั้นอีกฝ่ายไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นเพื่อนร่วมงานที่เขาต้องคอยคุ้มครอง การที่เขาต้องคอยจับตามองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลานั้นก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัว ทว่าเขากลับไม่รู้เลยว่ามันทำให้แดนเนลรู้สึกเหมือนถูกริดรอนเสรี เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้

    รวมถึงเรื่องที่เขาเองก็กำลังถูกแดนเนลจับตามองอยู่เหมือนกันนั่นด้วย

    "ผม...ไม่รู้สิ" เขาตอบ "แต่ผมไม่ได้อึดอัดอะไรนะเวลาที่อยู่กับคุณ"

    "แล้วหลังจากนี้ล่ะ? หลังจากที่คุณรู้ว่าผมเองก็กำลังดูคุณอยู่เหมือนกัน"

    "ก็คงไม่อยู่ดีนั่นล่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้คุณรู้คือผมไม่ได้คิดจะจับผิดอะไรคุณเลย ผมแค่ต้องการรู้ว่าคุณยังปลอดภัยดี และผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องไปเจอกับเรื่องอันตราย แค่นั้น"

    "เป็นไปไม่ได้หรอกคุณ ผมไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าตัวเองจะปลอดภัย" แดนเนลหัวเราะเบา ๆ "คุณคิดว่าริชาร์ดจะเอารายชื่อสายลับไปทำไมกันล่ะ แฮกเกอร์แบบไหนกันที่จะอยากได้ของพวกนี้ ที่เรากำลังทำอยู่น่ะไม่ใช่แค่การตามล่าตัวริชาร์ดอย่างเดียวหรอกนะ แต่รวมไปถึงการลากไส้พวกที่หนุนหลังเขาอยู่ออกมาด้วย พวกเราตามเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และการได้ตัวริชาร์ดมาก็คือประตูที่จะเปิดให้เราเข้าถึงตัวพวกที่เหลือ แต่ต้องหลังจากที่เราหยุดริชาร์ดและจับเขาได้เสียก่อน"

    "แล้วคุณคิดว่าคุณจะหยุดเขาได้ไหม? ทั้งสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ หรือแม้แต่สิ่งที่เขากำลังจะทำในอนาคต"

    "เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้หรอก คุณอาจจะคิดว่าการที่ผมเคยเป็นคู่หูเขาจะทำให้ผมรู้ทันเขาทุกอย่าง แต่อย่าลืมว่านั่นมันก็ผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้ว เขาไม่ใช่ริชาร์ดคนเดิมที่ผมรู้จัก และผมเองก็ไม่ใช่คู่หูของเขาแล้วด้วยเหมือนกัน"

    ดวงตาที่เจือแววเศร้าสร้อยยามประหวัดถึงเรื่องราวในอดีตของแดนเนลนั้นทำให้เจย์เดนสัมผัสได้ว่าลึกลงไปแล้วนั้นอีกฝ่ายยังคงมีความอาวรณ์ต่ออดีตคู่หูอยู่ไม่น้อย

    และมันก็ยิ่งทำให้คำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอดีตคู่หูแฮกเกอร์ที่ค้างคาอยู่ในใจของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

    "ความจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นแค่อดีตคู่หูของคุณใช่ไหม? ริชาร์ดน่ะ"

    "คุณหมายความว่ายังไง?"

    "คุณรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าคุณดูเศร้าทุกครั้งเวลาที่พูดถึงเขา" เจย์เดนเอ่ย "มันเหมือนกับ...คนที่ยังคงอาลัยอาวรณ์คนรักเก่า อะไรแบบนั้น"

    แดนเนลนิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด แววตาของอีกฝ่ายวูบไหวไม่แน่วแน่มั่นคงเหมือนยามปกติ เวลาผ่านไปหลายอึดใจโดยมีแต่ความเงียบ ในที่สุดแดนเนลก็วางส้อมในมือลงแม้ว่าแม็คแอนด์ชีสเพิ่งจะพร่องไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ก่อนที่เสียงขาเก้าอี้เสียดกับพื้นจะดังขึ้นเมื่อร่างผอมโปร่งลุกขึ้นยืน

    "ผมอิ่มแล้วล่ะ คุณจะไปสถาบันนิติเวชตอนไหนก็บอกผมแล้วกัน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั่นแหละ"

    น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นฟังดูนิ่งเรียบ และเจย์เดนก็รู้ว่ามันเป็นเพราะการที่เขายื่นมือไปสะกิดแผลเก่าของอีกฝ่ายเข้า

    "ผมขอโทษนะที่ถามอะไรไม่เข้าท่า"

    "ช่างเถอะ" อีกฝ่ายถอนหายใจขณะโยนของในมือลงถังขยะที่วางอยู่แถวประตูของห้องครัว "เดี๋ยวผมก็คงชินกับความตรงไปตรงมาของคุณเอง ในสักวันน่ะนะ"

    แดนเนลเดินออกไปแล้ว และทิ้งให้เจย์เดนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

    การเลี่ยงคำถามของแดนเนลนั้นไม่ต่างอะไรกับการยอมรับว่าใช่ นั่นจึงทำให้เขาไม่อยากจะซักไซร้เอาคำตอบต่อ อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยของเขา และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเอาแต่ถามในเรื่องที่อีกฝ่ายไม่อยากเอ่ยถึงซ้ำไปซ้ำมาให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกแย่มากไปกว่าเดิม

    สิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อครู่นั้นไม่ต่างอะไรกับการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายเลยสักนิด และมันก็ถือว่าเป็นอะไรที่ผิดปกติสำหรับตัวเขา เจย์เดนไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้นึกอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแดนเนลมากมายขนาดนี้ มันเหมือนกับว่าเขาอยากจะรู้จัก อยากจะเข้าถึงอีกฝ่ายให้มากขึ้นโดยลืมไปว่าพวกเขาสองคนเพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

    และความรีบร้อนที่มากจนเกินไปของเขาก็เป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายต้องอึดอัด

    เจ้าหน้าที่หนุ่มบอกกับตัวเองว่าหลังจากนี้เขาจะต้องเว้นระยะห่างให้พอเหมาะ และจะต้องใจเย็นให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้กระต่ายป่าที่แสนจะระแวดระวังตัวกระโดดหนีเขาไปไกลกว่าเดิม

    เขาจะรอคอย...ให้กระต่ายป่าแห่งซีไอเอคนนั้นยอมเปิดใจให้เขาด้วยตัวเองในสักวัน





    [tbc.]
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***

    ________________________________________

    แย่แล้วค่าาา! มีคนคิดจะจับกระต่ายป่าาา!
    เจ้าข้าเอ้ยยย! ใครก็ได้มาช่วยหน่อยเร้ววว
    อย่าให้น้องถูกจับไปต้มยำทำแกง ;w;)

    แล้วมารอดูกันนะคะว่าคุณกระต่ายป่าจะหนีรอดเงื้อมือของคุณเอฟบีไอได้ไหม
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
    Note 2 : เราเปลี่ยนพันธุ์สุนัขที่แดนเนลเคยเลี้ยง จากเยอรมันเชพเพิร์ดเป็นบีเกิ้ลนะคะ เพราะเพิ่งมารู้ค่ะว่าน้องโดยองกลัวสุนัขพันธุ์ใหญ่ ;w;)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Gift N. T. (@giftnt1402)
ถึงเราจะเอ็นดูแดนเนลเหมือนลูกชาย (เตียงดูดได้น่ารักมากกก) แต่งานนี้ต้องขอเชียร์ให้เจย์เดนจับกระต่ายป่าสำเร็จและได้ใจน้องซักวันค่ะ แดนเนลดูแลตัวเองได้ แต่เราอ่านกี่ทีก็อยากให้เจย์เดนช่วยดูแลอีกคน ฮ่าๆ

เราชอบความจริงใจที่เจย์เดนมีต่อแดนเนลจังเลย ไม่ว่าจะเวลาทำความรู้จักกันแบบแฮปปี้ๆ หรือแม้แต่เวลามีเรื่องไม่เข้าใจกัน เราก็ชอบที่เจย์เดนพยายามสื่อสารออกมา พยายามปรับ ด้วยแผลในอดีตทำให้แดนเนลยังไม่เปิดใจอยู่แล้ว แต่พอเวลาผ่านไปแล้วเขาจูนกันได้ ดีไม่ดีกระต่ายป่าอาจกระโดดมาหาเจย์เดนเองเลยก็ได้นะคะเนี่ย