เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cloud flow , tears runxundae
day twenty-five : gallery
  • กลุ่มเมฆลอยเคลื่อนไวจนเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้ไม่ตั้งใจสังเกต ท้องฟ้าขมุกขมัวจนชวนอึดอัด ข้อความโต้ตอบในระบบสนทนายังค้างอยู่ที่เมื่อวานและโทรศัพท์ผมยังไม่ส่งเสียงเลยสักครั้ง ความผูกพันกำลังทำร้ายผม ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นกับเธอด้วยไหม หรือเป็นเพียงผมที่หยิบมันมาทำร้ายตัวเอง


    อาหารเต็มโต๊ะถูกจัดเตรียมไว้จากเสบียงของสดที่ผมออกไปซื้อเพิ่มเมื่อวานเย็น กราฟกวาดสายตามองทุกจานด้วยแววตาสงสัยแต่เขายังไม่ตั้งคำถาม หลังจากกวาดปลากระพงทอดน้ำปลา ผัดปลาหมึกใส่ไข่เค็มและตุ๋นซี่โครงหมูจนเรียบเราถึงได้เงยหน้าพูดคุยกันอีกครั้ง


    “มีอะไรทำไหมวันนี้”

    “ว่าง”

    “ไม่มีนัดกับพี่พาย ?”

    “เคยมี ตอนนี้ไม่มีแล้ว” ผมนึกถึงหนังเรื่องใหม่ล่าสุดที่จะเข้าฉายในวันพรุ่งนี้ เรื่องที่ผมและพายคุยกันตั้งแต่สัปดาห์แรกที่รู้จักว่าอยากไปดูด้วยกัน

    “พี่พายรู้รึยังว่ามึงกลับวันศุกร์”

    “รู้แล้ว บอกแล้ว”

    “แล้วมึงจะกลับมาวันไหน”

    ผมสบตาเพื่อนสนิท รวบช้อนแล้วเริ่มเก็บจานชามบนโต๊ะอาหาร “เขาก็ถามอย่างนี้ แต่กูยังให้คำตอบไม่ได้”

    “บางทีมึงก็ชอบทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากจัง”

    “มึงกับกูก็พอกันนั่นแหละน่า” ผมพึมพำ อีกฝ่ายยักไหล่ก่อนจะปลีกตัวไปหาตู้เย็นแทน ผมหย่อนทุกอย่างลงในอ่างล้างจาน นึกอย่างล้างความทรงจำขึ้นมาด้วยแต่ซันไลต์กับสก๊อตไบร์ทมันจะไปทำอะไรได้


    แค่กลับไปรับปริญญาไม่กี่วันก็กลับมาได้แล้ว แทบไม่ต้องเก็บกระเป๋าล่วงหน้าด้วยซ้ำเพราะผมไม่มีอะไรเป็นของตัวเองที่เชียงใหม่นอกไปจากเสื้อผ้ากับสมุดบันทึกอีกสองสามเล่ม จะเดินทางในคืนนี้หรือเวลานี้ก็ยังได้เสียด้วยซ้ำ การต้องบอกลาต่างหากที่ดูจะเป็นปัญหากับผมมากกว่า ผมกลัว กลัวมาตลอด ทั้งที่พูดบอกใครได้ดิบดีแต่เมื่อหันหน้าตรงเข้าสู่สถานการณ์ของตัวเองทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่า


    กราฟนั่งเท้าคางมองไปนอกหน้าต่าง ผู้สมรู้ร่วมคิดหนึ่งเดียวในการหลบหนีครั้งล่าสุดของผมพรมนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะโดดไปมาจนน่ารำคาญ ผมไม่จำเป็นต้องวางแผน บ่อยครั้งมันเป็นการตัดสินใจวูบเดียวก่อนจะออกตัววิ่งโดยไม่ต้องการสัญญาณปล่อยตัวด้วยซ้ำ นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมลังเล ไม่สิ ว่ากันตามตรงขณะนี้ผมแทบไม่รู้สึกอะไรเลย จังหวะในอกผมเต้นสงบจนเรียกได้ว่าสม่ำเสมอก่อนที่มันจะกระตุกจนแทบหยุดไปเมื่อหูเจ้ากรรมได้ยินเสียงเครื่องยนต์คุ้นหูแทรกเข้ามา


    “ไหนมึงบอกว่าวันนี้ไม่มีนัดไง”


    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    ระยะห่างจากหน้าจอโทรศัพท์ถูกร่นให้เหลือไม่ถึงหนึ่งเมตร พายนั่งอยู่หลังพวงมาลัยทำให้ผมไม่รู้ว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน ลำโพงไม่ถูกใช้งาน ระหว่างเราจึงมีแค่ความเงียบที่ถูกบรรเลงซ้ำไปมา ทุกวินาทีเหมือนถูกดึงรั้งให้ยาวนานกว่าความเป็นจริง ผมรู้สึกเหมือนกาลเวลาผ่านไปแรมปี หรือเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นความฝันกัน


    “เราขออย่างนึงได้ไหม” เธอเอ่ยปากออกมาเป็นประโยคแรก “ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญช่วยบอกเราต่อหน้าเถอะ จะดีร้ายยังไงเราจะรับไว้เอง” นัยน์ตาสีเข้มมองสบผม ไม่มีแววหวั่นไหว “หรือถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญกับปอนด์ เราก็จะได้รู้ไว้”


    รถมินิคูเปอร์ของเธอจอดสนิทอยู่กลางลานจอดรถภายในหอศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดดเดี่ยวอยู่ใต้ท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งที่ยังไม่ถึงเที่ยงวัน หอศิลป์ในวันพุธร้างผู้คน นอกจากแมวสีส้มที่เดินตัดหน้าผมไปมาก็มีแค่เราที่มีตัวตน เสี้ยวหน้าของพายเรียบนิ่ง เหมือนในวันแรกที่ได้พบ เป็นงานศิลปะชิ้นเอก ส่วนผมเป็นเพียงดินเหนียวที่ถูกขึ้นรูปจากความไม่ตั้งใจ บิดเบี้ยว และมีภายในกลวงเปล่า




    เฮ้อ
    ทำไมคนถึงตกหลุมรักกันนะ




    .
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in