เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อวันที่ข้าพเจ้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (Depression Diary)Tongg Pongsathorn
ซึมเศร้า Diary (17) Admit : 1
  • ที่ผ่านมาเราเป็นคนไข้ที่ดีมาโดยตลอด ความหมายคือ กินยาตามที่หมอสั่งและไปพบแพทย์ตามนัดตลอด (อาจมีเลื่อนวันบ้าง เนื่องจากติดงานหรือลืม) ไปทำงานด้วยความคิดแบบที่หมอบอก ซึ่งหมอย้ำเสมอว่า ถ้ารู้สึกไม่ไหว สามารถมาหาหมอได้เสมอ ไม่ต้องรอตามนัด หรือจะไปที่ฉุกเฉินก็ได้ หากมีการคิดฆ่าตัวตายเกิดขึ้น เราไม่แนะนำผู้ป่วยต้องสงสัย (ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์) ให้แกล้งเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน เพราะกว่าคุณจะเป็นผู้ป่วยจริงๆ ก็ต่อเมื่อแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยโรคเท่านั้น ฉะนั้นหากแกล้งเป็นแล้วหมอวินิจฉัยโรคแล้วว่าไม่เป็นอาจถูกหมอตำหนิได้ เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ปกติก็มีเยอะมากอยู่แล้ว

    วันเวลาผ่านไปเรากลับรู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ หรือที่เรียกกันว่า "ดิ่ง" ไม่ว่าทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน เริ่มทำให้เรารู้สึกแย่ลงในทุกๆวัน เรามีปัญหากับครอบครัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องงานตั้งแต่ย้ายฝ่ายงานมา เรารู้สึกเกรงใจพี่ๆในส่วนงานใหม่ที่ต้องคอยมาเป็นห่วงเราอีก (กดดันตัวเอง) จนถึงวันที่เรามีปัญหามากๆ แล้วหงุดหงิดอยู่ในใจเลยเอายา xxxxxxxxxxxx กรอกใส่ปากทีเดียว 55 เม็ด หวังจะหลับยาวแล้วไม่ตื่นอีกเลย โดยทิ้งข้อความในไลน์ไว้ให้พี่ที่ทำงานคนนึงเอาไว้สั่งลา แต่ด้วยความโง่เขลา ลืมไปว่ามีโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน โดยสามารถไปถึงได้ภายใน 10 นาที เลยโดนหิ้วปีกไปโรงพยาบาลแถวหลักสี่ แผนกฉุกเฉิน โดยหมอและพยาบาลถามว่าเป็นอะไรมา พี่ที่ทำงานก็เลยบอกว่ากินยาเกินขนาด ตอนนั้นรู้สึกง่วงมากๆแต่ถูกปลุกด้วยหมอและพยาบาลตลอดเวลา หมอพยายามถามว่ากินยาอะไร แต่เราจำชื่อยาไม่ได้ ด้วยการที่ยาออกฤทธิ์ช้าและส่งถึงโรงพยาบาลเร็ว ทำให้พยาบาลรีบเอาสายยางสอดผ่านรูจมูกแล้วพยายามให้เรากลืนมันลงคอ วิธีการก็คือฉีดน้ำลงไปแล้วก็ดูดมันออกมาพร้อมตัวยา พอดูดเสร็จก็จะฉีดชาร์โคลลงไป แล้วก็ปล่อยเราไว้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง ตอนนั้นปวดฉี่มาก แต่ด้วยการมึนจากยาทำให้ลุกขึ้นไม่ไหว ตอนแรกคิดว่าดูดล้างเสร็จจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน รู้ตัวอีกทีถูกส่งเข้าห้องโรงพยาบาลเพื่อแอดมิดไปซะอย่างงั้น เพื่อดูอาการ ค่า หรือพิษ ว่ายังมีอยู่ในเลือดหรือไม่

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Pumpkin_kl22 (@killer)
เป็นกำลังใจให้นะคะ
สักวันคุณ Tongg Pongathorn จะต้องหายจากโรคซึมเศร้าค่ะ
เราอยากให้คุณเชื่อแบบนั้นนะ และเราก็เชื่อว่าคุณจะต้องหายจริงๆ