เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FICTIONmaeday
วันที่เธอป่วย
  • Title : วันที่เธอป่วย
    Pairing : Jimin x Taehyung (MinV)
    Rate : PG
    Note : นี่คือมินวีนะคะ 



         แสงแดดอ่อนที่ลอดผ้าม่านหนาหนักเข้ามาในห้องไม่ใช่สิ่งที่ปลุกให้แทฮยองตื่น เขารู้สึกตัวได้ซักพักแล้วแต่ยังไม่อยากลุกจากเตียง เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาต้องนอนดึกตื่นเช้า วิ่งวุ่นอยู่กับการดูแลงานแสดงศิลปะของศิลปินชาวเกาหลีชื่อดัง อาชีพภัณฑารักษ์ไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องเจอกับศิลปินเจ้ายศเจ้าอย่าง เมื่อนิทรรศการดังกล่าวเสร็จสิ้น รวมทั้งคืนงานศิลปะทั้งหมดแก่เจ้าของ วันนี้ของแทฮยองจึงไม่เร่งรีบ เขาอยากจะนอนแผ่บนเตียง และคงไปถึงออฟฟิศใกล้ๆ เที่ยง 


         แทฮยองเหลือบตามองคนข้างตัวซึ่งยังอยู่ในห้วงนิทรา เวลานี้จีมินควรจะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปทำงานแล้ว น่าแปลกที่ยังหลับอยู่ ดูเหมือนจะหลับสนิทเสียด้วย แทฮยองปล่อยให้อีกคนนอนต่อซักพัก ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา จีมินก็คร่ำเครียดกับงานไม่แพ้เขา เห็นว่าทีมการตลาดที่จีมินทำงานอยู่ ต้องระดมไอเดียเพื่อหากลยุทธ์ให้สินค้าแบรนด์เนมซึ่งกำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ เจ้านายของแฟนเขาก็ช่างใจร้ายเหลือเกิน ใช้งานจนหามรุ่งหามค่ำ แทฮยองเห็นก็อดสงสารไม่ได้ ปล่อยให้นอนต่ออีกซักสิบนาที คงไม่ถึงกับเข้างานสายหรอก คิดอย่างนั้นแล้วจึงคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ


         หยดน้ำที่เกาะพราวทั่วใบหน้าและลำคอกระทบกับอุณหภูมิเย็นๆ ในห้องทำให้แทฮยองรู้สึกสดชื่น เขาเลือกใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีเข้มกับกางเกงผ้าขายาว เมื่อเห็นว่าจีมินยังหลับอยู่ในท่าเดิม แทฮยองจึงเดินอ้อมเตียงไปฝั่งคนที่นอนอยู่แล้วจึงสะกิดเบาๆ 


    "เฮ้...ตื่นเร็ว เดี๋ยวจะสายนะ"


    เมื่อมือสีแทนแตะที่ใบหน้าขาวนวลก็ต้องตกใจกับอุณหภูมิร่างกายอีกคน นึกย้อนไปเมื่อสองวันก่อนเขาขอยืมรถจีมินมาใช้ชั่วคราว ทำให้อีกคนต้องเปียกฝนในขากลับจากที่ทำงาน อีกทั้งยังพักผ่อนน้อย สงสัยคงโดนไข้หวัดเล่นงานเอาซะแล้ว มือเรียวเพิ่มแรงสะกิดอีกคนให้รู้สึกตัว คนป่วยลืมตาปรือปรอย แทฮยองเพิ่งเห็นว่าแก้มขาวของจีมินแดงระเรื่อด้วยพิษไข้


    "จีมินตื่นก่อน ไหวมั้ยเนี่ย"


          "ตัวนายร้อนจี๋เลย สงสัยจะเป็นไข้น่ะ ไปโรงพยาบาลมั้ย" แทฮยองเห็นจีมินพยายามฝืนลืมตา เอามืออังหน้าผากตัวเอง ก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ เจ้าตัวพึมพำว่าไม่ไปโรงพยาบาลแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันหนีเขาไปอีกฝั่งเพื่อหลับต่อ แทฮยองยู่ปากแล้วก็มองหาโทรศัพท์ของอีกคน  เห็นว่าอยู่หัวเตียงจึงหยิบมาค้นหารายชื่อหัวหน้างานของจีมิน ปลายสายดังอยู่พักหนึ่งจึงจะมีคนรับ


     "พี่นัมจุน นี่ผมเอง แทฮยอง พอดีจีมินเป็นไข้น่ะครับ ท่าทางเขาคงไปทำงานไม่ไหว"


    นัมจุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่าจะแจ้งเจ้านายใหญ่ให้อีกที แล้วก็สั่งเขาหาข้าวหายาให้จีมินกิน แทฮยองสงสัยว่านัมจุนเองก็ใกล้จะป่วยไปด้วย จึงบอกให้อีกฝั่งดูแลสุขภาพเช่นกันก่อนจะวางสาย เขายืนมองก้อนผ้าห่มหนานุ่มบนเตียงแล้วหมุนตัวออกไปห้องรับแขกที่ติดกับห้องนอนเพื่อหยิบกล่องปฐมพยาบาล จีมินมักจะเก็บยาเล็กๆ น้อยๆ ไว้ในนี้เพราะแทฮยองป่วยง่าย หากอุณหภูมิแปรปรวนนิดหน่อย เขาก็พร้อมจะจามน้ำมูกไหลจนจมูกแดง  ตั้งแต่คบกันมา 6 ปี เขาเคยเห็นจีมินป่วยไม่เกิน 5 ครั้ง แล้วป่วยทีไรก็จะเป็นเรื่องใหญ่ทุกครั้ง ก่อนหน้านี้ก็เป็นลำไส้อักเสบจนต้องไปนอนโรงพยาบาลหลายวัน 


    แทฮยองเจอยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมากมาย เขาเลือกเพียงยาแก้ไข้และยาลดน้ำมูกออกมา นึกขึ้นได้ว่าควรจะมีอะไรรองท้องคนป่วยก่อนกินยา ใบหน้าน่ารักพลันบูดบึ้งเมื่อคิดว่าต้องเตรียมอาหารให้อีกคน ก็เขาน่ะ ห่วยแตกเรื่องทำอาหารมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ก่อนหน้านี้เป็นหน้าที่ของพี่ซอกจิน พี่ชายผู้แสนสุภาพเรียบร้อย ผู้ดูแลปากท้องให้เขา พอย้ายมาอยู่กับจีมิน หมอนั่นจะสวมบทพ่อครัวมากกว่า เขามักจะได้รับบทเป็นนักชิมเจ็ดย่านน้ำแทน


    เปิดตู้เย็นดูก็พบว่าไม่มีอะไรเหมาะกับคนป่วยเลยซักนิด แทฮยองเขยิบขวดไวน์ อีกทั้งค็อกเทลสีสวยเพื่อตรวจดูให้ทั่ว แม้แต่ไข่ซักใบก็ยังไม่มี ไม่ต้องถามถึงของสดอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ แทฮยองจึงปิดตู้เย็นเดินเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง เขาหยิบกระเป๋าสตางค์และถุงผ้า เช็คอีกครั้งให้แน่ใจว่าจีมินหลับสนิท แล้วจึงใส่รองเท้า เพื่อไปซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ห่างจากคอนโดของเขาไปหกบล็อค

    .

    .

    .

    .

    แทฮยองกระชับถุงผ้าที่อัดแน่นด้วยผัก ผลไม้ และอาหารสดในมือซ้ายให้มั่น ส่วนมือขวาที่ถือไอศกรีมก็เอาไปฝากไว้ที่ปากก่อนจะคว้าคีย์การ์ดแตะเข้าห้อง เขาคิดว่าจะออกไปซื้อของไม่เกินครึ่งชั่วโมง เอาเข้าจริงใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าๆ เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์เรื่องลางานกับเลขา และงานประมูลชิ้นงานศิลปะในอีกสองเดือนข้างหน้ากับจอน จองกุก พ่อค้างานศิลปะที่รู้จักกันดี ขาเรียวก้าวเข้าไปในส่วนครัวเพื่อเอาของไปวาง หางตาสังเกตเห็นบางอย่างบนโซฟาจึงเดินออกมาดูอีกครั้ง เป็นจีมินที่นั่งหลับอยู่ เพียงแต่ย้ายจากเตียงมานอนมาที่ห้องรับแขก 


    "จีมินอ่า...ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ นอนในห้องไม่สบายหรอ" แทฮยองลูบต้นแขนในชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม เมื่อเห็นว่าท่าที่นอนอยู่คงไม่สบายตัวนัก มือเรียวแตะหน้าผากเพื่อวัดไข้อีกครั้งก่อนจะลูบกลุ่มผมหนาสีดำ 


     "ฉันนึกว่านายหนีไปทำงานแล้วซะอีก" คนป่วยกระซิบแผ่ว โดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ จีมินคว้าเอวแทฮยองแล้วซุกหน้าท้องคนที่ยืนอยู่ แทฮยองเลิกคิ้วก่อนจะอมยิ้ม เวลาจีมินป่วยจะอ้อนเขามากกว่าปกติ มือเรียวลูบไปบนแผ่นหลังที่กั้นไว้ด้วยผ้าเนื้อลื่นอย่างเอาอกเอาใจ 


    "ไปได้ยังไง นายป่วยจนลุกไม่ขึ้นแบบนี้ อาบน้ำไหวหรือเปล่า หรือจะเช็ดตัว แล้วจะได้กินข้าวกินยา หืม?" 


    เขาได้ยินเสียงงึมงำว่าจะอาบเองแต่เจ้าตัวก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับ แทฮยองรั้งตัวอีกคนให้ยืนขึ้น จูงไปหน้าห้องน้ำพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวให้ จีมินที่ห่ออยู่ในผ้าเช็ดตัวนั้นน่ารักจนแทฮยองกดจูบเร็วๆ ที่ริมฝีปาก ไล่คนป่วยไปอาบน้ำเสร็จ จึงไปจัดการเตรียมอาหารต่อ


    โชคดีที่พี่ซอกจินสอนให้เขาทำเมนูง่ายๆไว้บ้าง ข้าวต้มไก่ควันฉุยถูกยกมาเสิร์ฟหน้าจีมินที่ดูเหมือนจะสดชื่นขึ้นหน่อยหลังจากอาบน้ำเสร็จ แทฮยองนั่งลงข้างกันพร้อมข้าวต้มไก่อีกถ้วย ทั้งคู่ทานอาหารเช้าพร้อมกันเงียบๆ ลิ้นคนป่วยทานอะไรก็ไม่รู้รสชาติ แต่เห็นแก่คนที่ดั้นด้นไปซื้อมาปรุงให้ จีมินก็ฝืนทานจนหมด ตามด้วยยาเม็ดใหญ่และน้ำอีกสองแก้ว แทฮยองนั่งเฝ้าเขาให้กินทุกอย่างจนหมดก่อนจะปล่อยตัวให้ไปนอนพัก 


    จีมินพาตัวเองมาที่เตียงก่อนคว้าโทรศัพท์มาเช็คงานเล็กน้อย เห็นข้อความให้กำลังใจขอให้หายป่วยเร็วๆ จากเพื่อนพนักงานในกลุ่มสนทนาโปรแกรมแชท และข้อความจากนัมจุนเรื่องประชุมงานบ่ายนี้ต้องเลื่อนออกไป เพราะตัวนัมจุนเองก็ป่วยจนต้องลางานเช่นกัน จีมินเหลือบตาเห็นแทฮยองยกโน้ตบุ๊คและแฟ้มเอกสารมาวางกองตรงเก้าอี้ยาวในห้องนอน เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขายังไม่ได้นอนก็จ้องตาเขียวปั๊ด


    "มัวแต่เล่นมือถือ หลับได้แล้ว"


    จีมินยกมือยอมแพ้ก่อนจะวางมือถืออย่างว่าง่าย ดวงตาคมมองการเคลื่อนไหวของแทฮยองซึ่งกำลังวุ่นวายกับเอกสารและการจัดวางอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค เมื่อเห็นว่าคนตัวบางทำท่าตั้งหลักทำงานในห้องนอนแทนที่จะเป็นห้องทำงานที่อยู่ถัดไป เขาก็เบาใจ 


    เมื่อตอนสาย เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ในห้อง หัวใจของจีมินหล่นวูบ หัวสมองพาลน้อยใจแฟนตัวเอง ทั้งที่ป่วยถึงขนาดนี้ยังมีแก่ใจทิ้งเขาไปทำงานอีก จีมินฮึบความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนจะสะลึมสะลือไปห้องรับแขก ว่าจะหายาแก้ไข้กินเองแต่ก็ฝืนไม่ไหว เวียนหัวจนต้องนั่งแปะลงบนโซฟา นอกจากจะน้อยใจแล้วยังโมโหอีกต่างหาก ถ้าเกิดเขาตายไปจะตามไปรังควาญให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน หลอกหลอนแฟนใหม่ทุกคนให้ต้องเลิกกัน จนชีวิตนี้ คิม แทฮยอง ไม่สามารถมีใครได้เพราะวิญญาณแฟนเก่าอย่างเขาวนเวียนตามอาฆาตอยู่ไม่ห่าง ดวงตาเรียวปิดลงเพื่อพักสายตา พลันหูได้ยินเสียงกุกกักที่ประตูห้อง ก่อนจะเปิดเข้ามาเป็นแทฮยองที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงหอบหิ้วถุงผ้าใบใหญ่ ดูเหมือนว่าเพิ่งกลับมาจากซุปเปอร์ จีมินส่ายหัวกับตัวเอง อาจเพราะโดนไข้หวัดเล่นงานทำให้เขาอ่อนไหวง่ายถึงเพียงนี้


    เมื่อยุกยิกจนได้ท่าที่พอใจ จึงเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

    .

    .

    .

    .


    จีมินตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเป็นช่วงหัวค่ำแล้ว ตัวเขานั้นรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมาก สำรวจไปรอบห้องก็เห็นแทฮยองหลับคอพับบนเก้าอี้ตัวยาว เขายิ้มน้อยๆ แล้วหยิบผ้าห่มติดมือไปห่มให้อีกคน มองใบหน้าไร้เดียงสายามหลับก่อนเสียงท้องร้องประท้วงจะขัดจังหวะเข้า ด้วยเหตุว่าไม่ได้กินมื้อกลางวัน เขาจึงควรหาอะไรใส่ท้องซักหน่อย


    มื้อเย็นเขาไม่ได้เตรียมอะไรพิเศษ เพียงข้าวต้มและกับข้าวง่ายๆ สำหรับสองคน จีมินเดินไปปลุกอีกคนให้มาทานอาหารเย็น เขาไม่อยากให้แทฮยองนอนกลางวันนัก เพราะอีกฝ่ายมักจะตาค้างจนนอนไม่หลับ ส่งผลให้อีกวันง่วงงุนไม่อยากไปทำงาน จีมินก้มลงกดจูบแผ่วเบาบนหน้าผากก่อนจะไล่ลงมา ขมับ ดวงตา และแก้มเนียน แล้วจึงได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ดวงตาคมประสานเข้ากับตากลมโต 


    "รู้สึกดีขึ้นแล้วหรอ"


    จีมินพยักหน้าแล้วดึงอีกคนให้ลุกมากินข้าว เมื่อแทฮยองได้กลับมารับหน้าที่นักชิมอีกครั้ง เจ้าตัวดูจะลั้นลาเป็นพิเศษ เขาเห็นแล้วก็มันเขี้ยวจนต้องตะปบลงบนสะโพกแรงๆ เสียหนึ่งที แทฮยองจัดแจงตักข้าวและยกแก้วน้ำมาให้เรียบร้อย ทั้งคู่ทานอาหารเย็นกันแบบเรียบง่าย จากนั้นย้ายตำแหน่งจากโต๊ะอาหารมานอนดูทีวีกันที่โซฟารับแขก ละครช่วงค่ำจบลง ต่างคนก็ต่างผลัดกันไปอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน


    จีมินซับหยดน้ำที่เกาะปลายผมพลางมองแทฮยองในชุดนอนซึ่งกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ เขาแทบไม่ได้สังเกตเลยว่าแทฮยองย้ายมาอยู่กับเขาได้ 4 ปีกว่าแล้ว ช่วงเวลาที่เรียกว่าโปรโมชั่นมันหมดไปนานแล้ว เขาคิดว่าแทฮยองก็เช่นกัน ความสัมพันธ์ฉันท์คนรักคล้ายกับการเป็นบัดดี้ในชีวิตกันมากกว่า เมื่อมีคนที่ขาด ก็ต้องมีอีกคนที่เติม ถ้าวันนี้แทฮยองจะไปทำงาน เขาก็ไม่มีปัญหา แต่พอเห็นว่าอีกคนอยู่ดูแลเขา มันก็ทำให้เขาอุ่นใจ ถึงแม้ชีวิตรักของพวกเขาจะราบเรียบ แต่ทั้งคู่ก็พยายามทำให้มีสีสัน ไม่จืดชืด 


    แทฮยองรู้สึกได้ถึงแรงยวบจากอีกฝั่งของฝูกนอน ดูนาฬิกาจึงเห็นว่าใกล้เวลาเข้านอน เขาเก็บโทรศัพท์ก่อนอ้าแขนรับจีมินที่มุดผ้าห่มเข้ามากอด ริมฝีปากแดงจัดพรมจูบไปทั่วใบหน้าเขา แทฮยองหัวเราะจั๊กจี้เมื่อเนื้อนุ่มไต่ไปใกล้หู แล้วจึงวกกลับมาที่ริมฝีปากอิ่มตึง บดเบียดเนื้ออ่อนแผ่วเบาก่อนจะผละออก จีมินหันไปปิดโคมไฟหัวเตียง 


           "ราตรีสวัสดิ์ / ฝันดีนะ" เสียงนุ่มทุ้มดังในความมืดก่อนทั้งคู่จะจมดิ่งสู่ห้วงความฝัน



    จบ.



    Talk : Happy (early) Valentine's Day ค่า เป็นของขวัญชิ้นเล็กๆ ก่อนวาเลนไทน์นะคะ เราอยากแต่งฟีลนี้มานาน แบบคู่ที่คบกันมานานจนความหวานมันหมดไปละ เหลือแต่ความห่วงใยแบบเพื่อนกันมากกว่า ชอบไม่ชอบยังไงคอมเม้นต์ได้นะคะ



    maeday.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in