เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เดินไปตรงนั้น จะเห็นเขาไหมRada Subphachaisirikul
ลุงยามกามเทพ
  • 1.

    “ลุง สวัสดีค่า หนูเอาหนมเบื้องมาฝาก ไปเรียนก่อนนะคะฝากจักรยานด้วยค่า”

    พูดจบเธอก็เดินกึ่งวิ่งไปยังตึกคณะส่วนลุงยามเดินกลับเข้าป้อมยามหลบแดดร้อนและตากพัดลมต่อไปพร้อมกับคิดว่าอีกหน่อยน้ำตาลในเลือดคงสูงขึ้นอาจต้องเตือนให้เธอคนนั้นหาขนมที่หวานน้อยกว่านี้มาให้บ้าง

    ในทุกวันที่เธอมีเรียนลุงจะได้ขนมหนึ่งถุงพร้อมจักรยานหนึ่งคันให้คอยดูแลมันเริ่มมาจากคำสัญญาในวันสอบเข้ามหาวิยาลัยแห่งนี้

    วันนั้นเป็นวันที่แดดร้อนเธอจอดจักรยานไว้ใกล้ป้อมยามก่อนจะเดินกึ่งวิ่งพร้อมใบหน้าที่งงงวยและเดือดร้อนในที

    “เออ ขอโทษนะคะ ตึกนี้ไปทางไหนเหรอคะ? หนูหาไม่เจอแต่ว่ามันใกล้ได้เวลาสอบแล้ว”

    น้ำเสียงช่วยยืนยันว่าเธอกำลังเดือดร้อนและข้อความที่พูดก็ชัดเจนเป็นที่สุดว่าเดือดร้อนมากลุงยามจึงพาเธอเดินไปยังตึกนั้นให้เรียบร้อย

    “ขอบคุณมากค่ะลุง ถ้าหนูสอบติดจะเอาขนมมาฝากทุกวันเลยนะขอบคุณมากเลยค่า”

    ลุงผงกหัวเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม “ขอให้สอบติดนะลุงไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ” พูดจบลุงก็หัวเราะแล้วเดินกลับไปทำงานต่อ

     

    2.

    “ตายละแก ฉันต้องเสียเงินซื้อขนมให้ลุงทุกวันเลยนะเนี่ย”

    มิลส่ายหัว

    “ใจเย็นแก ไม่ได้มีเรียนทุกวันมั้ย? อย่าลืมว่าถ้าไม่มีลุงแกไม่ได้เข้าที่นี่แน่ ซื้อให้ไปเถอะ เอาค่าขนมแกซื้อให้ลุงไป ลดความอ้วนไปในตัวอย่างเวิร์ค”

    ฉันหัวเราะ มันคือความจริงเพราะยิ่งนึกถึงวันนั้นทีไรก็ยิ่งต้องขอบคุณลุงมากขึ้นไปอีกฉันตั้งใจว่าจะเริ่มเอาให้ลุงในวันแรกที่เข้าเรียน

    “อืม...งั้นเอางี้ดีมั้ย วันนั้นฉันอยากกินอะไรก็ซื้ออันนั้นให้ลุง”

    “อือ ถ้าลุงเขาโอเคก็ซื้อไปเถอะ แกก็ไม่ได้กินแปลกอะไรนี่ ฮ่าๆๆ”

  • 3.

    เรื่องดำเนินไปอย่างนี้ราวๆ สองปี จู่ๆวันหนึ่งก็มีตัวละครใหม่ที่ป้อมยามปรากฏตัวขึ้น อย่างที่ลุงยามไม่คิด เธอไม่คิดแม้แต่ตัวละครใหม่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมีคนหนึ่งให้ขนมลุงยามเกือบทุกวันอยู่แล้ว

    “ลุงครับ ผมเอากล้วยหักมุกปิ้งมาฝากฮะลุงจำผมได้ใช่มั้ยลุงช่วยบอกทางให้ผมตอนมาสอบเข้าที่นี่ ไว้ผมจะซื้อมาฝากบ่อยๆ เลยไปเรียนก่อนนะฮะ ฝากจักรยานผมด้วยนะฮะ”

    วันนั้นตอนบ่ายถุงในมือเธอคือน้ำสมุนไพรที่เขาว่ากันว่าต้านเบาหวานส่วนในมือของลุงคือกล้วยหักมุกปิ้งลูกที่สองเธอประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหา

    “มีใครให้กล้วยมาเหรอคะลุง ฮี่ๆ วันนี้เอาน้ำสมุนไพรมาให้ค่ะเขาว่าต้านเบาหวานด้วยนะคะ แต่ไม่รู้จริงไหม”

    ที่จริงประโยคแรกนั้นเป็นเพียงคำแซวที่เธอไม่คิดว่าจะมีคำตอบอะไร

    “อือ มีหนุ่มน้อยปีหนึ่งเขาซื้อมาให้น่ะ ตอนสอบเข้าลุงบอกทางเขาหน้าตาก็ดีนะ สนใจมั้ยเรา ฮ่าๆๆ อาจจะเป็นเนื้อคู่ก็ได้”

    เธอขำเล็กน้อยตอบปฏิเสธทีเล่นทีจริงไป แล้วเข้าเรียนพอดีกับที่หนุ่มน้อยปีหนึ่งคนนั้นเดินสวนออกจากตึก เธอคิดว่าเขาคนนั้นหล่อดี

    เขาคิดว่าเธอน่ารักจัง

    ทั้งคู่เดินสวนกันไปอย่างไม่รู้อะไรเลย

  • 4.

    เป็นพรหมลิขิตลุงยามคิดอย่างนั้นที่พวกเขามีเรียนเวลาเดียวกันและได้มาเจอกันในที่สุด เธอกำลังยืนคุยกับลุงตอนที่เขามาจอดจักรยานเขาก้มหัวเล็กน้อยเป็นการทักทาย เธอทำอย่างเดียวกันเป็นการตอบรับ

    “นี่ไงหนุ่มน้อยปีหนึ่งที่ลุงเคยเล่าให้ฟังน่ะ”

    เขาเกาหัวพรอมกับหัวเราะแหะๆ ในมือถือถุงขนมบ้าบิ่นอยู่

    “ลุงเล่าอะไรเกี่ยวกับผมไปบ้างฮะเนี่ย ยินดีที่ได้รู้จักฮะ”

    เธอยืนมองขนมนั่นสักพักก็พูดขึ้น

    “ลุงเคยเล่าเรื่องเราให้ฟังมั้ย? ตอนนั้นเรามาสอบเข้า กำลังจะสายแล้วเพราะเราหาตึกไม่เจอแต่ลุงก็พาไปส่งได้ทันเวลาเราเลยสัญญากับลุงว่าจะเอาขนมมาฝากทุกวัน...เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? เพียงแต่ว่าเราให้มาตั้งสองปีแล้ว...ลุงแกพยายามไม่กินขนมที่หวานมากๆอยู่นะ เดี๋ยวสุขภาพจะแย่”

    เขาหน้าเสีย และนั่นก็ทำให้เธอหน้าเสียลุงเป็นคนเดียวที่ยังปกติดีและพูดออกมา

    “เบลล์เอ๊ย ยังติดนิสัยพูดแรงไม่เปลี่ยนเลยนะเรื่องนั้นที่จริงลุงบอกเองก็ได้ อย่าลืมไปแก้นิสัยนี้ด้วยล่ะไม่ดีต่อการอยู่ในสังคมเท่าไรเลยนะ”

    เธอพนมมือไว้ตรงอกพูดเบาๆ ว่าขอโทษค่าลุง

    “ขอโทษคนนั้นนู่นหน้าเสียจนจะเดินเอาบ้าบิ่นไปทิ้งอยู่แล้ว ลุงยังอยากกินอยู่นะ ฮ่ะๆ”

    เขารีบยื่นมือมาหยุดเธอไว้ตอนที่มีอกำลังพนมขึ้นและเตรียมไหว้

    “มะ..ไม่ต้องครับ ผม...เด็กกว่าอีกอย่าไหว้เลย ผมไม่เป็นไรฮะ ไม่ต้องขอโทษก็ได้”

    นั่นทำให้เธอชะงักแล้วปล่อยมือทั้งสองลงข้างตัวเหมือนเดิม

    “เอ่องั้นลุงครับนี่บ้าบิ่นฮะ...พี่ไม่ได้ไปทำกิจกรรมรับน้องใช่มั้ยฮะไม่เคยเห็นหน้าเลย”

    “ไม่ได้ไปอะ ขี้เกียจ คนก็พออยู่แล้วด้วย”

    เธอพูดพลางยกมือขึ้นดูนาฬิกา

    “เรียนกี่โมงอะ”

    เขาเงียบคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

    “สิบโมงฮะ”

    “งั้นไปเหอะ เราก็จะไปแล้ว เวลาเดียวกันเลยลุงหนูไปก่อนนะคะ กินขนมให้อร่อยน้า”

     

    ไม่มีใครคิดนอกจากลุง ว่าเขาจะเป็นคู่กันแต่สิ่งที่ลุงไม่เคยคิดถึงคือการแต่งงาน ในวันที่ลุงเกษียนไปแล้ว

  • 5.

    “ลุง สวัสดีค่า”

    “หวัดดีฮะลุง เราเอาขนมมาฝากด้วยนะ”

    ลุงยังคงยิ้มเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่ได้อยากกินมากมาย แต่เป็นโชคดีที่ได้คนดีๆ ให้ขนมอย่างเต็มใจเรื่อยมา

    “ลุง เราจะแต่งงานกันแล้วนะไปงานด้วยนะลุง  นี่บัตรเชิญค่ะถ้าไม่มีลุงที่รู้ทางไปตึกนั้นล่ะก็เราคงไม่ได้เจอกันแน่ๆ ไปให้ได้นะคะ”

    เขาทั้งคู่ยิ้ม ลุงเองก็ยิ้มเป็นอย่างที่คิดมาตลอด พวกเขาเป็นเนื้อคู่กัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in